บทที่ 2955 แม้แต่เจ้าก็คิดจะหักหลังเปิ่นจุนหรือ?
มันพูดยังไม่ทันจบก็ถูกฟั่นเชียนซื่อกระชาก ‘ตะเกียง’ แล้ว “ตี้เฮ่า?! เจ้าเห็นตี้เฮ่ารึ?!”
มังกรประทีปเชิดหน้าผยอง ‘แน่นอน เมื่อครู่นี้ข้าบังเอิญปะทะเข้ากับไสยเวทย์ของเขาด้วย…’
“เช่นนั้นเจ้าสามารดูดดึงดวงวิญญาณของเขามาได้หรือไม่?” แววตาฟั่นเชียนซื่อพลันลุกวาบ
มังกรประทีปฉงน ‘เจ้าจะดูดดึงดวงวิญญาณของเด็กน้อยคนหนึ่งมาทำไม?’
“เปิ่นจุนเพียงถามว่าเจ้าทำได้หรือไม่?!”
‘เรื่องนี้ต้องดูจังหวะด้วย หากว่าเขาใช้ไสยเวทย์อีกครั้ง…’
“เช่นนั้นก็ลองดู! หาทางเกี่ยวเอาดวงวิญญาณของเขามา!”
มังกรประทีปไม่ยินยอม มันยังพอมีคุณธรรมอยู่บ้าง ‘บุญคุณความแค้นของผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องเอาไปข้องแวะกับเด็กน้อยกระมัง? จะเกี่ยวเอาดวงวิญญาณของเขามาทำอะไร? ถ้าเด็กน้อยถอดจิตนานเกินไปจะเกิดความเสียหายที่ไม่อาจนำกลับคืนมาได้…’
ฟั่นเชียนซื่อมองมันอย่างเยียบเย็น “แม้แต่เจ้าก็คิดจะหักหลังเปิ่นจุนหรือ?”
มังกรประทีปกลัวที่จะต้องเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ได้แต่ยอมจำนน ‘เอาเถอะ ผู้เฒ่าจะลองดู แต่ไม่รับประกันนะว่าจะประสบความสำเร็จ’
ฟั่นเชียนซื่อลูบตะเกียงของมันแล้ว “เจ้าจงพยายามให้เต็มที่ ตอนนี้ผู้ที่เปิ่นจุนเชื่อใจได้มีเพียงเจ้าเท่านั้น…”
มังกรประทีปร้องเฮอะคราหนึ่ง ‘อย่าหวังว่าจะขายฝันให้ผู้เฒ่าได้ เรื่องที่เจ้าชำนาญที่สุดก็คือเสร็จนาฆ่าโคถึก’
ฟั่นเชียนซื่อกลับไม่ยอมรับ “เปิ่นจุนหลอกใช้ผู้คนไปมากมายยิ่ง และสังหารผู้คนไปมากมายยิ่ง แต่เปิ่นจุนก็ไม่เคยสังหารเจ้ามิใช่หรือ?”
มังกรประทีปสวนกลับทันควัน ‘แต่เจ้าทิ้งให้ผู้เฒ่าเติบโตขึ้นมาในฝูงลา! เพียงเพราะผู้เฒ่าเป็นสิ่งที่อาจารย์ของเจ้ามอบให้ในปีนั้น...’
ใบหน้าหล่อเหลาของฟั่นเชียนซื่อเยียบเย็นลง “คดีเก่าแก่เนิ่นนานเช่นนี้ไม่ต้องเอ่ยถึงแล้วได้หรือไม่? เอาล่ะ รีบทำงานเข้า หากว่าครั้งนี้ทำได้ดี เปิ่นจุนจะให้รางวัล”
….
