บทที่ 1896 ฆ่าทันที

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1896 ฆ่าทันที

 

เฉินกงเจิ้งมองหอคอยเกียรติยศและรู้สึกกังวล

 

ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิน เขามีอํานาจสูงสุด ในฐานะผู้อมตะระดับแปด เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกแห่งการบ่มเพาะ อย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ รากฐานของเขายังตื้นเขินเกินไป

 

ฟางหยวนสามารถรับภารกิจระดับกลาง เขามีข้อได้เปรียบอย่างมากในการรับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เฉินกงเจิ้งถูกบังคับให้ทําทุกอย่างเพื่อไล่ตามรอยเท้าของฟางหยวน

 

แม้เขาจะมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่าง แต่มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขาจะไม่ยอมแพ้ต่อมันโดยง่าย

 

ดังนั้นแม้เฉินกงเจิ้งจะรู้ว่าฟางหยวนตั้งใจหว่านความไม่ลงรอย แต่เขายังต้องบังคับให้ผู้อมตะคนอื่นๆแลกเปลี่ยนสมบัติ

 

เพื่อบรรเทาอารมณ์ของผู้อมตะเหล่านี้ เฉินกงเจิ้งต้องนําทรัพยากรอมตะออกมามอบให้พวกเขาเป็นการชดเชย

 

อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าทรัพยากรอมตะเหล่านั้นมีค่าน้อยกว่ามรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ

 

กลุ่มผู้อมตะถูกบังคับให้ทําตามคําสั่งของเฉิงกงเจิ้ง ความขุ่นเคืองในใจของพวกเขาค่อยๆเพิ่มมากขึ้น

 

เฉินกงเจิ้งสูญเสียหัวใจของผู้คน สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือสมบัติที่พวกเขาแลกเปลี่ยนมาไม่ใช่สมบัติที่อนุญาตให้พวกเขารับภารกิจระดับกลาง

 

สมบัติในรายการนี้มีมากเกินไป นอกจากสมบัติที่แลกเปลี่ยนมาก่อนหน้า ตอนนี้เหลืออีกสามชิ้นที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด เฉินกงเพิ่งรู้สึกปวดหัว

 

มาพนันกัน เขารู้ว่าไม่มีเวลาให้เสีย หลังจากไตร่ตรอง เขาใช้แต้มบุญแลกเปลี่ยนกับหนึ่งในนั้นทันที

 

ในเวลาต่อมาการแสดงออกของเฉินกงเจิ้งก็กลายเป็นมืดมน

 

“มันไม่ใช่สิ่งนี้!” เขากัดฟันแน่น

 

เฉินกงเจิ้งแพ้พนัน

 

เขาโชคร้ายมาก

 

พวกเขาใช้แต้มบุญเกือบทั้งหมดแต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับไม่มีประโยชน์ต่อสถานการณ์ปัจจุบัน

 

“อย่าบอกข้าว่ามันคือป้ายตําแหน่งคนดี?’ เฉินกงเจิ้งมองรายการสมบัติและสูดหายใจลึก

 

มันไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวสิ่งใดออกมาในเวลานี้

 

ทั้งหมดที่เขาทําได้คือรีบสะสมแต้มบุญและแลกเปลี่ยนสมบัติ

 

“แต่ก่อนหน้านั้นขาต้องเอาใจผู้อมตะเหล่านี้ เฉิงกงเจิ้งหันหน้าไปทางกลุ่มผู้อมตะ

พวกเขาแสดงออกด้วยใบหน้าที่ไม่มีความสุข

 

เฉินกงเจ๋งกล่าวไม่กี่คําก่อนจะนําทรัพยากรอมตะออกมามอบให้พวกเขา

 

แม้พวกขเดจะได้รับทรัพยากรอมตะ แต่การแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย

 

“คริน…ครั้น…”

 

ฟางหยวนยืนอยู่ในกลุ่มเมฆและมองลงไปยังทะเลด้านล่าง

 

มันเป็นตลาดน้ําแห่งหนึ่ง

 

ตลาดน้ําแห่งนี้ตั้งอยู่รอบเกาะเล็กๆ มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ที่อยู่ในรูปลักษณ์ของเรือจอดอยู่รอบเกาะ

 

ฟางหยวนคุ้นเคยกับเกาะแห่งนี้ เขาเคยมาที่นี่

 

ในชีวิตก่อนหน้า เซียหลินตกลงสู่หลุมพรางของพ่อค้าไร้ยางอาย ภารกิจของฟางหยวนคือลงโทษพ่อค้ารายนี้ ขณะเดียวกันเขาก็ช่วยเขี่ยหลินเอาไว้

 

ในชีวิตนี้ ฟางหยวนรับภารกิจและถูกส่งตัวมาที่นี่ แต่ครั้งนี้เป็นภารกิจระดับกลาง มันแตกต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง

 

ตลาดน้ําเต็มไปด้วยผู้คน มีทั้งมนุษย์และมนุษย์เงือกอยู่ที่นี่

 

“เข้ามาดู นี่คือผลึกปะการังที่หายาก”

 

“เรือล่องสมุทรเหลืออยู่สามลํา รีบซื้อก่อนของจะหมด!”

