บทที่ 172 ผู้นำ
ห้าวันหลังจากที่แขนของจินเยี่ยนถูกตัดออก ซูเฉินก็บรรลุสู่ด่านผลาญจิตวิญญาณได้สำเร็จ เขากลายเป็นผู้ฝึกตนด่านผลาญจิตวิญญาณที่ไม่มีสายเลือดในทวีปต้นกำเนิด
โชคไม่ดีนักที่ไม่มีใครได้เป็นสักขีพยานให้กับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ไม่มีเสียงโห่ร้องหรือเสียงปรบมือใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งเดียวที่ทักทายซูเฉินก็คือพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินเบื้องหน้าเขาเท่านั้น
แต่โลกแห่งความจริงก็เป็นเช่นนี้… การค้นพบที่น่าทึ่งหลาย ๆ อย่างหายไปอย่างเงียบ ๆ อยู่เสมอ
ซูเฉินไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทว่าเขากลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเป็นกังวลที่บังเกิดขึ้นในใจทันทีที่บรรลุด่านการฝึกได้สำเร็จ
ความกังวลนั้นก่อตัวขึ้นโดยไม่มีสาเหตุใด ๆ เลย
เจ็ดวันหลังจากนั้นก็มีข่าวจากชายแดนทางเหนือของเผ่าปักษา
ขบวนสัตว์อสูรเดินทางมาถึงแล้ว
ความโกลาหลเกิดขึ้นในหมู่ชาวปักษาทันที
ตอนนี้พวกเขาต้องต่อสู้ในสงครามถึงสองแห่งในเวลาเดียวกัน
สองวันจากนั้น ข่าวจากดินแดนมนุษย์ก็เดินทางมาถึง อาณาจักรภูผาสูญและอาณาจักรประกายวารีตกลงที่จะเคลื่อนทัพและเตรียมพร้อมที่จะโจมตี พวกเขายังกล่าวประณามชาวปักษาอีกด้วย และจูเซียนเหยาก็ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีของชาวมนุษย์นั่นเอง
ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแผนการนี้พากันตื่นเต้น
หากหยงเยี่ยหลิวกวงยังมีสติดีอยู่ เขาก็ควรอย่างยิ่งที่จะปล่อยตัวจูเซียนเหยาไป ทว่าจักรพรรดิปักษากลับไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เสียอย่างนั้น
เวลาผ่านไปอีกสามวัน
ณ ที่พักของไม่เอ่อร์
ซูเฉินนั่งอยู่คนเดียวในลานบ้าน
“เมืองเลี่ยวเยี่ยเป็นอย่างไรบ้าง” ซูเฉินถามขึ้นขณะยืนอยู่ที่หน้าดอกไม้ดอกหนึ่งราวกับว่าเขากำลังคุยกับตัวเอง
เสียงแหบแห้งที่ฟังดูเหมือนเสียงของผีร้ายกล่าวตอบชายหนุ่มกลับมา “ต้องใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่ศัตรูจะเคลื่อนทัพได้อย่างสมบูรณ์ แต่พวกทหารก็กำลังเตรียมการกันแล้ว”
เสียงของผ้าเท่อลั่วเค่อนั่นเอง
ผ้าเท่อลั่วเค่อเข้ามาในเขตแดนของเผ่าปักษาแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้ามาในปราสาทแสงต้นกำเนิด และจากจุดที่เขาอยู่ ทำให้สามารถสื่อสารกับจูเฉินฮ่วน จูเซียนเหยา และซูเฉินได้พร้อม ๆ กัน
“แต่เขาก็ยังเลือกที่จะยืงนิ่งอยู่ตรงนั้น” ซูเฉินพึมพำ
ชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยดีและสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้อยู่เหนือความควบคุมของเขาเสียแล้ว
แผนการที่วางไว้เป็นแผนที่ดีก็จริง
แต่ความเป็นจริงที่โหดร้ายก็คือไม่ใช่ทุกแผนการที่ดี จะให้ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนกันทั้งหมด
