บทที่ 2961 รู้สึกว่าทั้งร่างตนย่ำแย่ไปหมดแล้ว!
เจ้าอ้วนก็หลั่งเหงื่อชุ่มหลังเช่นกัน มันห่อเหี่ยวอยู่บ้าง “ดวงตะวันของที่นี่…ไม่เคยตก เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด”
ตี้เฮ่าแทบหน้ามืดแล้ว
ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพร่างจิต
สภาวะร่างจิตชอบหยินชังหยาง ดวงวิญญาณของคนทั่วไปถึงขั้นที่ไม่กล้าพบแสงตะวันเลยด้วยซ้ำ เมื่อพบแสงตะวันดวงวิญญาณจะหลอมละลาย
ส่วนตี้เฮ่าถึงอย่างไรก็เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ พลังของดวงวิญญาณแกร่งกล้า แสงตะวันธรรมดาสำหรับเขาแล้วไม่เป็นอย่างไรเลย เขาถึงขั้นที่สามารถก่อร่างจริงขึ้นมาภายใต้แสงอาทิตย์ได้เลย จัดการเรื่องราวของตัวเอง ทำให้คนทั่วไปมองความผิดปกติไม่ออกเลย
แต่ดวงวิญญาณก็คือดวงวิญญาณ ต่อให้เป็นดวงวิญญาณของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ก็ยังรังเกียจแสงตะวันอยู่ดี โดยเฉพาะแสงตะวันที่เจิดจ้าถึงเพียงนี้!
ตี้เฮ่าติดอยู่ในสถานที่ผุพังแห่งนี้มาห้าวันแล้ว รู้สึกว่าทั้งร่างตนย่ำแย่ไปหมดแล้ว!
มองดูเจ้าอ้วนที่อยู่ข้างกายอีกครั้ง เขาก็ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก!
หากมิใช่เพราะเจ้าตัวที่อยู่เบื้องหน้านี้ ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะได้ทราบแหล่งกบดานของฟั่นเชียนซื่อไปแล้วก็ได้ และได้จัดการภัยพิบัติใหญ่ชิ้นนี้ไปแล้ว!
วันนั้นเขาสัมผัสถึงความผิดปกติได้ เดิมทีคิดจะใช้วิชาย้อนทวนเพื่อตรวจสอบดูอีกสักหน่อย กลับคาดไม่ถึงว่าจะปะทะเข้ากับวิชาเข้าฝันของมังกรประทีป…
ตี้เฮ่ารู้จักเวทวิชาพื้นฐานของมังกรประทีป เดาออกทันทีว่าเป็นฟั่นเชียนซื่อที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง
เขากำลังกลุ้มใจที่หาแหล่งกบดานอันแท้จริงของฟั่นเชียนซื่อไม่พบอยู่พอดี พลันตัดสินใจจะใช้แผนซ้อนแผน แสร้งต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อไม่ให้มันดูดไป
เนื่องจากเขาต่อสู้ดิ้นรนรุนแรงเกินไป มังกรประทีปตัวนั้นยังคงปลอบประโลมเขาอยู่ พูดอะไรทำนองว่าไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อเขาอย่างแท้จริง นายของมันเพียงอยากเชิญเขาไปเป็นแขกเท่านั้น
ตี้เฮ่าย่อมไม่เชื่อมัน เพื่อไม่ให้มังกรประทีปตัวนั้นรวมถึงนายของมันเกิดความสงสัย ระหว่างการเดินทางเขายังคงดิ้นรนขัดขืน เพียงแต่ระดับการดิ้นรนเบาบางลงบ้างแล้ว
ขณะที่เขากำลังรู้สึกว่าแสดงละครได้พอสมควรแล้ว ถึงเวลาที่จะปล่อยตัวปล่อยใจยุติการขัดขืนได้แล้ว ก็เดินทางผ่านทะเลยทรายของทวีปนี้เข้าพอดี ผลคือมังกรประทีปชมพูตัวนี้ไม่รู้ว่ากระโจนออกมาจากไหน เมื่อพบเห็นความไม่เป็นธรรมบนท้องถนนก็ชักดาบเข้าช่วยเหลือ พยายามต่อสู้ชิงตัวเขาอย่างสุดชีวิต
