บทที่ 2957 เขาจะไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหม?
ส่วนซวี่เยวี่ยน้อยหลังจากกลับมาจากข้างนอกเที่ยวนี้ ก็รู้ความขึ้นไม่น้อยจริงๆ ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ตรงมุมหนึ่งจริงๆ ทำตาแป๋วเอ่ยประโยคหนึ่งว่า “ซวี่เยวี่ยจะเชื่อฟัง ท่านพ่อต้องช่วยท่านพี่ได้แน่นอน”
ตี้ฝูอีตรวจสอบร่างกายตี้เฮ่าดูเล็กน้อย เขามีวิธีตรวจสอบในแบบของเขาเอง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจเบาๆ “ดวงวิญญาณของเฮ่าเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ที่โลกนี้”
กู้ซีจิ่วหน้ามืดไปแวบหนึ่ง ร่างกายส่ายโงนเงนเล็กน้อย ตี้ฝูอียื่นมือไปพยุงนางไว้
กู้ซีจิ่วมองเขา “เขาจะไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหม?!”
“เหตุใดจึงเอ่ยเช่นนี้?”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง มองบุตรชายอีกแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงแผ่ว “ที่พวกท่านคุยกันเมื่อหลายวันก่อนข้าได้ยินหมดแล้ว…”
ตี้ฝูอีเงียบงันไป…
หลายวันก่อนตี้ฝูอีเคยพูดคุยลงลึกกับบุตรชายจริงๆ ดูเหมือนตี้เฮ่าจะสัมผัสถึงอะไรได้ เอ่ยวาจาที่คลุมเครือยิ่งนัก
โชคดีที่สองพ่อลูกล้วนเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องมีคำบรรยาย ตี้ฝูอีทราบประวัติความเป็นมาของตี้เฮ่า ดังนั้นตี้เฮ่าพูดจาอ้อมค้อมสักเพียงใด ตี้ฝูอีก็ยังคงเข้าใจอยู่ดี
ความหมายของตี้เฮ่าก็คือ เขามาจากอนาคต นับเป็นตัวตนพิเศษ ไม่อาจอยู่ทางฝั่งนี้อย่างยั่งยืนได้ อ้างอิงจากกฏเกณฑ์การข้ามภพบางส่วนที่เขารู้มา ผู้ที่มาจากอนาคตไม่อาจพบร่างต้นของตนที่โลกนี้ได้ ทันทีที่ร่างต้นปรากฏขึ้น เช่นนั้นผู้ที่มาจากอนาคตก็จะต้องเลือนหายไป…
เนื่องจากตี้เฮ่าก็ไม่เคยมีประสบการณ์เช่นกัน เขาจึงไม่ทราบว่าเมื่อถึงเวลาแล้วตนจะหายไปในรูปแบบใด ดังนั้นจึงเปรยกับบิดาของตนเอาไว้แต่เนิ่นๆ เลี่ยงไม่ให้ พอถึงเวลาบุตรชายหายไปอย่างกะทันหัน แล้วท่านพ่อท่านแม่ของเขาจะเสียใจ…
ประโยคสุดท้ายตี้เฮ่าเอ่ยเอาไว้เช่นนี้ ‘ท่านพ่อ หากว่าวันนั้นมาถึงเข้าจริงๆ อย่าได้เสียใจกับการจากไปของผู้อื่น เพราะการจากไปของเขาจะหมายถึงการหวนกลับมาอย่างแท้จริง!’
กู้ซีจิ่วเฉลียวฉลาดยิ่ง ถึงแม้จะไม่มีใครเผยเรื่องนี้ต่อเธอ แต่เธอก็คาดเดาอย่างคร่าวๆ ได้พอสมควรแล้ว ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินบทสนทนาของตี้เฮ่ากับตี้ฝูอีเข้าโดยบังเอิญ ในใจก็เข้าใจเรื่องราวส่วนใหญ่แล้วเช่นกัน
เธอชอบลูกชายคนนี้ หวาดหวั่นยิ่งนักว่าเขาจะหายไปโดยไม่มีสาเหตุ ช่วงหลายวันมานี้จึงค่อนข้างมีความห่วงพะวงกลัวจะต้องสูญเสียอยู่เสมอ
เธอไม่อยากตั้งท้องอีก ดังนั้นช่วงที่ผ่านมาจึงหลบเลี่ยงตี้ฝูอีมาโดยตลอด เลี่ยงการร่วมห้องกับเขา
แต่ตี้ฝูอีเคยชินที่จะแนบชิดกับเธอแล้ว เมื่อเธอนอนร่วมห้องกับเขา นอกเสียจากวันที่ประจำเดือนมาไม่กี่วันนั้นแล้ว ที่เหลือล้วนมิใช่การนอนเฉยๆ เขามักจะมีวิธีให้ได้สมประสงค์อยู่เสมอ
ดังนั้นต่อมากู้ซีจิ่วจึงยกข้ออ้างว่าต้องสั่งสอนธิดา หนีมานอนกับบุตรสาวเสียเลย