 

“ข้าต้องการดินใหญ่ ข้าจะซื้อเท่าที่เจ้าสามารถขาย…”

 

เซี่ยหลินปรากฏตัวขึ้นบนชั้นดาดฟ้าของเรือลําหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปยังเกาะหลัก

 

แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า ครั้งนี้นางดูเต็มไปด้วยพลังงานและชีวิตชีวา หลังจากได้รับคําแนะนําจากฟางหยวนและผ่านสถานการณ์แห่งชีวิตและความตาย นางพัฒนาขึ้นมากทั้งภายนอกและภายใน

 

ฟางหยวนตรวจสอบพื้นที่และพบเซี่ยหลินอย่างรวดเร็ว

 

แต่เขาไม่ได้เข้าไปหาเซียหลิน เขาตรวจสอบเกาะและทะเลที่อยู่รอบๆ

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะค่อยๆปรากฏขึ้นในการรับรู้ของฟางหยวนและทําให้เขาต้องยกย่องเทพอมตะสวรรค์พิภพอยู่ภายใน

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ซับซ้อนมาก มันเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี่และวารี บทบาทของมันคือการรักษาเกาะ จัดการกระแสน้ํา และดูแลสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆ

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้มันได้รับความเสียหาย ค่ายกลวิญญาณอมตะส่วนที่เป็นเส้นทางแห่งปฐพี่ถูกกัดเซาะและอ่อนแอลง สําหรับส่วนที่เป็นเส้นทางแห่งวารีไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก

 

เนื่องจากค่ายกลวิญญาณอมตะได้รับความเสียหาย เกาะแห่งนี้จึงจมอยู่ใต้น้ํามานานกว่าครึ่งปีแล้ว

 

ฟางหยวนต้องซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะดังกล่าว

 

แต่เขายังขาดความสามารถอยู่บ้าง ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเขาไม่เลว เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่หากเขาต้องการใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ตามธรรมชาติจัดตั้งค่ายกล เขาต้องเป็นปรมาจารย์เอก

 

ในเวลาเดียวกันความสําเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของเขาอยู่ในระดับปรมาจารย์ ขณะที่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปฐพีของเขาอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ปัญหาคือเขาต้องซ่อมแซมค่ายกลส่วนของเส้นทางแห่งปฐพี

 

“ค่ายกลนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะสวรรค์พิภพแต่เป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลบางคน ฟางหยวนวิเคราะห์

 

หากเทพอมตะสวรรค์พิภพสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะขึ้นมาด้วยตนเอง มันจะเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะระดับเดียวกับทะเลปีศาจร่ําไห้

 

ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนและคนอื่นๆค้นพบว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้อมตะกลุ่มแรกที่เข้ามาในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า

 

ยังมีรุ่นก่อนหน้าที่เขามาที่นี่เพื่อรับภารกิจและสะสมแต้มบุญ

 

เห็นได้ชัดว่าค่ายกลวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนพบเป็นผลงานของผู้อมตะรุ่นก่อนหน้า

 

ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน ดูจากเวลาแล้ว ในไม่ช้าอี้ส่วยจะได้รับกําไรบางอย่าง ฟางหยวนคิดและส่งข้อมูลให้กับร่างแยกกาลเวลาเพื่ออนุมาน เขายังลอบผสานตัวเข้ากับฝูงชนและติดตามเซียหลินไปอย่างลับๆ

 

เซียหลินเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณบ้านหยกทอง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นบ่อนการพนันระดับสูง

 

“ข้ามาเพื่อคืนเงินกู้” เซียหลินหยิบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลออกมา

 

หลายเดือนก่อนปู่ของนางเสียชีวิต เพื่อฝังศพของนาง นางต้องยืมหินวิญญาณจํานวนมาก

 

เพื่อชําระหนี้ นางต้องเสี่ยงออกไปรวบรวมน้ํามันดิบและเกือบเสียชีวิต โชคดีที่นางพบฟางหยวนและได้รับความช่วยเหลืออย่างปาฏิหาริย์ นอกจากนั้นความแข็งแกร่งของนางยังเพิ่มขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากเขา

 

