บทที่ 506
“ห้ะ?!” เฉียนหงเย่นกล่าวอย่างตื่นตระหนก “แต่ฉันบริจาคเงินสิบห้าล้านไปหมดแล้วนะ….”
“แล้วมันทำไมเหรอ?”เย่เฉินพูดอย่างเย็นชา “เรื่องวันนี้มันเกิดขึ้นจากคุณ คงไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้เหอเหลียนโดนลงโทษคนเดียวหรอกใช่ไหม?”
“ใช่!” เหอเหลียนโพล่งออกมาด้วยความโกรธ “หล่อนน่ะคือผู้ร้ายตัวจริง!”
เย่เฉินมองไปที่เฉียนหงเย่นและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้สมรู้ร่วมคิดบอกว่าคุณคือผู้ร้ายตัวจริงละนะ ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง คุณก็ต้องไปกับคู่หูของคุณ ไปขุดหินที่เหมืองถ่านหินดำซะ และบริจาคเงินให้กับ project hope ต่อไป”
พูดจบ เย่เฉินก็ชี้ไปที่ผู้หญิงที่ชื่อหนิวกุ้ยหมิ่น แล้วพูดว่า “แล้วยังมีเธออีก พวกเธอสามคน ไปทำงานที่เหมืองถ่านหินดำด้วยกันซะ ถือเป็นการลบมลทินของพวกเธอเอง”
“หนิวหุ้ยหมิ่นร้องไห้ด้วยความตกใจ คุกเข่าก้มหัวคำนับจรดพื้นแล้วพูดว่า “ฉันโดนใส่ร้าย ฉันโดนเหอเหลียนเรียกมาเพื่อเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน ไม่ได้ทำร้ายใครเลย!”
เย่เฉินกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เธอคิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ?เธอต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากัยสถานการณ์หน่อยนะ อย่าส่งเสียงดังอ้อมค้อมไปมา ฉันจะไม่ยุ่งกับครอบครัวและคนในทะเบียนบ้านของเธอ ไม่อย่างนั้น เธอก็จะเป็นเหมือนกันเหอเหลียนนะ ทุกคนในครอบครัวจะต้องถูกไปขุดถ่านหินที่เหมืองถ่านหินดำ!”
เมื่อหนิวกุ้ยหมิ่นได้ยินเช่นนั้น ก็ตกใจกลัวตัวสั่นอย่างรุนแรง แม้ว่าจะหวาดกลัวเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าที่จะโวยวายเสียงดังออกมาแม้แต่ประโยคเดียว
เย่เฉินพูดกับท่านหงห้าทันทีว่า “หงห้า อันธพาลตัวน้อยพวกนี้ รวมเหอหัวเฉียงลงไป นับไปทีละคนเลยนะแล้วส่งไปทำงานที่เหมืองถ่านหินดำ ให้อาหารและที่พักที่แย่ที่สุดให้พวกหล่อน จ่ายเงินเดือนเดือนละสองพันหยวน ทั้งปีห้ามพักเด็ดขาด!”
หลังจากนั้น เขาก็กล่าวอย่างเคร่งเครียดต่ออีกว่า “หากคนเหล่านี้ทำงานหนัก หรือทำงานล่วงเวลาก็เพิ่มเงินตามเห็นสมควรได้เลย ส่วนใครที่ไม่ทำงาน อู้งาน ก็หักเงินตามสมควรได้เช่นกัน ยังไงก็ตาม พวกเขาทุกคน หากมีใครที่บริจาคเงินครบสามแสนให้กับ project hope แล้วล่ะก็ สามารถปล่อยพวกเขาไปได้ทันที!”
