บทที่ 2963 ยึดติด
ไม่ถูกสิ นี่ไม่ใช่ท่านแม่ของเขา! แต่เป็นเทพผู้สร้างโลกในชาติก่อน…
บนร่างนางมีรัศมีเทวาอยู่ชัดๆ พลังเทพไม่ได้แผ่ออกไป ถูกนางฝืนยับยั้งไว้
ตี้เฮ่าพลันมึนงง ก่อนหน้านี้เขาใช้วิชาย้อนทวนปางบรรพ์ดูอดีตชาติของกู้ซีจิ่วมาแล้ว ยามนี้จู่ๆ พอได้เห็นเทพผู้สร้างโลกองค์ก่อนปรากฏตัวขึ้นที่นี่แบบตัวเป็นๆ จึงตะลึงงันไปชั่วขณะ
มุมปากของนางมีโลหิต อากาศร้อนระอุถึงเพียงนี้ ทว่าบนร่างนางกลับจับตัวแข็ง แม้แต่เส้นผมก็เหลือบขาวเล็กน้อย นางเงยหน้ามองท้องฟ้า กอดอกไว้ พึมพำกับตัวเอง “หนาว! หนาวเหลือเกิน! ดวงตะวันล่ะ…ดวงตะวันอยู่ที่ไหน?”
ตี้เฮ่าเงยหน้ามองท้องฟ้าตามสัญชาตญาณ ถึงได้พบว่าบนนภามีเมฆครึ้มปกคลุม สายลมกรรโชกพัดโหม ดวงตะวันที่ส่องจ้าอยู่เหนือศีรษะมาโดยตลอดถูกบดบังไว้ด้านหลังชั้นเมฆ แม้แต่แสงแดดสักเสี้ยวหนึ่งก็ไม่เผยออกมาเลย
ตี้เฮ่าไม่นึกเลยว่าสภาพอากาศของทะเลทรายแห่งนี้จะสุดโต่งแบบนี้ ยามที่ตะวันโผล่ร้อนระอุเสมือนอัคคี อุณหภูมิของที่นี่ลดฮวบลง ทุกอย่างถูกแช่แข็งในชั่วพริบตา แม้แต่ทรายที่ร้อนระอุก็แข็งยะเยือกไปแล้ว
มือเท้าเขาแข็งทื่ออย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่ามารดาสั่นสะท้านอยู่กลางสายลม หัวใจเขาพลันร้อนวาบ คิดจะวิ่งออกไปหาตามสัญชาตญาณ กลับถูกเจ้าอ้วนงับสาบเสื้อเอาไว้ น้ำเสียงของเจ้าอ้วนร้อนรน ‘นางมาอีกแล้ว! หนีเร็ว! รีบหนี!’
ไม่พูดพร่ำอันใดก็ร่ายอาคมดำดินเลย พาตี้เฮ่ามุดหายลงไปใต้พื้นดินทันที
มังกรประทีปชมพูตัวนี้ทั้งอ้วนทั้งป้อม คาดไม่ถึงเลยว่าจะเคลื่อนไหวได้ปราดเปรียวขนาดนี้ ตี้เฮ่าเหม่อลอยไปเพียงชั่วครู่ ตัวคนก็จมลงสู่ใต้ดินแล้ว พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็มุดดำอยู่ใต้ดินแล้ว
วิชาดำดินของมังกรประทีปชมพูล้ำเลิศเข้าขั้นเทพแล้ว ดำลึกลงไปใต้ดินหลายร้อยเมตรได้แทบจะในชั่วพริบตา แถมยังมีแนวโน้มว่ามันจะยังดำลึกลงไปยิ่งกว่าเดิมอีก
“นี่ ลึกขนาดนี้ก็พอแล้วกระมัง?!” ตี้เฮ่าทนไม่ไหวแล้ว จึงกระตุกหางของมันไว้
‘ไม่…ไม่พอ! จะถูกแช่แข็งเอา!’ มังกรประทีปชมพูพุ่งทะยานไปตลอดทาง จนกระทั่งไปถึงชั้นหินหนืดที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินแล้วมันถึงได้หยุดลงอย่างฉับพลัน จากนั้นก็ขดตัวเป็นก้อนอยู่ข้างชั้นหินหนืด หอบแฮ่กๆ ‘ที่นี่น่าจะปลอดภัยแล้ว’
ตี้เฮ่าไม่เข้าใจสถานการณ์เลย…
นี่ออกจะเกินเหตุไปแล้วกระมัง?! ข้างบนจะหนาวได้ถึงขั้นนี้เลยหรือ?
เพียงแต่ความหนาวเหน็บของด้านบนค่อนข้างผิดปกติมากจริงๆ เมื่อครู่เขาอยู่ตรงนั้นเพียงครู่เดียว ก็รู้สึกได้ว่ามือเท้าจะถูกแช่แข็งแล้ว
เมื่อนึกถึงสตรีที่เดินซวนเซเมื่อครู่นี้ ตี้เฮ่าพลันปวดใจแวบหนึ่ง!
