ราชโองการออกมาแล้ว บัญชาฮ่องเต้มิอาจขัดได้ เมิ่งเจี๋ยออกเดินทางในสามวัน และถึงรัฐอิงในเวลาครึ่งเดือน
ท่าป๋าหั่นหลินได้ข่าว ก็พาขุนนางออกมาต้อนรับ แล้วทำความเคารพอย่างนอบน้อม
เมิ่งเจี๋ยเงยหน้ามองไปที่เขา ด้วยสายตาที่ลุ่มลึก มิอาจคาดเดาได้
ท่าป๋าหั่นหลินเตรียมที่พักให้เขาแล้วเรียบร้อย หลังจากเมิ่งเจี๋ยจัดของเสร็จเรียบร้อย วันที่สองก็เข้าร่วมประชุมเช้าโดยทันที
ผ่านไปเดือนหนึ่ง ก็คุ้นชินกับงานราชการในรัฐอิงแล้ว
และในคืนหนึ่ง ก็มีรถม้าคันใหญ่แล่นออกจากหลวงมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงรัฐอู่
ผ่านไปครึ่งเดือน รถม้าก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง คนรถไปที่โรงเตี๊ยม พยุงผู้หญิงคนหนึ่งลงมาจากรถม้าคนใหญ่คันนั้น แล้วสั่งให้เถ้าแก่เตรียมห้องไว้สองห้อง
ทั้งสองเข้าพักเรียบร้อย
หญิงคนนั้นทุบลงไปที่ไหล่ของตนเอง แล้วพูดว่า “แม่ แม่แก่แล้วจริงๆ นั่นแหละ หลายวันมานี้ที่นั่งรถม้ามา รู้สึกร่างกายแทบจะแยกออกจากกัน”
คนรถถอดชุดปลอมตัวออก และนั่นก็คือท่าป๋าหั่นหลินนั่นเอง
เพื่อจะได้ไม่เกิดความวุ่นวาย ไทเฮาจึงเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเอง
ท่าป๋าหั่นหลินเดินไปที่ด้านหลังนาง แล้วทุบไหล่ให้นางเบาๆ “เพราะลูกเองเลยทำให้ท่านแม่เหนื่อย”
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า แม่มีเจ้าเป็นลูกคนเดียว เจ้าอยู่ที่ใด แม่ก็อยู่ที่นั่น แล้วอีกอย่าง ข้าอยู่ในวังหลวงนั่นมาเป็นสิบปีแล้ว อิ่มตัวไปนานแล้วล่ะ วันนี้มีโอกาสได้ออกมา แม่ดีใจเป็นที่สุด”
ท่าป๋าหั่นหลินได้แต่เม้มปาก ไม่พูดอะไร
วันที่สอง ท่าป๋าหั่นหลินไปซื้อจวนหนึ่งจวนด้วยตนเอง แล้วยังซื้อแม่บ้านสองคน บ่าวรับใช้สามคน เพื่อมาปรนนิบัติแม่ของตน
ทุกอย่างเตรียมพร้อมสรรพ คืนนั้นแทบไม่ได้นอนทั้งคืน วันที่สองก็ตื่นเช้า หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ท่าป๋าหั่นหลินก็บอกว่า “ท่านแม่ วันนี้ข้าจะไปหาเย่ว์เอ๋อร์ที่จวนอ๋องฉี ท่านอยู่จวนพักผ่อนนะขอรับ”
ไทเฮาลุกขึ้น บอกว่า “เรื่องที่เจ้าทำผิดเมื่อตอนนั้น ข้าเองก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ แม่จะไปกับเจ้าด้วย”
ท่าป๋าหั่นหลินส่ายหน้า “วันนี้ข้าไปจวนอ๋องฉี ได้ทำการเตรียมพร้อมที่จะหนีกลับมาแล้ว ท่านไม่ต้องไปหรอกขอรับ อยู่จวนเตรียมยาไว้ให้ลูกเถิดขอรับ”
พอคิดถึงตอนที่ท่าป๋าหั่นหลินบีบบังคับหวงฝู่เย่าเย่ว์ ไทเฮาก็ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งกลับลงไป “ขอให้พวกเขาเห็นว่าเจ้าเป็นผู้นำรัฐคนหนึ่ง แล้วไว้ชีวิตเจ้าเถิด ผมดำอย่างเจ้าไม่สมควรมาตายก่อนผมขาวเยี่ยงข้า”