ในการต่อสู้ระหว่างอัจฉริยะนั้นไม่แปลกเลยที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถอ่านเกมของกันและกันได้ และนั่นทำให้พวกเขาป้องกันไม่ให้แผนการของฝ่ายตรงข้ามเกิดผล
สาเหตุนี้เองที่ทำให้ซูเฉินสามารถทำสำเร็จเมื่อครั้งที่ยังอยู่ในเขตแดนของเผ่าคนเถื่อน
ไม่ใช่แค่เพราะเขาฉลาด แต่ยังเป็นเพราะอานู๋ปี่ที่ไร้ความสามารถด้วย
แต่คราวนี้ซูเฉินรู้ตัวว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง
ปฏิกิริยาและการเคลื่อนไหวของหยงเยี่ยหลิวกวงนั้นเป็นอะไรที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ซูเฉินไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดหรือทำอะไรอยู่กันแน่
และนั่นทำให้ชายหนุ่มเป็นกังวล
หลังจากครุ่นคิดแล้วซูเฉินก็กล่าวขึ้น “จับตาดูให้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับจูเซียนเหยาบ้าง ณ ที่พักนั่น ข้ารู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้เลย”
“รับทราบ !” ผ้าเท่อลั่วเค่อตอบ
แม้ว่าซูเฉินจะคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ไว้หลายแบบ แต่สุดท้ายเขากลับพบว่าทุกข้อสันนิษฐานเหล่านั้นกลับไร้ความหมายเสียอย่างนั้น
สองวันหลังจากนั้น ซูเฉินก็ได้รับรายงานกลับมา
จูเซียนเหยาถูกนำตัวไปยังเมืองล่องนภา…
ในฐานะผู้ร้าย!
เมื่อได้ยินดังนั้นซูเฉินก็แทบคลั่ง
หรือว่าหยงเยี่ยหลิวกวงต่างหากที่เสียสติไปแล้ว
เขาทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน ? เขาไม่สนใจแรงกดดันทั้งจากชาวมนุษย์และพวกอสูร แต่ยังยืนกรานที่จะจัดการกับซูเฉินและจูเซียนเหยาต่อไปอย่างนั้นหรือ
เหตุการณ์นี้ทำให้ซูเฉินได้เข้าใจถึงความรู้สึกของการเป็นฝ่ายพ่ายแพ้บ้าง
โชคร้ายที่ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดไม่สามารถให้การคาดการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับการกระทำของหยงเยี่ยหลิวกวงได้
จักรพรรดิปักษาผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป และเขายังถูกรายล้อมไปด้วยปรมาจารย์ชั้นเลิศมากมาย ดังนั้นซูเฉินจึงไม่สามารถล่วงรู้ถึงความคิดของหยงเยี่ยหลิวกวงได้เลย
“ซูเฉิน แล้วตอนนี้เราควรทำอย่างไรล่ะ” แม้แต่ผ้าเท่อลั่วเค่อก็ยังเริ่มเป็นกังวลกับสถานการณ์ในตอนนี้ “จูเฉินฮ่วนยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ข้ายังไม่ได้บอกเขา”
ซูเฉินเดินวนไปมาอยู่หลายครั้ง “ท่านคิดถูกแล้วที่ยังไม่บอกเขา หยงเยี่ยหลิวกวงตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ข้ากำลังกดดันเขาด้วยสองกองทัพใหญ่ ในขณะที่ฝ่ายนั้นกำลังใช้จูเซียนเหยาเพื่อทำให้ข้าหมดหนทาง หยงเยี่ยหลิวกวงกำลังส่งนางไปยังเมืองล่องนภา….. เขาพุ่งเป้ามาที่ข้าแน่ ๆ”
ผ้าเท่อลั่วเค่อเห็นด้วย “รอบนี้หยงเยี่ยหลิวกวงร้ายกาจมากทีเดียว เขาจงใจกดดันจุดที่อ่อนแอของเจ้า!”
ซูเฉินส่งเสียงอยู่ในลำคอ “เขาอาจรู้จุดอ่อนของข้า แต่เขาเองเล่า… จะไม่มีจุดอ่อนเลยหรืออย่างไรกัน ?”
ผ้าเท่อลั่วเค่อผงะ “จุดอ่อนของเขาคืออะไรหรือ ?”