สภาพนั้นคล้ายเทพผู้สร้างโลกในตอนที่เพิ่งล้มเลิกสัมพันธ์อาจารย์ศิษย์กับตี้ฝูอี เป็นภาพมายาหรือว่าเป็นตัวจริงกัน?
“เจ้าพบนางบ่อยหรือ?” ตี้เฮ่าสอบถามมังกรประทีปชมพู
‘ก็ไม่นับว่าบ่อย แปดปีสิบปีจะออกมาสักหน’
ตี้เฮ่าใจเต้นแวบหนึ่ง “เช่นนั้นเจ้าเห็นนางมากี่ครั้งแล้ว?”
มังกรประทีปชมพูนับกรงเล็บคิดดูครู่หนึ่ง ‘หลายพันครั้งแล้วกระมัง…จำนวนครั้งมากมายเกินไปจนนับได้ไม่กระจ่าง’ แล้วเอ่ยเสริมอีกประโยคว่า ‘เมื่อก่อนนางไม่ได้ออกมาถี่ขนาดนี้ เริ่มแรกสุดผ่านไปสามสี่ร้อยปีถึงจะยังไม่ออกมาสักครั้งเลย ต่อมาก็เริ่มออกมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ…’
ตี้เฮ่าขมวดคิ้ว “ทุกครั้งที่นางออกมาอากาศล้วนกลายเป็นเหน็บหนาวหรือ?”
มังกรประทีปชมพูพยักหน้า ‘ใช่ นางเป็นตัวการที่ทำให้สภาพอากาศของที่นี่แปรเปลี่ยน เมื่อก่อนที่นี่ไม่ได้ร้อนระอุขนาดนี้ ขอบเขตของทะเลทรายก็ไม่ได้กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่พอนางออกมาหนึ่งครั้งอากาศก็จะเปลี่ยนแปลงไปหนึ่งวัน ยิ่งนางออกมาเท่าไหร่ก็ยิ่งเหน็บหนาวขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากนางหายไปแล้ว ที่นี่ก็ยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนที่นี่ยังพอมีเนินเขาโขดหินอันใดที่ให้ร่มเงาได้อยู่บ้าง แต่ล้วนถูกอากาศที่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวในช่วงหลายปีมานี้ทำลายไปแล้ว เหลือไว้เพียงทะเลทรายที่ราบเรียบ ข้าไปมาทั่วทุกซอกหลืบของทะเลทรายแห่งนี้แล้ว ไม่พบสถานที่ที่สามารถบดบังแสงอาทิตย์ได้อีกเลยสักแห่ง’
เมื่อมันอธิบายมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
————————————————————————————-
บทที่ 2964 ยึดติด 2
เมื่อมันอธิบายมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ถลึงตามองดูตี้เฮ่า ‘เอ๋ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่!’
ตี้เฮ่าพูดไม่ออกอีกครั้ง…
เขากำหมัดแล้ว ถามมันอย่างอึมครึม “ข้าควรจะตายหรือไง?”
มังกรประทีปชมพูพยักหน้าจริงๆ ‘ขอบอกตามตรง ข้าเคยช่วยชีวิตคนเช่นนี้มาแล้วมากมาย ผลคือคนถูกข้าลากลงมาได้ แต่ก็ขาดอากาศตายอยู่ดี… ’
ตี้เฮ่าแทบจะกุมขมับแล้ว…
โชคดีที่เขาเป็นวิชาดำดิน! มิเช่นนั้นเกรงว่าคงถูกเจ้ามังกรประทีปที่พึ่งพาไม่ได้ตัวนี้ทำให้ขาดอากาศตายไปแล้ว!
