“คำนับพระชายา! ” ตงหลิงหวงคำนับพระชายาหลู่หยางอ๋อง
พระชายาหลู่หยางอ๋องในตอนนี้สงบลงมากแล้ว
“หวงเอ๋อร์ เจ้าเข้ามาในเมืองหลวงแล้วหรือ? เสด็จพ่อของเจ้ามาด้วยหรือไม่? ”
“เสด็จพ่อไม่ได้มาด้วยเพคะ หวงเอ๋อร์มาคนเดียว”
แม้ไม่ได้พูดอันใดมาก ทว่าพระชายาหลู่หยางอ๋องก็เข้าใจทุกอย่าง
“ร่างกายเสด็จพ่อของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เขา… ได้รับบาดเจ็บหนักเพราะหลู่หยางอ๋องหรือไม่? ”
“ในคราแรก เสด็จพ่อทรงตกพระทัยเล็กน้อย ทว่าโชคดีที่ป้องกันแต่เนิ่นๆ เสด็จพ่อทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง พระชายาโปรดวางพระทัย”
“ดีแล้ว! เช่นนั้นก็ดีแล้ว! ”
พระชายาหลู่หยางอ๋องไม่ได้ถามเรื่องของฮ่องเต้ตงเฉินมากจนเกินไป
นางเปลี่ยนเรื่อง “หวงเอ๋อร์ พวกเจ้าเข้ามาได้อย่างไร? รู้ทางลับแห่งนี้ได้อย่างไร? ”
พระชายาหลู่หยางอ๋องยอมรับว่าปิดบังเรื่องเส้นทางลับแห่งนี้อย่างรัดกุมมานานหลายปีแล้ว ตอนนี้ตกอยู่ในการควบคุมของหลู่หยางอ๋องก็ยิ่งเข้มงวดเข้าไปอีก คนทั่วไปไม่มีทางหาพบแน่
“หม่อมฉันพบมันโดยบังเอิญ ตอนนั้นไม่รู้ว่าพระชายาอยู่ที่นี่ คิดเพียงว่าหลู่หยางอ๋องเก็บความลับอันใดไว้ จึงลองเสี่ยงเข้ามาดูเพคะ”
สายตาพระชายาหลู่หยางอ๋องหม่นหมองลง นางยิ้มเยาะที่มุมปาก “หึ ความลับของหลู่หยางอ๋องถูกซ่อนอยู่ที่นี่จริงๆ ทั้งยังเป็นความลับที่บอกผู้อื่นไม่ได้”
คำพูดของพระชายาหลู่หยางอ๋องมีความหมายแฝง พิจารณาดูก็เข้าใจได้ว่าหมายถึงอันใด
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลู่หยางอ๋องขังพระชายาของตนเองไว้ในสถานที่เช่นนี้ นี่ก็นับเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจให้คนภายนอกล่วงรู้ได้
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป กองกำลังเบื้องหลังของพระชายาหลู่หยางอ๋องย่อมไม่ปล่อยหลู่หยางอ๋องแน่นอน
พอครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ส่วนลึกในใจของตงหลิงจวิ้นพลันเย็นวาบขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ “เสด็จแม่ สรุปแล้ว ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? หรือว่า… หรือว่าเสด็จพ่อขังท่านไว้ที่นี่ใช่หรือไม่? ”
พระชายาหลู่หยางอ๋องกัดฟันแน่น “ตงหลิงชางผู้นั้นต้องไม่ตายดี เขาไม่เมตตาต่อพี่น้อง ไม่ซื่อสัตย์ต่อขุนนาง ไม่ยุติธรรมต่อประชาชน สวรรค์ต้องจัดการเขาแน่ บรรพบุรุษสกุลตงหลิงบนสวรรค์ต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่”
ใบหน้าของตงหลิงจวิ้นปรากฏความเจ็บปวด ไม่คิดว่าครอบครัวที่เคยมีความสุขจะกลายเป็นเช่นนี้ได้
“เหตุใด… เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้ ลูกคิดว่าเสด็จพ่อจะหมกมุ่นหลงระเริงในอำนาจเพียงชั่วครู่ ทว่าไม่คาดคิดว่าเสด็จพ่อจะเลยเถิดถึงขั้นลงมือกับเสด็จแม่
เสด็จแม่อยู่กับเสด็จพ่อมานานถึงเพียงนี้แล้วแท้ๆ ! ”
แววตาพระชายาหลู่หยางอ๋องเย็นชาสุดขั้ว ดูก็รู้ว่าสาเหตุความเงียบของนางในตอนนี้คือ นางกำลังระงับความโกรธแค้นไว้ในใจ