จนกระทั่งตี้ฝูอีรู้สึกว่าบุตรสาวเหยาะแหยะเกินไปแล้ว หลังจากพานางออกไปฝึกฝนเพียงลำพัง สถานการณ์เช่นนี้ถึงได้ดีขึ้นมาบ้าง เนื่องจากพอตี้ซวี่เยวี่ยกลับมาก็แสดงให้เห็นว่าตนเติบใหญ่ขึ้นแล้ว ไม่อยากให้ท่านแม่มานอนกับตนอีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วเลยจำเป็นต้องร่วมห้องกับตี้ฝูอีอีกครั้ง
เมื่อวันก่อน ตี้ฝูอีกับเธอแยกจากกันไปสองวันเมื่อพบกันย่อมหวานชื่นเหมือนแต่งงานใหม่ เป็นธรรมดาที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกัน ซ้ำยังเป็นการร่วมเรียงเคียงหมอนอย่างดุเดือนเร่าร้อนด้วย ทำให้เธอค่อนข้างกังวลใจมาโดยตลอด
ก่อนหน้านี้ยามที่พบว่าตี้เฮ่าไม่มีลมหายใจแล้ว ข้อสงสัยแรกของเธอก็คือเรื่องนี้
เธอนึกถึงความง่วงงุนในช่วงไม่กี่วันมานี้ ในใจก็ยิ่งสงสัยในเรื่องนี้หนักขึ้นกว่าเดิม
และได้จับชีพจรให้ตัวเองแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะอายุครรภ์ยังน้อยเกินไป เธอเลยไม่พบสัญญาณของการตั้งครรภ์เลย
ประจำเดือนของเธอเพิ่งหมดไปเจ็ดแปดวัน และการประกอบกิจสามีภรรยาในช่วงนี้ก็คือวันก่อนนั้น…
หากว่าท้องขึ้นมาจริงๆ ทารกในครรภ์ก็เพิ่งจะสองสามวันเท่านั้น ย่อมตรวจไม่พบอยู่แล้ว…
กู้ซีจิ่วมองตี้เฮ่าที่นอนอยู่ตรงนั้น ในใจยุบยิบเหมือนถูกแมวข่วน!
————————————————————————————-
บทที่ 2958 ทำให้เหตุการณ์ปรากฏขึ้นอีครั้ง
เป็นเพราะในท้องของตนตั้งครรภ์เขาแล้ว และเมื่อคืนเขาก็นอนร่วมห้องกับเธออีก อยู่ใกล้ชิดกับท้องของเธอเกินไป ดวงวิญญาณของเขาเลยถูกดูดเข้าไปในท้องใช่ไหม?
ถ้างั้นหลังจากเขาคลอดออกมาแล้วจะยังเป็นเขาอยู่ไหม?
เกรงว่าคงจะไม่มีความทรงจำในอดีตเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว…
เธอคิดวุ่นวายไปสารพัด ในเวลานี้ย่อมเอ่ยข้อสงสัยนี้ออกมาด้วย
ตี้ฝูอีไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็จับชีพจรให้เธอเลย ถึงแม้วิชาแพทย์ของเขาจะเลิศล้ำพอๆ กับเธอ แต่อย่างไรเสียพลังวิญญาณของเขาก็ลึกล้ำกว่า ในเรื่องการจับชีพจรนี้ยังคงเหนือกว่ากู้ซีจิ่วอยู่บ้าง
หลังจากเขาจับชีพจรไปก็ส่ายหน้า “เจ้าไม่ได้ท้อง”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพียงแต่ฉงนยิ่งกว่าเดิม
ตี้ฝูอีกล่าวว่า “ซีจิ่ว เจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดตอนเด็กคนนี้อยู่กับเจ้าเมื่อคืนออกมาหน่อยเถิด”
เขารู้สึกอยู่เสมอว่ามีเรื่องยุ่งยากอันใดแฝงอยู่ในนี้
กู้ซีจิ่วย่อมไม่ปิดบังเขาอยู่แล้ว บอกเล่าทุกอย่างออกมาทันที
ตี้ฝูอีขมวดคิ้วนิดๆ เขารู้จักนิสัยของบุตรชายดี ถึงแม้จะดูเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง แต่อันที่จริงจิตใจเป็นผู้ใหญ่แล้ว หากว่าเขาไม่มีเรื่องพิเศษอันใดไม่มีทางจะเป็นฝ่ายร้องขอนอนกับผู้เป็นมารดา…
เขาวัดพลังวิญญาณในร่างของบุตรชายดู ใจเต้นแวบหนึ่ง!
ตี้เฮ่าสูญเสียพลังวิญญาณไปมากมายยิ่ง คล้ายว่าเพิ่งร่ายเวทวิชาอันใดที่แสนสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปไม่นาน เขาทำอะไร?