“ลูกสมุนของเขาอย่างไรล่ะ !” ซูเฉินกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่น่าขนลุก “หยงเยี่ยหลิวกวงใจเหี้ยมเหลือเกินที่เมินการกดดันของสองกองทัพเพียงเพื่อมาเล่นเกมเล็ก ๆ นี้กับข้า แต่ไม่ใช่ปักษาทุกคนหรอกนะที่มีจิตใจอย่างเขา !”
วันต่อมา ข่าวลือก็เริ่มแพร่ไปในเมืองล่องนภา
เรื่องที่พูดถึงกันนั้นก็คือการที่หยงเยี่ยหลิวกวงตกหลุมรักมนุษย์สาวนางหนึ่งและจับตัวนางไว้ ทว่าเพราะนางเป็นทายาทของสายเลือดจักรพรรดิอสูร พวกมนุษย์จึงเตรียมพร้อมที่จะโจมตี เพราะหยงเยี่ยหลิวกวงปฏิเสธคำขอที่จะต่อรองกับพวกเขามาแล้วหลายครั้ง ฝ่ายอสูรก็รุกล้ำเข้ามาแล้วเช่นกัน นั่นแปลว่าศัตรูทั้งสองกำลังจู่โจมเข้ามาพร้อมกันในตอนที่เผ่าปักษาอยู่ในจุดที่อ่อนแอที่สุด แต่หยงเยี่ยหลิวกวงยังคงหลงระเริงอยู่กับความกำหนัด เขาละเลยสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนของตัวเอง และพาหญิงนางนี้เข้ามาในเมืองล่องนภา เรื่องนี้จะเป็นสาเหตุให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างเผ่าปักษาและมนุษย์อย่างแน่นอน
นอกจากเรื่องที่ว่าหยงเยี่ยหลิวกวงหลงรักจูเซียนเหยาแล้ว ข้อมูลเรื่องอื่น ๆ ก็เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น
ข่าวลือนี้มีประสิทธิภาพมากทีเดียว มีเพียง 1 ใน 10 ส่วน เท่านั้นที่ไม่จริง นอกจากนั้นอีก 9 ใน 10 ส่วนก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและถูกสร้างขึ้นเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ปักษาคนใดที่รู้ก็จะคิดว่าหยงเยี่ยหลิวกวงคือผู้รับผิดชอบหายนะที่เกิดขึ้นในคราวนี้ แน่นอนว่าการรุกรานของอสูรก็เป็นความผิดของหยงเยี่ยหลิวกวงด้วยเช่นกัน
ในตอนแรกชาวปักษาก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินนัก
หยงเยี่ยหลิวกวงเป็นจักรพรรดิมานานหลายพันปี และลูกสมุนทั้งหลายก็บูชาในสติปัญญาของเขา ไม่มีใครเชื่อเลยว่าจักรพรรดิปักษาจะทำเรื่องแบบนี้ได้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีปักษาบางกลุ่มที่ค้นหาความจริงและพบในไม่ช้าว่าข่าวลือนี้มีอะไรที่ประหลาดอยู่
มีทูตชาวมนุษย์ที่ถูกจับตัวไว้ในปราสาทแสงต้นกำเนิดจริง ๆ ซึ่งเป็นมนุษย์กลุ่มที่กำลังเตรียมการกองกำลังขนาดใหญ่สำหรับการบุกรุก อันที่จริงแล้วพวกอสูรก็เข้าประชิดชายแดนเผ่าปักษาแล้วเช่นกัน แต่ผู้นำชาวปักษากลับไม่สนใจการรุกรานของพวกมันและส่งจุดลอยทั้งสามเพื่อจัดการกับพวกมนุษย์แทน…