เช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า เซียหลินได้รับวิญญาณรวบรวมน้ํามันระดับห้าจากฟางหยวน นางสามารถรวบรวมหินวิญญาณจํานวนมากจากการขายน้ํามันดิบ

 

พนักงานที่ดูแลนางเป็นเงือกที่มีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้า เขาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “สาวน้อย เจ้าเข้าใจสิ่งใดผิดไปหรือไม่? ข้อตกลงของเราไม่ได้เป็นเช่นนี้”

 

เซียหลินตะลึงเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

 

ผู้ใช้วิญญาณที่อยู่รอบๆรู้จักกลอุบายของบ้านหยกทองเป็นอย่างดี พวกเขาเห็นสิ่งนี้และสายศีรษะ “เห้อ…บางคนตกลงสู่หลุมพรางอีกครั้ง”

 

เซียหลินได้ยินเสียงสนทนาและสามารถตอบสนองได้ในที่สุด

 

“พวกไร้ยางอาย พวกเจ้าเปลี่ยนข้อตกลง สัญญาของเรามีดอกเบี้ยเพียงสิบส่วน แต่พวกเจ้าเพิ่มเป็นหกสิบส่วน!” เซี่ยหลินกล่าวด้วยความโกรธ

 

มนุษย์เงือกแผลเป็นมองเซี่ยหลินด้วยสายตาชั่วร้าย “สาวน้อย เจ้าไม่ควรเผยแพร่ข่าวปลอมเช่นนี้! เจ้ากําลังพยายามทําลายชื่อเสียงของเรา นี่จะส่งผลเสียต่อธุรกิจของเรา หลังจากนี้เจ้าจะแบกรับความสูญเสียของพวกเราได้งั้นหรือ?”

 

“สารเลว! ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะเปิดเผยความชั่วร้ายของที่นี่!”

 

มนุษย์เงือกแผลเป็นเปลี่ยนน้ําเสียงเป็นน่ากลัว “ตาย? เจ้ายังไร้เดียงสาเกินไป บางครั้งการมีชีวิตอยู่ก็เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย”

 

ดวงตาของเซี่ยหลินส่องประกายขึ้น “เจ้าบังคับให้ข้าลงมือ!”

 

นางตะโกนและโจมตีทันที

 

“บีม!”

 

เสียงระเบิดดังขึ้นท่ามกลางละลองน้ํา

 

มนุษย์เงือกแผลเป็นไม่คาดหวังว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ หญิงสาวผู้หนึ่งกล้าโจมตีเขาที่เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามในอาณาเขตของเขา

 

มนุษย์เงือกแผลเป็นถูกคลื่นน้ําส่งลอยกลับหลังและพุ่งเข้ากระแทกก่าแพง ขณะที่ของประดับตกแต่งแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

ความโกลาหลดึงดูดผู้ใช้วิญญาณที่อยู่รอบๆเข้ามา

 

ดวงตาจํานวนมากมองเซียหลินและมนุษย์เงือกแผลเป็น

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

มนุษย์เงือกแผลเป็นที่นอนอยู่ในซากปรักหักพังมองเซี่ยหลินด้วยความมึนงงและไม่อยากจะเชื่อ

 

เขาต้องการลุกขึ้นแต่สุดท้ายเขากลับทําได้เพียงยกนิ้วขึ้นเท่านั้น

 

หลังจากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงและหยุดหายใจ

 

“เขา…เขาตายแล้ว!”

 

“โอ้ สวรรค์ หญิงผู้นี้เป็นผู้ใด? นางฆ่ามนุษย์เงือกผู้นั้นในครั้งเดียว!”

 

“เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม!”

 

ผู้คนที่อยู่รอบๆตกตะลึง

 

เซียหลินรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน นางเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสอง แต่วิญญาณที่ฟางหยวนมอบให้นางล้วนมีประโยชน์ พวกมันสามารถสร้างท่าไม้ตายที่ทรงพลังมาก

 

หลังจากเซียหลินใช้วิญญาณเหล่านั้นเพื่อปลดปล่อยท่าไม้ตายระดับสอง นางสามารถฆ่าผู้ใช้วิญญาณระดับสามในการโจมตีเดียว

 

นางเงือกสาวตกตะลึง

 

นางยืนงงอยู่ในที่เกิดเหตุ

 

ฟางหยวนยิ้มและส่งข้อความถึงนาง

 

“ท่านชู!” เซี่ยหลินอุทานออกมาด้วยความยินดี

 

แต่ฟางหยวนไม่ปรากฏตัว เขาเพียงสั่งให้นางหาข้ออ้างที่จะยึดครองบ้านหยกทองอย่างสง่างามและชอบธรรมเท่านั้น