“หึ ข้าเป็นอันใดสำหรับเขา? เสือจะโหดร้ายอย่างไรก็ไม่กินลูกตนเอง แม้แต่จวิ้นเอ๋อร์ เขาก็ยังไม่เว้น ยังนับว่าเป็นคนอยู่อีกหรือ! ”
ตงหลิงจวิ้นรีบแก้ตัวแทนบิดาของตนเอง เขาส่ายศีรษะ “ไม่ใช่อย่างนั้นเสด็จแม่ เสด็จพ่อดีกับลูกมาก เขาไม่ได้ทำร้ายลูก”
พระชายาหลู่หยางอ๋องไม่ต้องการให้บุตรชายของตนเองเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายเช่นนี้ ทว่าอย่างไรเสีย ตงหลิงจวิ้นก็โตแล้ว เขาควรเผชิญหน้ากับความจริง ควรรู้ความจริงได้แล้ว
“จวิ้นเอ๋อร์ ลูกรักของแม่ เจ้าคิดว่าหากปราศจากความยินยอมของเสด็จพ่อเจ้า สตรีที่ตั้งครรภ์อย่างพระสนมน่าหลานจะลงมือกับเจ้าโดยไม่คำนึงถึงทารกในครรภ์ของตนเองอย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดว่านางไม่ไตร่ตรองเกี่ยวกับอนาคตของทารกในครรภ์ของนางหรือ? เจ้าคิดว่าหากเสด็จพ่อของเจ้าไม่ยินยอม นางกำนัลเหล่านั้นของนางจะกล้าฟังนาง และวางยาพิษบุตรชายผู้สืบสกุลเช่นเจ้าหรือ? ”
คำพูดเหล่านี้ หากพระชายาหลู่หยางอ๋องไม่พูด ตงหลิงจวิ้นที่มีอุปนิสัยเรียบง่ายคงไม่กล้าคิด ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ และไม่อยากจะปักใจเชื่อ
แม้ตงหลิงหวงจะรู้สึกว่า การที่พระชายาหลู่หยางอ๋องพูดออกมาตรงๆ เช่นนี้ดูโหดร้ายไปบ้าง ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เป็นมารดาพึงกระทำ ทว่านางเข้าใจดีว่าคนที่จนมุมมักกระทำอันใดบางอย่างที่ผิดปกติ
นางคิดว่าตนเองได้ ‘ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง’
หากไม่ใช่เพราะตงหลิงหวงและตงหลิงจวิ้นบังเอิญเข้ามาในทางลับแห่งนี้ และบังเอิญพบพระชายาหลู่หยางอ๋อง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าชีวิตนี้ พวกเขาสองแม่ลูกจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
คนเป็นมารดา หากชีวิตที่เหลือไม่มีโอกาสได้อยู่กับบุตรของตนเอง เช่นนั้น สิ่งที่นางคาดหวังที่สุดคืออันใด?
แน่นอนว่าคือการที่บุตรชายของนางสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข
ทว่าในโลกวุ่นวายใบนี้มีการโจมตีที่เปิดเผยและซ่อนเร้น คิดจะอยู่อย่างสงบสุขง่ายๆ ได้อย่างไร?
ดังนั้นเวลานี้ พระชายาหลู่หยางอ๋องหวังเป็นอย่างยิ่งว่านิสัยของตงหลิงจวิ้นจะไม่เรียบง่ายถึงเพียงนั้น ต้องให้เขาได้เห็นสิ่งที่ดำมืดทั้งหมด เขาจะได้แข็งแกร่งขึ้น
แข็งแกร่งจนเผชิญหน้าทุกเรื่องด้วยตัวคนเดียวได้โดยไม่ต้องมีผู้ใดคอยปกป้อง
ทว่าตงหลิงจวิ้นในตอนนี้จะเข้าใจเจตนาของพระชายาหลู่หยางอ๋องได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าบิดาของตนเองจะทำเรื่องเช่นนี้ได้
เขาส่ายศีรษะ “ไม่ เป็นไปไม่ได้ ลูกไม่เชื่อ ไม่มีวันเป็นไปได้”
“จวิ้นเอ๋อร์… ” พระชายาหลู่หยางอ๋องจับตงหลิงจวิ้นไว้แน่น
แววตาของตงหลิงหวงสงบนิ่ง “พระชายา จวิ้นเอ๋อร์ อย่าเพิ่งพูดเรื่องพวกนี้เลย พวกเรารีบคิดหาทางออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดเถิด! ข้ารู้สึกว่ามีเรื่องใหญ่บางอย่างกำลังเกิดขึ้น หากหลู่หยางอ๋องรู้ว่าข้าไม่ได้อยู่ในจวนพระสนมน่าหลานแล้ว เขาต้องเริ่มปฏิบัติการอย่างแน่นอน จากความคิดของหลู่หยางอ๋อง หากเขารู้ว่าข้ากับจวิ้นเอ๋อร์หายตัวไป ก็คงเดาได้ไม่ยากว่าพวกเราอยู่ในเส้นทางลับแห่งนี้”
