บทที่ 2959 สกัดชิง
เธอยังฉงนอยู่บ้าง “ฟั่นเชียนซื่อไม่ได้อยู่ที่โลกนี้แล้วชัดๆ เขาใช้วิธีไหนถึงส่งมังกรประทีปมาเล่นเล่ห์เช่นนี้ได้?”
ตี้ฝูอีได้ค้นคว้าค่ายอาคมชนิดใหม่อย่างหนึ่งขึ้น ส่งเหล่าลูกน้องไปติดตั้งไว้บนทวีปนี้แล้ว หลังจากติดตั้งค่ายอาคมอย่างเหมาะสมแล้ว บุคคลภายนอกหน้าไหนที่จะเข้าสู่ทวีปนี้ล้วนต้องปะทะเข้ากับค่ายอาคมนี้
ตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วจะเป็นคนแรกที่สามารถจับสัมผัสถึงได้
เดิมทีฟั่นเชียนซื่อได้ออกจากทวีปนี้ไปแล้ว หากว่าเขาแอบเข้ามา ก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของพวกตี้ฝูอีสามีภรรยาได้
ตี้ฝูอีส่ายหน้านิดๆ “มังกรประทีปเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวที่สามารถข้ามผ่านช่วงเวลาอวกาศและสถานที่อันแตกต่างกันได้ สามารถชักนำอดีตชาติของผู้คนออกมา และสามารถดูดดึงดวงวิญญาณผู้คนเข้าไปในความฝันได้”
ตี้ซวี่เยวี่ยที่ฟังอยู่ด้านข้างตระหนกขึ้นมาแล้ว “ดูดดึงดวงวิญญาณคน? คงมิใช่ว่ามันดูดกินดวงวิญญาณของท่านพี่ไปหมดแล้วกระมัง?! เช่นนั้นท่านพี่เฮ่าก็กลับมาไม่ได้แล้วใช่ไหม?!”
“ไม่หรอก มังกรประทีปมิใช่อสูรกลืนฝัน มันเพียงดูดดึงดวงวิญญาณของมนุษย์ออกไปกักขังไว้ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ไม่มีทางกลืนกิน ขอเพียงพวกเราตามหาเจ้ามังกรประทีปตัวนั้นให้พบโดยเร็ว ก็สามารถตามเขากลับมาได้แล้ว!” กู้ซีจิ่วอธิบายต่อบุตรสาว
ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง “ไม่นึกเลยว่าเจ้าก็มีความเข้าใจในตัวมังกรประทีปด้วย”
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้ายังรู้ด้วยว่ายามที่มันดูดดึงดวงวิญญาณของผู้คนไปจะดูดไปจนหมดสิ้น ไม่มีทางหลงเหลือดวงวิญญาณไว้เลย…” เอ่ยมาถึงตรงนี้จู่ๆ เธอก็ชะงักไป ในร่างของตี้เฮ่ายังหลงเหลือดวงวิญญาณอยู่เสี้ยวหนึ่ง! ไม่คล้ายพฤติกรรมของมังกรประทีปเลย
นิ้วมือตี้ฝูอีเคาะหน้าโต๊ะเบาๆ “ถึงอย่างไรเฮ่าเอ๋อร์ก็ไม่ธรรมดา เป็นเวทวิชาชั้นสูงส่วนหนึ่งอยู่บ้าง ระหว่างที่ยื้อยุดต่อสู้กับมังกรประทีป เป็นไปได้ว่าจะฝืนทิ้งดวงวิญญาณเสี้ยวหนึ่งของตนเอาไว้”
กู้ซีจิ่วกำมือแน่น “ดูเหมือนจะเป็นฟั่นเชียนซื่ออย่างไม่ต้องสงสัยเลย! ไอ้สารเลวคนนั้น ชั่วร้ายเหมือนภูตผี! ถ้าเฮ่าเอ๋อร์เป็นอะไรไปล่ะก็ ข้าสาบานว่าจะถลกหนังเขาออกมาทำโคมลอย!”
….
ฟั่นเชียนซื่อที่อยู่ห่างไกลออกไปในโลกอื่นจามอย่างรุนแรงสองครั้ง!
เขาขมวดคิ้ว มองไปที่มังกรประทีปที่ถูกเขาตำหนิสั่งสอนจนก้มหัวเสมือนลูกหลานอย่างสงสัยคลางแคลง “สารเลว เจ้ายังกล้าด่าเปิ่นจุนอยู่ในใจอีกหรือ!”
มังกรประทีปตาโตทันที ‘เปล่านะ!’
ฟั่นเชียนซื่อชะงักไปแวบหนึ่ง ทราบว่าถึงแม้มังกรประทีปจะโง่เง่าดื้อด้านยิ่งนัก ทว่ามีความรับผิดชอบ ไม่เคยโป้ปดเลย
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้านี้ยังคงทำให้เขาโกรธมากอยู่ดี!
เมื่อคืนมังกรประทีปตัวนี้ใช้วิชาเข้าสู่ห้วงฝันจนได้พบกับตี้เฮ่าอีกครั้งแล้วชัดๆ! โอกาสดีที่ยากจะพบได้ในพันปีเช่นนี้สมควรจะสำเร็จผลเต็มร้อยแล้วชัดๆ!