การค้นพบในเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่มาสนับสนุนความจริงของข่าวลือนั้นทั้งสิ้น
ชาวปักษาสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ที่รุนแรงที่กำลังใกล้เข้ามา
ไม่มีปักษาคนใดเลยที่อยากจะเผชิญหน้ากับอสูรอีกครั้ง
ยิ่งความขัดแย้งในครั้งนี้ที่ทวีคูณขึ้นแล้วนั้นยิ่งทำให้พวกเขาหวั่นใจมากขึ้นไปอีก
แม้ว่าการก่อสงครามด้วยเหตุมาจากหญิงสาวนั้นอาจฟังดูเพ้อฝัน แต่อันที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องโง่เง่าและไร้สาระยิ่งนัก
ไม่มีทางเลยที่เผ่าปักษาจะเต็มใจยอมรับความคิดที่งี่เง่านี้ได้ เจ้าหน้าที่และชนชั้นสูงบางคนที่ยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดก็ยังไม่ยอมรับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
ข่าวลือเริ่มกระจายออกไปกว้างขวางมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเมืองล่องนภา เช่นเดียวกันกับข่าวที่ว่าจูเซียนเหยาเดินทางมาถึงแล้ว
ภายในเวลาอันแสนสั้นเพียงสามวัน ชาวเมืองล่องนภาก็เริ่มเรียกร้องให้ปล่อยตัวจูเซียนเหยาไป
เรื่องวุ่นวายนี้ระเบิดถึงขีดสุดก็เมื่อจูเซียนเหยาเดินทางเข้ามาในเมือง
เมื่อพวกเขาเห็นจูเซียนเหยารูปงามถูกกักขัง หลายคนก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์ต้องวุ่นวายมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ปล่อยนาง !”
“ปล่อยนางไปซะ !”
“ปล่อยนาง !”
ฝูงชนชาวปักษาส่งเสียงตะโกนกึกก้อง
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเข้าข้างมนุษย์
ชาวปักษานั้นไม่ต้องการสงคราม อย่างน้อยสงครามก็ไม่ควรเกิดขึ้นด้วยสาเหตุนี้ !
เพราะอำนาจทั้งสองของฝ่ายศาสนาและการเมืองในคณะปกครองของเผ่า ชาวปักษาจึงมีอำนาจค่อนข้างมากผ่านการกระทำของคณะปกครอง ซึ่งก็ได้ถูกแสดงออกมาผ่านทางนิกายแห่งแม่พระนั่นเอง
ณ วังแสงตะวันชั่วกาล
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “หยงเยี่ยหลิวกวง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงได้ดื้อรั้นนัก การจับตัวจูเซียนเหยาไว้เป็นวิธีเดียวเลยหรือ เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าข่าวแพร่ออกไปทั่วทั้งเมืองแล้วว่าเจ้าทำให้ชาวปักษาต้องเจอหายนะก็เพราะหญิงนางหนึ่ง”
เสียงของนางเริ่มสั่นไปด้วยความโกรธ
นางไม่ได้เดือดดาลเพราะการตัดสินใจของหยงเยี่ยหลิวกวง แต่โทสะนี้ปะทุขึ้นเพราะ… ความชอบพอของหยงเยี่ยหลิวกวงไปตกอยู่กับมนุษย์ !