ท่าป๋าหั่นหลินเม้มปาก หันหลังเดินออกไป จนกระทั่งมาถึงหน้าจวนอ๋องฉี
นายประตูเห็นเขา ก็ชี้เหมือนเจอผีอย่างใดอย่างนั้น “เจ้า… …” พูดอยู่คำเดียว
ท่าป๋าหั่นหลินพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “รบกวนเจ้าไปเข้าไปรายงานด้วยว่า ท่าป๋าหั่นหลินคนนี้มารับโทษแล้ว”
นายประตูไม่รอช้า รีบวิ่งแจ้นเข้าไปในเรือนทันที คิดไปคิดมา เลยมาที่เรือนของเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วรายงาน “ซื่อจื่อเฟยขอรับ เอ่อ ฮ่องเต้รัฐอิงมาขอรับ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์ที่กำลังอุ้มเล่นกับเด็กอยู่นั้น ได้ยินก็ตกใจ แทบจะปล่อยเด็กตกพื้นเลยทีเดียว
หวงฝู่สือเมิ่งมือไวรีบไปเอาเด็กมาอุ้มไว้เสียเอง
สงสัยว่าตนนั้นฟังผิดไปหรือไม่ เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วถามอีกครั้ง “ใครนะ”
“ฮ่องเต้รัฐอิงขอรับ”
พอแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ฟังผิด เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มมุมปากออกมา ออกคำสั่ง “ไล่ตีมันออกไป ไม่ต้องเกรงใจ!”
ชิงหลวนและจูหลีรับคำสั่ง ออกไปหน้าจวนทันที ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็โจมตีไปที่ท่าป๋าหั่นหลินทันที
ท่าป๋าหั่นหลินมาขอรับโทษ เลยไม่กล้าโต้กลับ และไม่มีความคิดโต้กลับ หลังจากที่รับการโจมตีไปหลายครั้ง ก็ทนไม่ไหว ล้มลงกับพื้น เสร็จแล้วโดนชิงหลวนดึงขึ้นมา โยนออกไปสิบจ้าง แล้วหันหลังกลับเข้าจวนไปอย่างไม่แยแส
ท่าป๋าหั่นหลินลุกขึ้น ตะเกียกตะกายลุกขึ้น กว่าจะลุกขึ้นได้ แล้วเดินโซเซไปที่หน้าจวนอ๋องอีกครั้ง แล้วพูดกับนายประตูดีๆ อีกครั้ง “รบกวนเจ้าไปรายงานด้วย ว่าข้าท่าป๋าหั่นหลินมาขอรับโทษ”
นายประตูมองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ ได้แต่อ้าปากค้าพูดไม่ออก
ท่าป๋าหั่นหลินขอร้องอีกครั้ง
นายประตูทำอะไรไม่ได้ นอกจากเข้าไปรายงานที่เรือนของเมิ่งเชี่ยนโยวอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้ม “เหมือนว่าวันนี้เขาจะมารนหาที่ตายนะ อย่างนั้นข้าจะสนองให้”
พูดจบก็ออกคำสั่ง “ออกคำสั่งไปที่องครักษ์ประจำจวน ให้ใช้ไม้ตีมันออกไปให้ห่างไปสุดถนน”
องครักษ์ประจำจวนรับคำสั่ง ก็ไม่รอช้า หยิบอาวุธแล้วออกไปด้านนอก แล้วโจมตีท่าป๋าหั่นหลินอย่างไม่รามือ
ท่าป๋าไม่ได้โต้กลับอีกเช่นเคย โดนตีจนกองลงกับพื้น
เหล่าทหารองครักษ์ก็โยนเขาออกไปไกลสุดถนน
องครักษ์ประจำจวนฟังคำสั่งของเจ้านาย ดังนั้นเลยลงมือหนัก จนครั้งนี้ท่าป๋าหั่นหลินไม่ได้ลุกขึ้นมา แต่นอนกองอยู่ข้างทาง