กลับคาดไม่ถึงว่าพอไอ้ตัวนี้ร่ายวิชาไปได้ครึ่งหนึ่งก็ราวกับถูกภูตผีสิงสู่ดวงใจ จู่ๆ ดวงตาก็เลื่อนลอย แววตาผุดเป็นรูปหัวใจ ท่าทางคล้ายติดสัด น้ำลายแทบจะหกออกมาแล้ว!
หากมิใช่เพราะเขาสังเกตเห็นความผิดปกติ ฟาดมือลงบนตะเกียงดวงน้อยของมันคราหนึ่ง เกรงว่านอกจากมันจะดูดดวงวิญญาณของผู้อื่นมาไม่ได้แล้ว แม้แต่ดวงวิญญาณของมันเองก็คงจะถูกดูดออกไปด้วย!
จนกระทั่งมันเก็บวิชาไปแล้ว ตัวเจ้ามังกรก็ยังคงมีท่าทางเลื่อนลอยไร้วิญญาณอยู่ เอ่ยพึมพำ ‘ช่างเป็นโฉมงามที่งดงามเหลือเกิน! มันกะพริบตาใส่ข้า นั่นช่างน่ามองโดยแท้!’
ฟั่นเชียนซื่อไม่เข้าใจอยู่บ้าง “…เจ้าเห็นผู้ใด?”
‘มังกรประทีปเพศเมียตัวหนึ่ง เกล็ดเป็นสีชมพู ดวงตาสีแดง บนหน้าผากยังมีเกล็ดรูปหัวใจแผ่นหนึ่งด้วย…’
ฟั่นเชียนซื่อพูดไม่ออกแล้ว…
เขากัดฟันถาม “ดวงวิญญาณของตี้เฮ่าล่ะ? เจ้าพามาด้วยไหม?” ทางเขายุ่งง่วนอยู่กับการสร้างค่ายอาคมกักวิญญาณ ไม่นึกเลยว่าไอ้ตัวนี้จะไม่ได้เกี่ยวนำมาด้วย!
เจ้ามังกรประทีปเสี่ยวเฮยมีสีหน้าละอาย ‘ข้าเป็นตัวผู้นะ มีจิตวิญญาณของผู้กล้า ไม่อาจต่อสู้แย่งชิงกับตัวเมียได้ ดวงวิญญาณของตี้เฮ่าถูกมันสกัดเอาไว้ระหว่างทาง ข้าย่อมไม่อาจต่อสู้กับมันได้’
ฟั่นเชียนซื่อฝืนข่มเพลิงโทสะเอาไว้ “มังกรประทีปตัวเมียโผล่ออกมาจากไหน? สกัดไว้ที่ไหน?”
————————————————————————————-
บทที่ 2960 สกัดชิง 2
‘ในทะเลทรายแห่งหนึ่ง หมื่นลี้ควันทรายเหลืองปานถักทอ จู่ๆ มันก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางทรายสีเหลือง…ไม่น่าเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีมังกรประทีปที่งดงามขนาดนี้อยู่ด้วย ราวกับภาพมายาฉากหนึ่ง…’ เจ้ามังกรประทีปเสี่ยวเฮยส่ายหัวไปมา พูดจาเหมือนร่ายบทกวี
ฟั่นเชียนซื่อกำหมัดแล้วกำหมัดอีก “ทะเลทรายแห่งไหน?”
‘เรื่องนี้…ไม่ได้สังเกต…’
ฟั่นเชียนซื่อพูดไม่ออกเลย!
ในที่สุดเขาก็ระเบิดอารมณ์ ด่ากราดเจ้ามังกรไม่รักดีตัวนี้อย่างเทสาดเทเสีย!
ถึงอย่างไรเจ้าเสี่ยวเฮยก็รู้สึกผิด จึงก้มหัวปล่อยให้เขาสั่งสอน ต่อมาพอได้ยินเขายิ่งด่าก็ยิ่งโมโหขึ้นเรื่อยๆ มันก็ดื้อด้านขึ้นมาแล้วเช่นกัน ‘ข้านึกว่าเจ้าจะเอาแค่พอประมาณ นี่ยังไม่จบไม่สิ้นอีก! เดิมทีข้าก็บอกไปแล้ว ยังไม่แน่ว่าจะสำเร็จ! ถ้ารังเกียจว่าผู้เฒ่าไม่ดี งั้นผู้เฒ่าไปเสียก็พอแล้วสินะ!’ พลันหันหลังวิ่งจากไปดุจควันสายหนึ่ง!