เมื่อกู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมา ได้พบว่าบุตรชายยังนอนหลับอยู่
เธอไม่ได้เรียกเขา ลุกออกไปคนเดียว
ระยะหลายวันมานี้ความคิดจิตใจของเธอทุ่มเทลงบนร่างของบุตรสาวเสียเป็นส่วนใหญ่ ถึงยังไงสาวน้อยคนนั้นก็ซุกซนและติดผู้อื่นแจ เลี่ยงไม่ได้ที่จะละเลยบุตรคนนี้ไปบ้าง
เมื่อนึกถึงตอนก่อนหลับที่เด็กน้อยคนนี้นอนซบเธออยู่ตลอด ท่าทางคล้ายขาดแคลนความรัก เธอก็ยิ่งรู้สึกผิด จึงตัดสินใจว่าจะทำอาหารดีๆ สักมื้อให้บุตรชายเพื่อเป็นการชดเชย
เธอทำกับข้าวสี่อย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างเสร็จอย่างรวดเร็ว ยกทั้งหมดเข้ามาจัดวางแล้ว ถึงได้ปลุกบุตรชาย “เฮ่าเอ๋อร์ ตื่นเถอะ”
ตี้เฮ่าไม่ขยับ ถึงขั้นที่แม้แต่แพขนตาก็ไม่สั่นไหวเลย
กู้ซีจิ่วประหลาดใจ เวลานอนหลับเด็กคนนี้จะตื่นตัวอยู่เสมอ ครั้งนี้เป็นอะไรไป?
เธอขยับเข้าไปตรวจดูให้ละเอียดแวบหนึ่ง หน้าเปลี่ยนสีทันที รีบยื่นมือไปอังลมหายใจเขา…
จากนั้น มือเท้าของเธอพลันเย็นเฉียบไปหมด!
ตี้เฮ่าไม่มีสัญญาณชีพใดๆ เลย!
ไม่มีลมหายใจ ไม่มีจังหวะหัวใจ ถึงขั้นที่สามจิตเจ็ดวิญญาณเหลือเพียงหนึ่งเสี้ยววิญญาณอยู่ในร่างเท่านั้น ดวงวิญญาณที่เหลือหายไปหมดแล้ว!
กู้ซีจิ่วตระหนกแล้ว!
สถานที่แห่งนี้ของเธอมีเขตแดนอันกล้าแกร่งยิ่ง มารร้ายอันใดจากภายนอกล้วนกล้ำกรายเข้ามาไม่ได้ ปลอดภัยยิ่งกว่าตู้นิรภัยเสียอีก
แล้วดวงวิญญาณของตี้เฮ่าหายไปได้ยังไงกัน?!
หรือว่าเขาถอดวิญญาณตัวเองออกไปจัดการธุระด้านนอก?
ไม่ถูกสิ การถอดวิญญาณไม่เพียงแต่จะสูญเสียพลังยุทธ์ไปกว่าครึ่งเท่านั้น ยังส่งผลเสียต่อดวงวิญญาณยิ่งนักด้วย หากว่าไม่เข้าตาจนจริงๆ ไม่มีผู้ใดอยากเสี่ยงให้วิญญาณบาดเจ็บเพื่อออกไปจัดการธุระหรอก ตี้เฮ่ากระทำการได้เหมาะสมยิ่ง เขาไม่มีทางถอดวิญญาณออกไปโดยไม่บอกกล่าวเลยสักคำ!
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?!
เรื่องไม่เกิดกับตนก็แล้วไปเถิด แต่พอเกิดขึ้นกับตนแล้วย่อมวุ่นวาย
เรื่องราวที่เกี่ยวพันถึงบุตรชาย ต่อให้นิสัยของกู้ซีจิ่วจะเยือกเย็นสักเพียงใด ยามนี้ก็ตื่นตระหนกแล้ว!
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดติดต่อหาตี้ฝูอีทันที โชคดีที่ตี้ฝูอีรับสายของเธออย่างรวดเร็วเสมอมา ‘เด็กน้อย ติดต่อมาหาข้าเช้าตรู่ขนาดนี้ คิดถึงข้าหรือ?’
เวลานี้กู้ซีจิ่วไม่มีอารมณ์มาสนใจการหยอกเย้าของเขาแล้ว น้ำเสียงสั่นพร่าไปหมด “เกิดเรื่องกับตี้เฮ่าแล้ว! ข้า…”
ตี้ฝูอีพลันชะงักไป น้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้นมา แฝงการปลอบโยนไว้ ‘เขาเป็นอะไร? ไม่เป็นไร อย่าร้อนใจ ค่อยๆ พูด’
————————————————————————————-
บทที่ 2956 ท่านแม่จงเจริญหมื่นๆ ปีล่ะ?