พระชายาหลู่หยางอ๋องเพิ่งรู้ตัวว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับพูดคุย นางจึงรีบปรับอารมณ์และเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าตนเอง
“ถูกต้อง ออกไปค่อยคุยกัน”
ตงหลิงหวงถามขึ้น “พระชายา ทางออกของเส้นทางลับแห่งนี้ นอกจากในห้องบรรทมของท่าน ยังมีทางออกอื่นอีกหรือไม่? ”
……
ตงหลิงหวงเดาถูก หลู่หยางอ๋องสั่งให้คนค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมของจวนหลู่หยางอ๋อง แม้แต่ห้องส้วมก็ไม่ปล่อยผ่าน ทว่าไม่เห็นเงาของตงหลิงหวงแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกัน เขายังพบว่าไม่ใช่แค่ตงหลิงหวงที่หายไป ตงหลิงจวิ้นก็หายไปด้วย ในไม่ช้า เขาก็รู้ตัวว่าตงหลิงหวงต้องพาตงหลิงจวิ้นเข้าไปในเส้นทางลับซึ่งอยู่ในห้องบรรทมของพระชายาหลู่หยางอ๋องแน่นอน
เพราะเส้นทางลับนั้นเกี่ยวข้องกับพระชายาหลู่หยางอ๋อง ตงหลิงหวงและตงหลิงจวิ้นต้องไม่มีวันทิ้งเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับทางลับตอนที่พวกเขาจากไป
หลู่หยางอ๋องยังคงยืนอยู่บนห้องใต้หลังคาสูง สายตาเย็นชาค่อยๆ เคลื่อนไปยังทิศทางของเรือนพระชายาหลู่หยางอ๋อง
องครักษ์ข้างกายราวกับสังเกตเห็นอันใดบางอย่างจึงรีบถาม “ท่านอ๋องต้องการให้กระหม่อมพาคนไปค้นหาที่เรือนของพระชายาหลู่หยางอ๋องอีกครั้งหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
“ไม่ต้อง! ” หลู่หยางอ๋องยกมือห้าม “ข้าจะพาคนไปด้วยตนเอง! ”
เขาพูดพลางหันหลังกลับและเดินลงไปจากห้องใต้หลังคา
องครักษ์รีบรวบรวมยอดฝีมือชั้นเยี่ยมที่สุดเพื่อตามหลู่หยางอ๋องไป
ขณะที่ใกล้จะถึงจวนของพระชายาหลู่หยางอ๋อง จู่ๆ หลู่หยางอ๋องก็ชะงักฝีเท้าและเอ่ยถามขึ้น “องครักษ์ที่เผชิญหน้าอยู่กับกลุ่มฉีเฟิงเป็นอย่างไรบ้าง? ”
“นั่นเป็นถึงรัชทายาทตงหลิง… โอ้ ไม่ใช่ มือสังหารชั้นยอด ลูกน้องของตงหลิงหวง พี่น้องเราไม่กล้าบุ่มบ่าม หัวหน้าองครักษ์เซวียสั่งว่าศัตรูไม่เคลื่อนไหว ข้าไม่ลงมือ สถานการณ์ตอนนี้จึงหยุดชะงักพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่หยางอ๋องแสดงสีหน้าเป็นกังวล จากสถานการณ์ปัจจุบันก็คงต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้น หากสู้กับกลุ่มฉีเฟิงจริงๆ เขาก็ไม่มั่นใจนักว่าลูกน้องของตนจะเป็นฝ่ายชนะ
“ส่งคนจำนวนหนึ่งไปสนับสนุน ตราบใดที่พวกเขาไม่เริ่มก่อน พวกเราก็สงบนิ่งตามพวกเขา อย่าให้พวกเขาสังเกตได้และเข้าใกล้เรือนพระชายาเด็ดขาด รอข้าแก้ไขสถานการณ์ทางนี้ได้ ค่อยว่ากันอีกที”
แม้องครักษ์จะไม่รู้ว่าหลู่หยางอ๋องมีเรื่องอันใดให้แก้ไขที่เรือนพระชายาหลู่หยางอ๋อง ทว่าเขาไม่กล้าละเลยต่อคำสั่งของหลู่หยางอ๋อง จึงรีบรับคำและไปจัดการตามคำสั่งทันที
ท่าทีของหลู่หยางอ๋องราวกับสายฟ้า ไอสังหารคุกรุ่น ในไม่ช้า เขาก็นำคนจำนวนหนึ่งไปถึงเรือนของพระชายาหลู่หยางอ๋อง