เวทวิชาของมังกรประทีปชมพูตัวนี้ไม่นับว่าเลิศล้ำ ว่ากันตามเหตุผลแล้วไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าเสี่ยวเฮยได้ แต่พอเสี่ยวเฮยตัวนั้นมองเห็นมังกรประทีปชมพูตัวนี้ก็ผงะงันไปทันที สองตาเลื่อนลอย เป็นสุภาพบุรุษยิ่งนักปล่อยเขาให้หลุดรอดไปเลย…
ด้วยเหตุนี้ ตี้เฮ่าจึงร่วงลงสู่ทะเลทรายแห่งนี้ ตกมาอยู่กับมังกรประทีปสีชมพูตัวนี้
ถึงอย่างไรมังกรประทีปชมพูตัวนี้ก็ช่วยเหลือด้วยจิตใจอันดี แต่เริ่มแรกตี้เฮ่าก็ยังคงสุภาพมากพอที่จะไม่ติเตียนมัน ซ้ำยังกล่าวขอบคุณมันด้วยซ้ำ
จนกระทั่ง…เขาพบว่าดวงตะวันเหนือหัวไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ตกดับลับเหลี่ยมเขาเลย ส่วนตัวเขาไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ออกจากสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ ในที่สุดเขาก็สัมผัสถึงความผิดปกติได้แล้ว!
สถานที่แห่งนี้พิกลยิ่ง แม้แต่เจ้าอ้วนตัวนี้ก็แปลกมากเช่นกัน!
ตอนที่ตี้เฮ่าเพิ่งร่วงลงพื้น ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าอ้วนตัวนี้จะคิดว่าเขามองไม่เห็นมัน!
หมอบอยู่ตรงหน้าเขานัยน์ตาโตส่องประกายจ้องมองเขา มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็มองจากเท้าจรดหัว เพ่งพิศดุจเขาเป็นสิ่งมีชีวิตหายาก จ้องมองเขาอย่างอาจหาญ
ตี้เฮ่าถูกมันเพ่งพิศแล้วขนลุกอยู่บ้าง จึงเอ่ยถามอย่างสุภาพว่ามันมองอะไร
ผลคือเจ้าอ้วนถลึงตามองเขาด้วยสีหน้าตกตะลึงปานถูกฟ้าผ่า ‘เจ้ามองเห็นข้าหรือ?!’
ตี้เฮ่าเอ่ยอยู่ในใจ มีตัวประหลาดเพิ่มมาอีกแล้วสินะ เจ้าตัวใหญ่ขนาดนี้กองตระหง่านอยู่ตรงนี้ แม้แต่นภาก็ถูกบดบังไปครึ่งหนึ่งแล้ว คุณชายอย่างข้าต้องตาบอดแค่ไหนกันถึงจะมองไม่เห็นเจ้า?
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแสดงออกว่ามองเห็นมัน แถมยังมองเห็นทั้งตัวเลยด้วย แม้แต่สิ่งนั้นที่แกว่งไกวอยู่บนหัวมันก็มองเห็นอย่างชัดเจน
เขารู้สึกว่าวาจานี้ของตนธรรมดาสามัญ ผลคือหลังจากเจ้าอ้วนได้ฟังคำตอบของเขาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะดีใจจนตีลังกากลางอากาศทีหนึ่ง กระแทกใส่เนินทรายลูกหนึ่ง สะเทือนแผ่นดินให้โยกไหวไปสามครา
————————————————————————————-
บทที่ 2962 นี่มันสถานที่ผีสางอันใดกันแน่?!
‘อุหวา เขามองเห็นข้า! แถมยังฟังข้ารู้เรื่องด้วย! โอ้สวรรค์ โอ้สวรรค์! โอ้สวรรค์!’
ตี้เฮ่าพูดไม่ออกแล้ว…
เขารู้สึกว่าปฏิกิริยาของมังกรประทีปตัวนี้เกินเหตุไปแล้ว!