กู้ซีจิ่วก็รีบบอกเล่าสภาพของตี้เฮ่าในเช้าวันนี้ออกมา
‘ไม่ต้องกลัว เขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่มีทางเกิดเรื่องหรอก ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้ เจ้ารอข้านะ ทุกอย่างล้วนมีข้าอยู่’
น้ำเสียงเขามีผลในการทำให้ใจคนสงบมั่นคงได้อย่างน่าประหลาด หัวใจที่ตื่นตระหนกของกู้ซีจิ่วผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เพียงรับฟังบทสนทนาของสองพ่อลูกที่แว่วออกมาจากยันต์ถ่ายทอดเสียง ‘เสี่ยวเยวี่ยเยวี่ย ลงมาเถอะ พวกเราจะกลับบ้านแล้ว!’
น้ำเสียงของตี้ซวี่เยวี่ยคล้ายจะหลั่งน้ำตาอาบหน้าแล้ว ‘ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็ปลดเปลื้องสถานะครูฝึกใจยักษ์แล้วสินะ! ฮือๆๆ’
เห็นได้ชัดยิ่ง หลายวันมานี้นางถูกเคี่ยวกรำอย่างน่าเวทนายิ่ง สามารถกล่าวได้ว่าทุกข์ทนขมขื่นจนเคียดแค้นแล้วมาบรรยายได้เลย
น้ำเสียงของตี้ฝูอีสงบยิ่ง ‘เปลื้องออกชั่วคราว เป็นท่านแม่ของเจ้าคิดถึงเจ้าแล้ว’
‘ท่านแม่จงเจริญหมื่นปี!’
‘เด็กโง่ เจ้ากล้าแช่งแม่ตัวเองเชียวหรือ?! นางไหนเลยจะมีอายุเพียงหมื่นปี!’
‘เช่นนั้น…ท่านแม่จงเจริญหมื่นๆ ปีล่ะ?’
กู้ซีจิ่วที่ถือสายฟังอยู่พูดไม่ออกเลย…
เดิมทีเธอตื่นตระหนกมาก แต่พอได้ยินตี้ฝูอียังมีแก่ใจมาหยอกเย้าบุตรสาวเช่นนี้ เช่นนั้นก็ยืนยันได้แล้วว่าเรื่องราวไม่นับว่าเลวร้ายจริงๆ เขาน่าจะมีวิธีอยู่ ในที่สุดเธอก็สงบใจได้แล้ว
เธอตัดสายยันต์ถ่ายทอดเสียง จากนั้นก็มองดูบุตรชาย
เธอก็เป็นวิชาเรียกวิญญาณอยู่บ้าง จึงร่ายวิชาลงบนร่างของบุตรชายทันที
เพียงแต่ เธอใช้วิชาเรียกวิญญาณทั้งหมดที่เคยร่ำเรียนไปอย่างละรอบแล้ว ยังคงเรียกวิญญาณของตี้เฮ่ากลับมาไม่ได้แม้สักเศษเสี้ยว
ส่วนอีกด้านของยันต์ถ่ายทอดเสียง ตี้ฝูอีพาตี้ซวี่เยวี่ยเดินทางกลับ ระดับความเร็วพุ่งไปถึงขีดสุดแล้ว!
เนื่องจากระดับความเร็วรวดเร็วเกินไป ทิวทัศน์ทั้งหมดล้วนไหววูบผ่านไป ตี้ซวี่เยวี่ยที่ขี่หลังตี้ฝูอีอย่างเรียบร้อยว่าง่ายอยู่ รู้สึกตาลายอยู่บ้าง “ท่านพ่อ ช้าหน่อยสิ ซวี่เยวี่ยเวียนหัว…”
ท่านพ่อไม่ยอมอุ้มนางง่ายๆ ส่วนใหญ่แล้วจะให้นางเหาะเอง ครั้งนี้กลับแบกนางขึ้นหลังอย่างที่หาได้ยากนัก ซ้ำระดับความเร็วยังรวดเร็วถึงเพียงนี้อีก!
