“ดูท่าเฉินไต้ซือ รับมือได้ยากกว่าที่ฉันคิดเสียอีกนะ!” นายกรัฐมนตรีแอบถอนหายใจ
“ยอมแพ้กับคนแบบนี้ ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย” นายกรัฐมนตรีปลอบใจตัวเอง
นายกรัฐมนตรีโค้งคำนับต่อเฉินโม่อีกครั้ง “เฉินไต้ซือ ก่อนหน้านี้เสียมารยาทมากเพียงใด หวังว่าเฉินไต้ซือจะยกโทษให้”
“นับตั้งแต่วันนี้ เพียงแค่เฉินไต้ซือมีชีวิตอยู่ ประเทศต้าเหอของฉันจะไม่ล่วงเกินตลอดกาล!”
เฉินโม่มองดูนายกรัฐมนตรีของประเทศต้าเหอผู้นี้ ในใจแอบถอดทอนใจ ดูท่าคนที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เป็นคนมีวิสัยทัศน์เหนือกว่าผู้อื่น ตัดสินใจได้เด็ดขาดกว่า สู้ไม่ได้ ก็วิ่งแจ้นมายอมแพ้ด้วยตัวเองทันที
นี่กลัวว่าฉันจะตอบโต้สินะ!
เฉินโม่ยิ้มมุมปากเยาะเย้ย
“นายกรัฐมนตรีคำนวณได้ดีจริงๆ สู้ๆ ไม่ไหว ก็ยอมแพ้โดยตรง เพราะกลัวว่าฉันจะตอบโต้พวกคุณเหรอ?” เฉินโม่ไม่ไว้หน้าคนเหล่านี้ แทงทะลุเจตนาของพวกเขาโดยตรง
นายกรัฐมนตรีและคนอื่นๆ หน้าแดง ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเดือดดาล แต่ว่ากล้าโมโหก็ไม่กล้าพูด ในเมื่อสู้เฉินโม่ไม่ได้ ในเมื่อตัดสินใจยอมแพ้ งั้นก็ต้องท่าทางจริงใจหน่อย
นายกรัฐมนตรีพูดด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยความเสียใจ “ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเฉินไต้ซือได้หลุดพ้นจากโลกมนุษย์ตั้งนานแล้ว ดังนั้นถึงได้เสียมารยาท ตอนนี้ได้รับรู้แล้ว แน่นอนว่าไม่กล้าที่จะแสดงความไม่เคารพใดๆ ต่อท่านเซียน ท่านเซียนเหตุใดถึงได้คิดเล็กคิดน้อยกับคนทั่วไปอย่างฉัน?”
เฉินโม่มองดูเขาเงียบๆ พูดตามตรง เขาอยากจะตบหน้าไอ้หมอนี่ให้ตายไปเลย
แต่ว่าตอนนี้เขาบาดเจ็บ อีกอย่างถ้าหากฆ่านายกรัฐมนตรีประเทศต้าเหอ งั้นทั้งสองประเทศเกรงว่าจะต้องเปิดฉากทำสงครามในทันที ถึงแม้เขาพละกำลังแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถฆ่าทั้งประเทศด้วยตัวคนเดียวได้
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนหลังจากการเปิดสงครามระหว่างสองประเทศ เฉินโม่เลือกที่จะอดทนไว้
“ในฐานะที่คุณมาถึงด้วยตัวเอง ก็ถือว่ามีความจริงใจแล้ว ส่งฉันกลับหัวเซี่ยเถอะ!” เฉินโม่พูดอย่างเรียบเฉย ไม่ได้รับปากใดๆ ต่อนายกรัฐมนตรีประเทศต้าเหอ
แต่ว่า นายกรัฐมนตรีประเทศต้าเหอกลับดีใจอย่างมาก เฉินโม่พูดแถบนี้ถือว่าให้อภัยเขาแล้ว
“ขอบคุณท่านเซียน!” นายกรัฐมนตรีประเทศต้าเหอตอนนี้แม้แต่เรียกชื่อเฉินไต้ซือโดยตรงก็ไม่กล้า เขาเรียกเฉินโม่ว่าท่านเซียนโดยตรง
นายกรัฐมนตรีหันหลังพูดกับคนที่อยู่ด้านหลัง “เว้นรถออกมาคันหนึ่ง ให้ท่านเซียนนั่ง จากนั้นตามฉันไปส่งท่านเซียนที่สนามบิน!”
“ครับ!
ทุกคนส่งเฉินโม่ถึงสนามบินด้วยกัน ก่อนจากกัน นายกรัฐมนตรีแสดงความขอโทษอีกหลายครั้ง หวังว่าท่านเซียนจะสามารถให้อภัยได้
ถ้าหากไม่ใช่ว่าเฉินโม่มองทะลุสีหน้าของคนเหล่านี้ ไม่แน่อาจจะเชื่อว่าพวกเขาปอดแหกจริงๆ ก็ได้
“เอาเถอะ ไม่ต้องส่งแล้ว กลับไปเถอะ!” เฉินโม่พูดกับนายกรัฐมนตรี
“ครับ ขอให้ท่านเซียนเดินทางปลอดภัย!” นายกรัฐมนตรีโค้งตัวคำนับ ท่าทางถ่อมตัวสุดๆ
เฉินโม่ไม่ได้สนใจ พาเล่หรูหั่วขึ้นเครื่องบินโดยตรง
เครื่องบินเป็นเครื่องบินส่วนบุคคล มีเพียงเฉินโม่กับเล่หรูหั่วสองคน และก็มีนักบินอีกคนหนึ่ง
เล่หรูหั่วพูดเยาะเย้ย “คนที่แข็งแกร่งกว่าถึงจะมีเหตุผล ถ้าหากไม่ใช่คุณที่ขวางกั้นขีปนาวุธนั้นไว้ได้ เกรงว่าตอนนี้พวกเขาคงจะกำลังเตรียมเฉลิมฉลองกันเล็กน้อยแล้ว”
“ใช่ แต่ทหารของทั้งสองกรม ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บตัวได้” เฉินโม่นั่งอยู่ตรงที่นั่ง พูดเรียบเฉย
เฉินโม่นั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับหัวเซี่ย ตอนนี้ภายในประเทศหัวเซี่ย
รอบทะเลสาบกลับคืนรัง เจ้าสำนักสำนักเฟิงหยวนนำคนมากกว่าห้าสิบคน วนรอบทะเลสาบกลับคืนรัง วางแผนกันว่าจะตีค่ายกลที่เฉินโม่สร้างขึ้นอย่างไร
“ผู้อาวุโสหม่า ครั้งที่แล้วที่พวกคุณเข้าไปในค่ายกล ได้เห็นการโจมตีอะไรบ้าง คุณพูดมาทีละอย่าง!” หยวนเฮ่อเจ้าสำนักสำนักเฟิงหยวนถามเสียงเข้ม
หม่าฮ่วาหลงบอกการโจมตีที่พบในตอนนั้นแก่ หยวนเฮ่ออย่างละเอียด
หลังจากฟังจบ หยวนเฮ่อใบหน้าครุ่นคิด “ฟังดูแล้วค่ายแห่งนี้น่าจะหลอมรวมพลังห้าธาตุ ถ้าหากอยากจะทำลายค่ายกล จะต้องเริ่มจากพลังห้าธาตุ เพียงแต่ต้องให้ฉันเข้าไปสำรวจค่ายด้วยตัวเองถึงจะได้”
“พวกนาย ตามฉันเข้าไปดู” หยวนเฮ่อตะโกนพูดกับลูกศิษย์ที่มีความสามารถแข็งแกร่งสองสามคน
“ครับ!”