ถึงอย่างไรตี้เฮ่าก็เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ แตกฉานสารพัดภาษา ในบรรดานั้นรวมภาษาสัตว์เอาไว้ด้วย ย่อมฟังมังกรประทีปตัวนี้รู้เรื่อง
มองเห็นมันได้ฟังมันรู้เรื่อง เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ธรรมดายิ่งนักเรื่องหนึ่ง ทว่ามังกรประทีปชมพูตัวนี้ราวกับได้รับสารกระตุ้นก็มิปาน หมุนเป็นวงรอบตัวเขา แทบจะเต้นระบำแล้ว
ตี้เฮ่าถูกละอองทรายที่ติดมากับมันด้วยปลิวใส่เต็มหัว จึงรีบระงับความคุ้มคลั่งของมัน ถามมันว่าที่นี่คือสถานที่ไหน? ทวีปอะไร?
มังกรประทีปชมพูกลับบอกเขาด้วยสีหน้างงงวยว่า มันไม่รู้…
นับตั้งแต่มันจำความได้ก็อยู่กลางทะเลทรายแห่งนี้แล้ว ไม่เคยออกไปจากที่นี่ และออกไปจากที่นี่ไม่ได้
ที่นี่ร้างผู้คน มีคนมาเยือนน้อยยิ่ง นานๆ ทีจะมีผู้บำเพ็ญมาตรวจสอบที่นี่บ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็มองไม่เห็นมัน ยิ่งไม่ได้ยินมันด้วย ดังนั้นมันจึงอ้างว้างอย่างยิ่ง
มันทราบจากปากของผู้บำเพ็ญที่นานๆ จะมีมาสักทีเหล่านั้นว่าพวกเขาขนานนามทะเลทรายผืนนี้ว่าทะเลทรายเพลิงกัลป์ เป็นสถานที่ต้องห้าม เป็นสถานที่ที่ไม่อาจเหยียบย่างเข้ามาได้ง่ายๆ
เหตุผลที่ผู้บำเพ็ญเหล่านี้แล่นเข้ามาในทะเลทรายผืนนี้เป็นเพราะต้องการตามหาความจริงเกี่ยวกับ ‘สุริยันผลาญ’ ผลคือพวกเขาหาความจริงไม่พบ แถมยังร้อนจนตายอยู่ที่นี่ด้วย
และดวงวิญญาณของคนที่สิ้นชีพอยู่ที่นี่ก็ออกไปไม่ได้ ต้องถูกดวงตะวันของที่นี่สาดส่องใส่ตรงๆ จนวิญญาณแตกสลายไป ทิ้งเพียงโครงกระดูกขาวโพลนโครงแล้วโครงเล่าเอาไว้ในทะเลทรายผืนนี้
ยามที่มังกรประทีปชมพูบอกความจริงที่ว่า ‘ออกไปไม่ได้’ แก่ตี้เฮ่า ตี้เฮ่าไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย
เขาอนุมานตามเรื่องราวที่ตนได้ทราบว่า ที่นี่น่าจะเป็นเขตแดนปิดผนึกแห่งหนึ่ง ส่วนมังกรประทีปชมพูตัวนี้ก็เป็นสัตว์ผู้พิทักษ์ที่อยู่ภายในผนึก เพียงแต่ตัวมันเองไม่ทราบความก็เท่านั้น
ถ้าเขาไม่ได้มาที่นี่ก็แล้วไปเถิด แต่ในเมื่อมาที่นี่แล้ว ก็จำเป็นต้องทำลายเขตแดนของสถานที่แห่งนี้เสีย ไปจากดินแดนรกร้างแห่งนี้ จากนั้นก็หาวิธีกลับไปที่ทวีปซิงเยวี่ยอีกครั้ง
จู่ๆ เขาก็ถอดวิญญาณออกมากะทันหัน ท่านแม่ของเขาต้องตื่นตระหนกมากเป็นแน่ ไม่รู้ว่าจะตามหาเขาอย่างไรบ้าง เขาไม่อยากให้ท่านแม่เป็นกังวล