“ซวี่เยวี่ย วันหน้ายังมีช่วงเวลาให้เวียนหัวเช่นนี้อยู่อีกมาก เจ้าต้องรีบปรับตัวหน่อยนะ” เคร่งขรึมอย่างที่ยากจะได้พบเห็น
เขาไม่เพียงแต่ไม่ลดความเร็วลง กลับเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก
อย่างไรก็ตามเขายังคงยื่นแถบแพรสีเขียวไปพันดวงตาของบุตรสาวเอาไว้อย่างใส่ใจ ในที่สุดก็ทำให้อาการเวียนหัวของนางทุเลาลงไปได้มากนัก
ระยะทางเกือบสองพันลี้ ตี้ฝูอีใช้เวลาไม่ถึงชั่วยามก็กลับมาถึงบ้านแล้ว
กู้ซีจิ่วยังคงจัดการเรื่องราวได้อย่างมีระเบียบยิ่ง ก่อนที่ตี้ฝูอีจะกลับมาถึงก็จัดการเรื่องราวไปมากมายแล้ว
เธอส่งมู่เฟิงกับมู่เหล่ยไปที่ยมโลก ตรวจดูว่าดวงวิญญาณของตี้เฮ่าถูกจับไปด้วยความผิดพลาดหรือไม่
มู่เตี่ยนกับมู่อวิ๋นก็ออกไปตรวจสอบเขตแดนด้านนอกวัง ดูว่ามีรอยแตกร้าวอันใดหรือไม่…
ส่วนตัวเธอเฝ้าอยู่ข้างกายตี้เฮ่า ใช้เวทวิชาหล่อเลี้ยงร่างกายเขาเอาไว้ตลอด กันไม่ให้หนึ่งเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่หลุดออกจากร่างไปด้วย
เมื่อเห็นตี้ฝูอีมาถึงแล้ว เธอพลันโล่งอก โผเข้าไปหา “ฝูอี ท่านรีบมาดูเขาเร็ว…”
ถึงแม้เธอจะพยายามใจเย็นอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ดวงหน้าน้อยๆ ยังคงซีดเผือดอยู่บ้าง มือก็เย็นเฉียบ
ตี้ฝูอีจับมือนางไว้ รั้งตัวนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน “ไม่ต้องกลัว!”
ตี้ซวี่เยวี่ยที่อยู่บนหลังเขาก็ปลดแพรเขียวออกแล้ว เดิมทีคิดจะโผเข้าหาอ้อมอกของมารดา พลันมองเห็นตี้เฮ่าที่อยู่บนเตียง จึงดิ้นรนลงมาบนพื้น หมายจะโผขึ้นไปบนเตียง “พี่เฮ่าเป็นอะไร?”
ตี้ฝูอีลากนางกลับมาทันที “ซวี่เยวี่ย อย่าวุ่นวาย! เป็นเด็กดีแล้วรอดูอยู่ด้านข้างซะ”
เจ้าหอยยักษ์กระดึ้บเข้ามาแล้ว ลองเอ่ยหยั่งเชิงดูว่า “ให้ข้าพายัยหนูออกไปไหม?”
มีเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ด้วยมักจะมีเรื่องยุ่งยาก เจ้าหอยยักษ์คิดว่า ช่วงเวลาเช่นนี้ควรพาซวี่เยวี่ยน้อยออกไปจะค่อนข้างดีกว่า
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่ต้อง ให้นางดูอยู่ที่นี่”
กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีกุมมือนางเล็กน้อย “ซวี่เยี่ยจะต้องเติบใหญ่ขึ้น ไม่จำเป็นต้องปกปิดอันใดจากนาง”
กู้ซีจิ่วทราบดีว่าสามีคิดจะฝึกฝนความสามารถในการรับมือกับเรื่องน่าตระหนกให้บุตรสาว จึงไม่กล่าววาจาเช่นกัน
————————————————————————————-