ฟั่นเชียนซื่อพูดไม่ออกแล้ว…
เส้นเลือดบนขมับเขาเต้นตุบๆ! ค่อยๆ นั่งลง เงยหน้ามองนภาดารา ไม่เคลื่อนไหวอยู่พักใหญ่
เจ้ามังกรประทีปตัวนั้นเลื้อยกลับมาอีกครั้ง ขดตัวมองเขาอยู่ตรงมุมหนึ่ง เห็นเขานั่งนิ่งเสมือนรูปสลักหยกที่ถูกโลกทั้งใบทอดทิ้งให้เปลี่ยวเหงาอ้างว้างอยู่ตรงนั้น มันก็ใจอ่อนอีกแล้ว โผล่หัวออกไปอีกครั้ง ‘อันที่จริงข้าไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าทำไมเจ้าต้องเป็นปฏิปักษ์กับพวกตี้ฝูอีสามีภรรยาด้วย? ต่างคนต่างอยู่อย่างสงบไม่ได้หรือ? เจ้าดูสิ หลายปีมานี้เจ้าไม่ไปวุ่นวายกับพวกเขา พวกเขาก็ไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าเช่นกัน…’
ฟั่นเชียนซื่อไม่หันหน้ากลับมา หัวเราะหยัน “ไร้เดียงสา! ที่พวกเขาไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้ข้าเป็นเพราะตอนนี้วรยุทธ์ของพวกเขายังห่างชั้นเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเปิ่นจุนได้! ทันทีที่พวกเขามีกำลังเพียงพอ และบางทีหลังจากตี้ฝูอีได้หวนคืนกลับสู่ฐานะเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว จะต้องสร้างความเดือดร้อนให้ข้าแน่ แทนที่จะรอให้พวกเขามาหาเรื่อง มิใช่ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขายังอ่อนแอขุดรากถอนโคนเสีย กำจัดปัญหาอย่างหมดจด”
มังกรประทีปอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม ‘เช่นนั้นกู้ซีจิ่วเล่า? เจ้าก็คิดจะขุดรากถอนโคนด้วยรึ?’
ฟั่นเชียนซื่อมองท้องนภา น้ำเสียงเย็นชา “ทุกคนที่ต่อต้านข้าล้วนต้องตาย! นางก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน!”
มังกรประทีปพ่นลมออกจมูก ‘เช่นนั้นเมื่อก่อนเจ้ามีโอกาสสังหารนางอยู่นับครั้งไม่ถ้วน เหตุใดจึงไม่ลงมือล่ะ?’
ฟั่นเชียนซื่อชะงักไปแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเย็น “แค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น”
มังกรประทีปเงียบไปครู่หนึ่ง ‘อันที่จริง ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าทะเลทรายแห่งนั้นอยู่ที่ไหน แต่ก็ใช่ว่าจะตามหาไม่ได้…’
ฟั่นเชียนซื่อพลันตะลึง คว้าตะเกียงของมันทันที “หายังไง? ต้องหานานแค่ไหน?”
มังกรประทีปรีบช่วยเหลือตะเกียงบนหน้าผากตนออกมา ‘เจ้าอย่าเพิ่งตื่นเต้นไปก่อนเลย ทะเลทรายแห่งนั้นไม่ได้อยู่ในทวีปนี้ ต้องใช้เวทวิชาค่อยๆ สืบหาไป ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน’
ฟั่นเชียนซื่อขมวดคิ้ว “นานปานนี้!”
‘ไม่ถือว่านานนะ เจ้านาย! ต้องรู้หน่อยนะว่าโลกมีนับหมื่นพัน การสืบเสาะหาทะเลทรายแห่งนั้นออกมายากเย็นยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก…’
มันเอ่ยยังไม่ทันจบ ก็ถูกฟั่นเชียนซื่อลากขึ้นมาแล้ว “เช่นนั้นจะยังชักช้าอยู่ไย? รีบไปหาเร็ว!”
….
ทรายเหลืองเนืองนอง ตะวันร้อนปานจะแผดเผา
ยามเที่ยงวันเป็นช่วงเวลาที่ดวงตะวันร้อนแรงที่สุด เนินทรายต่างร้อนระอุ หาสถานที่ร่มเงาสักแห่งไม่พบเลย
ตี้เฮ่าดวงหน้ามอมแมมนอนซุกอยู่ในแอ่งทรายแห่งหนึ่ง เหนือศีรษะคือโครงกระดูกอูฐตัวหนึ่ง กัดฟันเอ่ยถามเจ้าตัวอ้วนกลมที่หมอบซุกอยู่ด้านข้างกับเขาด้วย “ดวงตะวันของที่นี่ลอยอยู่ตรงนั้นมาห้าวันห้าคืนแล้วนะ! มันจะไม่ไสหัวลงไปพักผ่อนบ้างหรือไง?! นี่ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลย!”
เจ้าตัวอ้วนที่อยู่ข้างๆ เขาคือมังกรสีชมพูอ้วนตุ๊ต๊ะตัวหนึ่ง นัยน์ตาโตขนตายาว แถมยังตาสองชั้นด้วย บนหัวมีตะเกียงสีชมพูดวงหนึ่งห้อยอยู่ เวลาที่ขยับหัว ตะเกียงดวงนั้นก็จะแกว่งไกวตามไปด้วย
ตี้เฮ่ารู้สึกว่า รูปลักษณ์ของเจ้าตัวนี้ค่อนข้างคล้ายมังกรประทีป เพียงแต่เกิดการกลายพันธุ์ไป จึงอ้วนป้อมกว่ามังกรประทีปทั่วไปมากนัก
….
————————————————————————————