เขาเชี่ยวชาญการทำลายเขตแดน ขอแค่ให้เขาได้พักฟื้นฟูสักหน่อย ก็สามารถฟื้นฟูพลังงานจิตวิญญาณได้ การทำลายเขตแดนของที่นี่ก็มิใช่เรื่องใหญ่แล้ว
สถานที่แห่งนี้ร้อนระอุดุจภูเขาไฟ ดวงตะวันมหึมาส่องจนเขาหลั่งเหงื่อจนเลื่อมไปทั้งตัวแล้ว เขาเอ่ยถามมังกรประทีปชมพู “ในเมื่อเจ้าเป็นชาวท้องถิ่นของที่นี่ เช่นนั้นน่าจะทราบกระมังว่ามีจุดไหนบ้างที่ร่มเย็น? พาข้าไปพักสักหน่อยเถิด กลับมาแล้วข้าจะได้พาเจ้าออกไป”
หลังจากมังกรประทีปชมพูคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มคู้กายลงแล้วตวัดกรงเล็บขุดคุ้ยพื้นทรายใต้ร่าง ขุดจนเป็นแอ่งทรายที่กว้างและลึกแอ่งหนึ่ง จากนั้นก็กระโจนลงไป ร้องบอกตี้เฮ่า ‘ตรงนี้จะทำให้เย็นขึ้นเร็วหน่อย’
ตี้เฮ่าพูดไม่ออกเลย…
มังกรประทีปชมพูยังดึงโครงกระดูกขนาดใหญ่โครงหนึ่งออกมาจากพื้นทรายด้วย ยื่นให้เขาอย่างมีน้ำใจ ‘สิ่งนี้สามารถให้ร่มได้นิดหน่อย’
ด้วยเหตุนี้ ตี้เฮ่าจึงรับโครงกระดูกนี้มาป้องไว้เหนือหัว กระโดดเข้าไปในแอ่งทรายนี้เพื่อหลบเลี่ยงแสงแดดที่แผดเผาร่าง
เดิมทีเขาคิดจะรอให้ถึงตอนค่ำแล้วค่อยสำรวจภายในทะเลทรายผืนนี้ให้ดี เสาะหาปากทางของเขตแดน จากนั้นก็ทำลายเสีย
แต่เขารอแล้วรอเล่ารออย่างไรฟ้าก็ไม่มืดเสียที ดวงตะวันมหึมาดวงนั้นแขวนลอยอยู่เหนือศีรษะตลอด นี่ทำให้เขาค่อนข้างกระวนกระวายใจยิ่งนัก
เขาเอ่ยถามมังกรประทีปชมพูว่า ฟ้าจะมืดตอนไหนกันแน่? ตะวันดวงนั้นจะตกดินเมื่อไหร่?
คำตอบของมังกรประทีปทำให้เขาสิ้นหวังในชั่วพริบตา ‘ฟ้ามืด? อะไรคือฟ้ามืดหรือ? นับแต่ข้าจำความได้ ที่นี่ก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอดนะ’
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นตะวันไม่ลาลับ!
นี่มันสถานที่ผีสางอันใดกันแน่?!
ด้วยเหตุนี้ ตี้เฮ่าจึงไม่คิดจะซุกอยู่ในแอ่งทรายนี้อีกแล้ว!
เขาต้องออกไป ไม่อยู่ในสถานที่บ้าบอแห่งนี้แล้ว
พลันมีความเปลี่ยนแปลงมาเยือนอย่างฉับพลัน
ยามนั้นตี้เฮ่าเพิ่งกระโจนออกมาจากแอ่งทราย ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ได้มองเห็นคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางทรายเหลืองที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า คนผู้นี้สวมอาภรณ์ขาวเดินซวนเซ สายลมกรรโชกพัดพากระโปรงของนางให้ปลิวไสว
ตี้เฮ่าชะงักไปทันที!
ท่านแม่! ไม่น่าเชื่อว่าท่านแม่ของเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่!
————————————————————————————-