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ ก็มองไปที่องครักษ์ประจำจวนอ๋องฉีที่ยืนจ้องอยู่ตรงนั้น นึกสงสาร แต่ก็ไม่กล้าช่วยเหลือเขา
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ท่าป๋าหั่นหลินค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา แล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ
แล้วมีรถม้าคันหนึ่งแล่นเข้ามา มาที่ตรงหน้าท่าป๋าหั่นหลิน แล้วหยุด บนรถมีบ่าวรับใช้คนหนึ่งปีนลงมาหาท่าป๋าหั่นหลิน พยุงเขาขึ้นไปบนรถม้า แล้วกลับจวนไป
แม้จะเตรียมใจเห็นสภาพที่น่าอนาถของท่าป๋าหั่นหลินไว้แล้ว แต่ไทเฮาก็ยังคงเจ็บปวดใจแทนเสียจนแทบเป็นลมล้มไป ดวงตารื้นไปด้วยน้ำตาออกคำสั่งกับบ่าวให้ไปเชิญหมอที่เก่งที่สุดในเมืองหลวงมา
หลังจากหมอมา ก็ตกใจเป็นอย่างมาก ใช้ยาทาภายนอก แล้วออกยารักษาภายในให้ หลังจากนั้นก็กำชับว่า “บาดแผลของเจ้าใหญ่นัก จะต้องนอนนิ่งๆ เพื่อรักษาตัวเป็นเวลาครึ่งเดือนถึงจะสามารถขยับตัวได้ปกติ”
สามวันผ่านไป ท่าป๋าหั่นหลินก็เริ่มขยับได้ จึงอยากไปจวนอ๋องฉีอีก
ไทเฮาห้ามเขา “แม่รู้ว่าเจ้าอยากไปรับโทษ แต่ร่างกายของเจ้าไม่ไหวแล้ว จะไปจวนอ๋องยังลำบากเลย”
ท่าป๋าหั่นหลินท่าทางดื้อดึง เม้มปากไม่พูดอะไร
ไทเฮารู้ว่าเขาไม่ฟัง จึงพูดอีกว่า “เจ้าทำร้ายร่างกายตนเองเช่นนี้ หากตอนหลังเย่ว์เอ๋อร์เกิดใจอ่อนขึ้นมา แล้วร่างกายเจ้าใช้ไม่ได้แล้ว ไม่ใช่เป็นการหาเรื่องให้นางเสียใจอีกหรอกหรือ”
ท่าป๋าหั่นหลินเม้มปาก แล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
ภายในจวนอ๋องฉี
เมื่อได้ยินว่าท่าป๋าหั่นหลินมาที่นี่ ท่านอ๋องฉีก็หยิบกระบี่ที่แขวนอยู่ในห้องหนังสือมานานหลายปีลงมา บอกว่าจะไปฆ่าเขา แต่โดนพระชายาฉีห้ามเอาไว้ “ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นฮ่องเต้แห่งรัฐอิง หากท่านฆ่าเขา อย่างไรเสียท่านก็ไม่พ้นโทษ เพื่อคนเช่นนั้นน่ะหรือ มันไม่คุ้มค่าเลย!”
หวงฝู่อี้เซวียนฟังจบ ก็ออกคำสั่งกับหวงฝู่เฮ่าหวงฝู่รุ่ยว่า “พวกเจ้าสองคน วันพรุ่งอยู่ที่จวน หากเขายังกล้ามาที่นี่อีก ก็ตีให้เจียนตาย เหลือไว้เพียงลมหายใจเบาๆ ก็พอ “
หวงฝู่เฮ่ากับหวงฝู่รุ่ยเก็บความแค้นนี้มานานแล้ว อยากจะคิดบัญชีกับท่าป๋าหั่นหลินนั่นใจจะขาด วันนี้เขามารนหาที่ งั้นดีเลย
ทั้งสองคนรับคำสั่ง เตรียมจัดการท่าป๋าหั่นหลิน
แต่หลายวันผ่านไป เขาก็ไม่ได้มา
หลังจากที่หวงฝู่เย่าเย่ว์ตกใจวันนั้น เวลาที่ทุกคนพูดถึงท่าป๋าหั่นหลิน นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น กินได้นอนหลับ เล่นกับเด็กน้อยปกติ
ในขณะที่หวงฝู่รุ่ยกับหวงฝู่เฮ่ารอจนกระวนกระวายใจ กำลังจะไปกั๋วจื่อเจี้ยน นายประตูก็เข้ามารายงานว่า “ฮ่องเต้รัฐอิงมาอีกแล้วขอรับ”