เขานั่งลงตรงนั้น “เอาล่ะ เล่าวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในทะเลทรายของเจ้าในช่วงที่ผ่านมาซะ เอาให้ละเอียดหน่อย”
มังกรประทีปชมพูก็ไม่ปิดบังอำพรางเลย พอตี้เฮ่าถาม มันก็เปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือก
ที่แท้มังกรประทีปตัวนี้ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้มาหลายหมื่นหรืออาจจะหลายแสนปีมาแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นเวลาเนิ่นนานมากแล้ว แรกเริ่มทะเลทรายผืนนี้มิได้กว้างใหญ่ กินพื้นที่ไม่กี่ร้อยลี้ มันสามารถวิ่งจากฟากนี้ไปถึงฟากโน้นได้ง่ายดายยิ่ง แรกเริ่มในทะเลทรายมีพืชพันธุ์เล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง บางครั้งก็ได้พบเห็นสีเขียวนิดหน่อย ดวงตะวันก็ไม่ได้ร้อนแรงและใหญ่โตถึงเพียงนี้ ถึงขั้นที่ยังมีความเคลื่อนไหวด้วย เริ่มจากทิศตะวันออกและไปอ่อนแสงลงยังทิศตะวันตก
แต่เป็นเพราะการปรากฏตัวขึ้นของสตรีนางนั้น สภาพอากาศของที่นี่จึงย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ
ในความทรงจำของมังกรประทีป ครั้งแรกที่สตรีนางนั้นปรากฏตัวขึ้น ท้องฟ้าครึ้มลงเพียงเล็กน้อย ก้อนเมฆบนท้องนภาก็บดบังแสงแดดเพียงนิดหน่อย สตรีนางนั้นขี้หนาวอย่างยิ่ง จะกางแขนรอคอยแสงตะวันสาดส่อง…
ตอนนั้นมังกรประทีปไม่ค่อยได้พบเห็นผู้คน เมื่อได้เห็นสตรีนางนี้มันยังคงปิติยิ่งนัก โผเข้าไปหาหมายจะพูดคุยกับผู้อื่น ผลคือยังโผไปไม่ทันถึงเบื้องหน้าสตรีนางนั้น สตรีนางนั้นก็หายไปแล้ว
ต่อมาในยามที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้มังกรประทีปจะโผไปถึงเบื้องหน้าของสตรีนางนี้ได้แล้ว กลับค้นพบว่านางเป็นเพียงภาพมายา อุ้งเท้าของมันปัดทะลุผ่านร่างของผู้อื่นไป แถมภาพมายานี้ยังเยียบเย็นยิ่ง ยามที่มันโผเข้าไปเบื้องหน้านาง แทบจะถูกแช่แข็งไปแล้ว…
ต่อมาช่วงเวลาที่สตรีนางนี้ปรากฏตัวออกมาก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ มันไม่โผเข้าไปหาก็แทบจะถูกแช่แข็งเป็นปะติมากรรมน้ำแข็งแล้ว ด้วยความจนปัญญาจึงได้แต่มุดลงไปด้านล่าง แถมยังมุดลงไปลึกขึ้นเรื่อยๆ…
มังกรประทีปอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้เพียงลำพังจึงอ้างว้างยิ่ง อยากจะหาเพื่อนคุยสักคนยิ่งนัก
แต่สิ่งมีชีวิตที่นานๆ ทีจะเข้ามาสักหนกลับมองไม่เห็นมัน ไม่ได้ยินมันกันทั้งสิ้น ต่อให้มันขวางอยู่ตรงหน้าพวกเขา พวกเขาก็จะนึกเพียงว่าเป็นเพราะเจอผีบังตาเข้า ตกใจจนฉี่ราดอุจจาระไหลแล้วหนีเตลิดไป
มีหลายครั้งที่คนพวกนั้นกำลังตระเวนอยู่ในทะเลทราย ผลคือบังเอิญพบการปรากฏตัวขึ้นของสตรีนางนั้น มังกรประทีปทนเห็นพวกเขาถูกแช่แข็งจนกลายเป็นปะติมากรรมน้ำแข็งไม่ลง ด้วยความหวังดีจึงลากพวกเขาดำลงไปใต้ดิน ผลคือคนเหล่านั้นไม่รอดชีวิตเลยสักคน
แน่นอน ที่นี่คือพื้นที่ปิดตาย เข้าได้ออกไม่ได้ ไม่ว่าผู้ที่เข้ามาจะเคยเก่งกาจมากแค่ไหน พอมาถึงที่นี่แล้วบ้างก็ถูกแดดเผาจนสิ้นชีพ บ้างก็สิ้นชีพด้วยความหิวกระหาย หรือไม่ก็ถูกแช่แข็งจนตาย…
สรุปง่ายๆ คือ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีมังกรประทีปชมพูเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงตัวเดียว และตอนนี้ในที่สุดมังกรประทีปชมพูก็ได้พบสหายแบบเป็นๆ ที่ตนตั้งตารอคอยมาแล้วหนึ่งคน…ตี้เฮ่า
มังกรประทีปชมพูตื้นตันนัก พอได้เปิดประเด็นสนทนาแล้ว ก็เจื้อยแจ้วขึ้นมาอย่างไม่จบไม่สิ้น
ตี้เฮ่ากลับได้ทราบความไม่น้อยเลย สุดท้ายมีเพียงเรื่องเดียวที่เขาฉงนอยู่ “เท่าที่ข้ารู้มา มังกรประทีปถือกำเนิดเติบโตขึ้นในหุบเขาลึก ชอบหยินชังหยาง ต่อให้เป็นการฟักไข่มังกรประทีปก็มิใช่การฟักในห้องควบคุมอุณหภูมิ ต้องฟักในธารน้ำพิเศษ ส่วนทะเลทรายผืนนี้ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศหรือว่าภูมิศาสตร์ล้วนไม่เหมาะสมกับเจ้าเลย สรุปคือเจ้าเข้ามาอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ได้ยังไงกัน?”
มังกรประทีปชมพูมีสีหน้างุนงง เอ่ยอย่างโศกหมองยิ่ง ‘ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่ข้าจำความได้ก็อยู่ที่นี่แล้ว’
“ตั้งแต่เจ้าจำความได้ก็ตัวโตแบบนี้แล้วหรือ?”
————————————————————————————-