สายตาของตี้ฝูอีหันเหไปที่ดวงหน้าของกู้ซีจิ่วอีกครั้ง มองเห็นว่าใต้ตาของนางมีรอยคล้ำจางๆ “เมื่อคืนเจ้าหลับไม่สบายหรือ?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “หลับสบายมากเลย เป็นครั้งแรกที่หลับลึกขนาดนี้” เธอรู้สึกราวกับว่าต่อให้ฟ้าผ่าตนก็ไม่ตื่น
เพียงแต่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเมื่อคืนนอนหลับเต็มที่ยิ่ง แต่หลังตื่นนอนกลับรู้สึกอ่อนล้าอยู่บ้าง ซ้ำยังคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเกิดความฝันอันใดที่สืบเนื่องยาวนานยิ่ง แต่ว่าฝันอะไรนั้นเธอก็นึกรายละเอียดไม่ออกเลยสักนิดเช่นกัน
ตี้ฝูอียื่นมือไปรั้งตัวนางเข้ามา “มาเถอะ ให้ข้าดูหน่อย”
กู้ซีจิ่วใจเต้นนิดๆ ทราบว่าตี้ฝูอีทำเช่นนี้จะต้องมีเหตุผลอันลึกซึ้งอยู่แน่ จึงปล่อยให้เขาตรวจดู
ผ่านไปครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีก็ปล่อยมือนาง ขมวดคิ้วแน่น
เขามองออกว่าวิชาที่ตี้เฮ่าร่ายใส่กู้ซีจิ่วคล้ายวิชาที่ใช้สำหรับอ่านความทรงจำ ทว่ามิใช่ไปเสียทั้งหมด เหมือนจะเป็นระดับที่สูงกว่าอยู่บ้าง
วิชานี้เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกชัดๆ กลับรู้สึกค่อนข้างคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ราวกับตนก็เคยฝึกฝนวิชาจำพวกนี้มาก่อนเช่นกัน น่าจะเป็นศาสตร์วิชาเฉพาะของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์
วิชาที่ใช้นี้จะต้องใช้พลังจากดวงวิญญาณ ดวงวิญญาณจะไหลล้นสู่ภายนอก…
หากอยากรู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก็ต้องทำให้เหตุการณ์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ตี้ฝูอีจึงให้กู้ซีจิ่วนอนลงบนเตียงอีกครั้งเสียเลย เขาย่อร่างให้เล็กลง มีขนาดเท่ากับตี้เฮ่า นอนลงบนตำแหน่งที่ตี้เฮ่าเคยนอน และซุกซบเธออยู่เช่นนี้ อากัปกริยาคล้ายตี้เฮ่าทุกประการ
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
ตอนที่ตี้เฮ่านอนอยู่ข้างกายเธอเช่นนี้ ในใจเธอเปี่ยมไปด้วยความรักของมารดา
แต่เมื่อเป็นตี้ฝูอีที่ทำเช่นนี้ เธอกลับมีความรู้สึกที่พิลึกพิลั่นยิ่ง
หากมิใช่เพราะร้อนใจอยากตามหาบุตรชาย ถ้าได้เห็นตี้ฝูอีในสภาพหดเล็กเช่นนี้ ไม่แน่เธออาจจะหยิกดวงหน้านุ่มนิ่มดูสักสองทีก็ได้
“ซีจิ่ว เจ้านอนเหมือนก่อนหน้านี้ดูหน่อย หลับไม่ลงก็ไม่เป็นไร แค่กำหนดลมหายใจตั้งสมาธิก็พอ”
กู้ซีจิ่วปฏิบัติตาม หลังจากผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เธอรู้สึกว่าในร่างกายเสมือนมีอะไรบางอย่างกำลังจะเอ่อล้นขึ้นมา ในสมองคล้ายมีความคิดอันใดกำลังหลั่งไหลออกไป
เธอสะดุ้งแวบหนึ่ง ลืมตาขึ้นมาทันที “ท่านจะอ่านความทรงจำของข้าหรือ?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่ถูกต้อง…ไม่ใช่วิธีนี้…”
กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจเขาเลย…
เมื่อเป็นเช่นนี้ตี้ฝูอีจึงทดลองดูวิธีแล้ววิธีเล่า ล้วนถูกกู้ซีจิ่วจับสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว สะดุ้งตื่นขึ้นมาไวยิ่ง
สุดท้ายตี้ฝูอีก็เกิดรู้แจ้งขึ้นมา จู่ๆ จึงร่ายอาคมที่พิสดารยิ่งนักอย่างหนึ่ง กู้ซีจิ่วที่เดิมทีอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น กลับหลับสนิทไปในชั่วครู่
จากนั้นเธอก็คล้ายจะย่างก้าวเข้าสู่ห้วงความฝันอันใด…
เพียงแต่ เธอยังไม่ทันได้เห็นชัดเจนว่าเป็นความฝันอันใด ตี้ฝูอีก็ถอนมือกลับไป สูดหายใจเบาๆ คราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ดวงจิตของเฮ่าเอ๋อร์ชนเข้ากับวิชาเข้าฝันของมังกรประทีป! ถูกดูดออกไปแล้ว…”
กู้ซีจิ่วหน้าเปลี่ยนสีแล้ว กระโดดผลุงขึ้นมา “เป็นเล่ห์กลของฟั่นเชียนซื่อรึ?!”
เท่าที่เธอรู้ ผู้ที่ครอบครองมังกรประทีปก็มีเพียงฟั่นเชียนซื่อคนเดียว…
….
————————————————————————————-