ท่าทางของหยงเยี่ยหลิวกวงยังคงนิ่งและอดทนเช่นเคย
ปักษาชราผู้นี้แข็งกร้าวราวกับโลหะและมั่นคงราวกับขุนเขา
เขาทำเพียงกล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “เจ้าเคยคิดบ้างไหมล่ะว่าข่าวลือนั่นมันมีที่มาที่ไปจากไหน”
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนชะงักไป “อะไรนะ”
หยงเยี่ยหลิวกวงไม่รอให้นางตอบคำถาม เขากล่าวต่อไปทันที “ข่าวนั่นเกิดขึ้นก็เพราะคนของเราทรยศยังไงล่ะ… ศัตรูจะต้องทำให้เขาหมดทางเลือกเป็นแน่”
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนตอบกลับมา “ท่านหมายความว่า……”
“การตอบสนองที่รุนแรงแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นแปลว่าเราเจอคนที่ถูกต้องแล้ว และจูเซียนเหยาก็มีความเกี่ยวข้องกับชุยอวี่คงเหินตัวปลอมคนนี้อย่างแน่นอน”
“แล้วทำไมกันหรือ ?” โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนส่ายหน้า “ตอนนี้ชุยอวี่คงเหินไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด แต่การเผชิญหน้าระหว่างสองเผ่าต่างหาก ชุยอวี่คงเหินน่ะแค่คนคนเดียว ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากเขาคงไม่มากพอที่จะทำลายเผ่าพันธุ์ของเราได้ ส่วนการรุกรานจากอีกสองเผ่านั้น……”
“เขาไม่สามารถทำลายเผ่าของเราได้อย่างนั้นหรือ ? แล้วเจ้าคิดว่าใครกันล่ะที่รับผิดชอบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้” หยงเยี่ยหลิวกวงสวนกลับ
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนนิ่งไป
แต่บางครั้งหญิงสาวนั้นก็มีความสามารถในการเมินเฉยที่ดีนัก ไม่ช้านางก็ส่ายหน้าและกล่าวขึ้น “ข้าไม่สนใจหรอก สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือดับไฟสงครามที่กำลังก่อตัวขึ้น รู้ไหมว่ามีชาวเมืองมากมายแค่ไหนที่มาอ้อนวอนกับข้า พวกนั้นเพิ่งผ่านศึกที่โหดร้ายมาแท้ ๆ และปักษาทั้งหลายก็เสียครอบครัวและคนที่รักไป เจ้าจะดึงดันให้พวกเขาต้องสู้อีกครั้งไม่ได้… โดยเฉพาะศึกจากสองด้านเช่นนี้ !”
เมื่อหยงเยี่ยหลิวกวงได้ยินคำของโยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนที่ว่า ‘ข้าไม่สนใจหรอก’ เขาก็รู้ทันทีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะถกเรื่องนี้กันต่อไป จักรพรรดิปักษาได้แต่ถอนใจ “โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยน การเห็นเสียงร้องของชาวเมืองสำคัญนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าชะล่าใจนัก ผู้นำที่ดีควรพิจารณาความเห็นของคนหมู่มาก แต่ก็ไม่ยอมจำนนต่อพวกเขา ไม่ว่าพวกนั้นจะคิดอย่างไร เจ้าเองก็ต้องมีความคิดความเห็นเป็นของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้… ถึงแม้ว่าข้าจะไม่คิดว่ามันจะแตกต่างกับที่เป็นอยู่ตอนนี้มากนักก็เถอะ”
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนขุ่นเคืองทีเดียว “นี่ท่านกำลังดูถูกข้าอยู่หรือ ?”
หยงเยี่ยหลิวกวงไม่ตอบ ใช้สายตาจ้องเขม็งกลับมาที่นาง
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังหน้าแดงจัด “ข้ารู้ว่าบางครั้งข้าเองก็ไม่รู้ตัวมากพอ แต่ข้าเป็นตัวแทนเจตจำนงของชาวปักษาทั้งหลาย พวกเขา… ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากพวกเรา ที่ล้วนเป็นคนของพระแม่เหมือนกันทั้งสิ้น ดังนั้นหน้าที่ของเราก็คือรับฟังเสียงของพวกเขา ! และความรับผิดชอบของข้าก็คือคอยดูให้แน่ใจว่าท่านไม่ทำลายเมืองของเราเพียงเพราะความสนใจส่วนตัว !”
หยงเยี่ยหลิวกวงตอบกลับอย่างใจเย็น “สิ่งที่เราต้องสนใจในตอนนี้ก็คือความจำเป็นของชาวปักษา ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นเจ้าจะผลักความรับผิดชอบไปให้พวกนั้นเมื่อสถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมไม่ได้ สติปัญญาของพวกเขามีจำกัด และชาวปักษาก็ไม่สามารถมองภาพรวมที่เราเห็นได้ ข้าต้องการจะบอกเพียงว่าสิ่งแรกที่เราควรทำในตอนนี้ก็คือจัดการกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นให้ได้เสียก่อน”
“จัดการกับความขัดแย้งหรือ จะทำได้อย่างไรกัน ?”
หยงเยี่ยหลิวกวงตอบกลับมา “บ่ายวันพรุ่งนี้ จูเซียนเหยาจะถูกประหารที่ลานแสดงของตำหนัก !”