เดือนหนึ่งได้แค่สองพันหยวน ปีหนึ่งก็จะได้สองหมื่นสี่พันต่อปี กว่าจะได้ครบสามแสน ต้องทำไปอีกกี่สิบปีกัน
ถึงแม้ว่าเดือนหนึ่งจะได้สามพัน หนึ่งก็แค่สามหมื่นหกหยวน ก็ต้องใช้เวลาประมาณแปดปีกว่าถึงเก้าปีในการเก็บเงินให้ครบสามแสน
เย่เฉินรู้สึกว่า คนพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพนัน งั้นมันก็ต้องชดใช้ให้กับคนที่โดนพวกนี้โกงจนต้องล้มละลาย
ยิ่งไปกว่านั้นคือคนที่เล่นพนันเพราะพ่อแม่ของพวกเขา คนที่ตอนเด็กไม่ได้เรียนหนังสือ เด็กที่ประสบกับความยากลำบากทุกประเภท การไถ่โทษโดย
ส่งพวกเขาไปขุดถ่านหินที่เหมืองถ่านหินดำแล้วนำเงินไปบริจาคนั้น ถือว่าเป็นการลงโทษที่ดีที่สุดแล้ว
เมื่อหงห้าได้ยินเช่นนี้ ก็รีบพูดออกไปว่า “โอเคครับ ท่านอาจารย์เย่ ผมจะจัดหารถบัสให้พวกเขา และลากพวกเขาไปให้หมดครับ!”
เย่เฉินพูดว่า “พวกอันธพาลที่อยู่ข้างใน พอขึ้นรถไปคนหนึ่งก็ให้ทำการหักขาไปข้างหนึ่งเลยนะ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกนั้นขัดคำสั่งไม่เชื่อฟังและเผื่อพวกนั้นหลบหนีไป”
หงห้ารีบพูดว่า “ท่านอาจารย์เย่โปรดวางใจ ผมจะหักขาพวกเขาก่อนแล้วเมื่อถึงที่หมาย ไม่ว่าพวกเขาจะทำงาน กินข้าว เข้าห้องน้ำ หรือแม้แต่นอนก็จะถูกโซ่ตรวนเอาไว้ครับ จะไม่มีใครสามารถหนีไปได้”
“ดี” เย่เฉินพยักหน้าอย่างพอใจ
เฉียนหงเย่นร้องไห้และกล่าวว่า “เย่เฉิน แกคงจะไม่ได้ให้ฉันไปขุดถ่านหินนั่นไปตลอดชีวิตหรอกนะ ฉันยังมีสามีและลูกๆที่ต้องดูแลและยังต้องเลี้ยงดูแม่สามีอีก…..”
เย่เฉินกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “มันง่ายมากเลย คุณก็จะเหมือนคนพวกนี้นี่ล่ะ บริจาคเงินสามแสนหยวนได้เมื่อไหร่ ก็เป็นอิสระได้เมื่อนั้น”
เฉียนหงเย่นทรุดตัวลงและร้องเสียงดังว่า “เย่เฉิน แกโหดร้ายขนาดนี้ไม่ได้นะ แกรู้ไหมว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน!”
เย่เฉินถามกลับไปว่า “ตอนที่คุณจะโกงแม่ยายผม ทำไมคุณถึงได้โหดร้ายขนาดนั้นล่ะ?ทำไมตอนนั้นถึงไม่คิดว่าเราคือครอบครัวเดียวกันบ้าง?”
“ใช่แล้ว!”
หม่าหลันที่ไม่ได้พูดมาตลอด ถึงตอนนี้ได้ตะโกนออกไปด้วยความโกรธ “เฉียนหงเย่น เธอมันเป็นหญิงเลวที่ไร้จิตสำนึก แม้กระทั่งกับฉันก็ยังจะมาโกงกันได้ ตอนนี้ยังจะมาพูดว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันอีกรึไง?”
เฉียนหงเย่นคุกเข่าร้องไห้ต่อหน้าเธอและขอร้องว่า “น้องพี่ ความผิดทั้งหมดนี้เป็นความผิดของพี่สาวเอง แต่ต่อให้จะทำผิดแค่ไหน ฉันก็ยังเป็นพี่สาวของเธออยู่ดี ยกโทษให้ฉันสักครั้งเถอะนะ!”
หม่าหลันเตะหล่อนลงกับพื้นพร้อมด่าออกไปอย่างโกรธแค้นว่า “หล่อนโกงเงินฉันไปมากกว่าสองล้านยังไม่พอ ยังจะมาโกงบ้านของฉันอีก โกงบ้านฉันก็ยังไม่พอ ยังจะมาโกงวิลล่าไปอีก หล่อนกำลังทำให้ครอบครัวทั้งสี่คนของเราต้องตาย หล่อนยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้างไหม ยังมีความเป็นคนอยู่ไหม?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สติของหม่าหลันก็กลับมาอีกครั้ง ตบเข้าไปที่ต้นขาและกรีดร้องออกมาว่า “แม่งเอ๊ย เงินฉัน!”