ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 675 มีเพียงความพินาศ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ขณะเห็นปราณกระบี่สีขาวที่เปลี่ยนแปลงอย่างลี้ลับ น่าอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด แต่กลับทำลายทุกสิ่งอย่างด้วยความน่าสะพรึงถึงขีดสุด จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างทุกคนจิตใจพลันหนาวเหน็บ

จู่ๆ พวกเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้า ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์เคยสังหารหยางจ้าวหง จอมยุทธ์ต้าเสวียนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งมาแล้ว

ส่วนตอนนี้ ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ จะน่ากลัวขนาดไหนกัน?

ครั้นคิดถึงข้อนี้ ทุกคนเกิดความคิดถอยหลังพร้อมกัน

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสบายอารมณ์ แต่สายตาเย็นชา

วรยุทธ์อื่นไม่ได้ใช้ เพียงหนึ่งคนหนึ่งกระบี่ ใช้ความลี้ลับไร้สิ้นสุดของกระบี่สังหารเซียนออกมา

จิตพลังอย่างอื่นตอนนี้หายไปหมดแล้ว มีเพียงแต่เจตจำนงอันน่าสะพรึงที่ทำลายทุกสิ่งเหมือนวันสิ้นโลกที่ยิ่งมายิ่งโชติช่วง ถูกผลักดันถึงขีดสุด

นี่คือกระบี่ที่ใช้เข่นฆ่าและทำลายอย่างแท้จริง แค่ความน่ากลัวในการสังหาร ก็มีไม่กี่วรยุทธ์เท่านั้นที่พอเทียบเคียงได้

ชายหนุ่มสำเร็จเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำ กระบี่รุ้งพร่างพราวตอนนี้อยู่ในมือ พลังถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์แบบ

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สอดคล้องกับเจตจำนงของกระบี่สังหารเซียน แต่ภายใต้การควบคุมโดยเยี่ยนจ้าวเกอ ประกายกระบี่เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบและซีดขาว รังสีสังหารสั่นสะท้านอย่างไม่เคยมีมาก่อน!

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างทั้งหมดปลุกปลอบความกล้าสุดท้าย ลงมือโจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน

ทันใดนั้น รอบตัวเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสี่ทิศแปดทางล้วนเป็นประกายแสงอันวาววับ โลกทั้งใบเหมือนถูกแสงสว่างตัดขาด

แสงสว่างที่ไร้อารมณ์ไร้ความคิด ไร้สิ้นสุดไร้จำกัด ทั้งสว่างไสวทั้งบริสุทธิ์ กีดกันและทำลายทุกอย่างที่อยู่ในอาณาเขตของตน

ในโลกของแสงสว่างไร้สิ้นสุดใบนี้ เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนตัวประหลาดมากที่สุด ถูกแสงสว่างทุกสายกดอัดและทำลาย

เขาแค่นเสียง กระบี่หนึ่งทำลายล้าง เจตจำนงอันน่ากลัวฟันแสงสว่างไร้สิ้นสุดด้านหน้าทิ้ง

เจตจำนงที่ทำลายล้างทุกอย่างกวาดไปทั่วสี่ทิศ แทรกตัวอยู่ในทุกที่

เสียงครางหนักๆ หลายเสียงดังขึ้น จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่รุมโจมตีทั้งหมดต่างถอยออกไป

ปราณกระบี่สีขาวโพลนม้วนตัวอีกรอบ ศีรษะหลายข้างกระเด็นขึ้นบนฟ้า!

ฟ้าดินรอบๆ ขณะนี้ถูกประกายกระบี่สะท้อนเป็นสีขาวเข้ม

เมฆบนท้องฟ้ากระจาย อากาศบิดเบี้ยวพังทลาย ทับซ้อน แผ่ขยาย และแตกร้าวออกไปทั่วบริเวณ

ท้องทะเลเบื้องหลังแข็งตัว จากนั้นน้ำทะเลก็เหือดแห้ง เผยให้เห็นหินโสโครกที่ก้นทะเลซึ่งแตกออกอย่างต่อเนื่อง

ควันอันหนาทึบของไฟใต้พิภพลอยออกมาจากด้านใน จากนั้นก็ดับลงอย่างต่อเนื่อง

หลังจากคนที่ถูกฆ่ามีมากขึ้นเรื่อยๆ เจตจำนงสังหารเซียนในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอจึงยิ่งมายิ่งโชติช่วง ระดับยังคงเพิ่มขึ้น!

การร่วมมือโจมตีไม่อาจทำอะไรเยี่ยนจ้าวเกอได้ ทุกคนในที่สุดก็รักษาความแน่วแน่ต่อไม่ไหว คิดจะหนีไป

ทว่าตอนนี้การจะอยู่หรือไปไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขาอีกแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอใช้สภาวะกระบี่ครอบคลุมสี่ทิศ ฆ่าจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างคนแล้วคนเล่า

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่อยู่รอบๆ พลันล้มตายจนหมดสิ้น

ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามส่งเสียงคำราม ผลักสองฝ่ามือใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอฟันออกอีกหนึ่งกระบี่ท่ามกลางเสียงหัวเราะร่า ปราณกระบี่สีขาวโพลนกลายเป็นหลุมดำ กลืนกินแสงสว่างนับไม่ถ้วน

ขณะที่แสงริบหรี่ลง ปราณกระบี่สีขาวในหลุมดำก็พุ่งออกมาใหม่ ฟันใส่อีกฝ่ายต่อ

ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างคนนั้นจนปัญญา ได้แต่ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองป้องกัน

แต่ว่าภายใต้การเพิ่มพลังจากปราณกระบี่สังหารเซียนอันน่ากลัวของเยี่ยนจ้าวเกอ กระบี่รุ้งพร่างพราวเหมือนกับไม่อาจทำลาย ผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายออกเป็นสองส่วน!

อีกฝ่ายใบหน้าเขียวคล้ำ กระตุ้นวิชารัศมีสาดส่องของตัวเองจนขีดสุด พร้อมกับใช้วิชาที่ป้องกันได้ดีที่สุดของสำนักแสงสว่าง ร่างนิภาไม่อับแสง

ในชั่วพริบตานั้น คล้ายกับแสงอันเจิดจ้าจับตัวอยู่บนร่าง ทำให้เขาเหมือนกับมนุษย์แสง

แสงสว่างส่องไปทั่ว จิตพลังอันแข็งแกร่งที่ไม่มีวันดับตลอดกาลปรากฏขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอกลับเหมือนมองไม่เห็น คมกระบี่มุ่งไปด้านหน้าต่อ

ปราณกระบี่สีขาวที่่น่าสะพรึงไปถึงที่ใด แสงสว่างไร้สิ้นสุดพลันมืดสลัวลง ไม่ได้โชติช่วงเหมือนกับแสงอนันต์ก่อนหน้า

ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างคนนั้นตื่นตระหนก แต่กลับได้แค่มองปราณกระบี่เคลื่อนตัวด้านหน้าตาปริบๆ สภาวะดุจทำลายไม้ไผ่

ร่างนิภาไม่อับแสง ถูกทำลาย!

ในช่วงนาทีเป็นตาย อีกฝ่ายกัดฟันกรอด ผลักสองฝ่ามืออก จากนั้นก็ประกบตรงกลาง ใช้สองมือหนีบกระบี่รุ้งพร่างพราวของเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้

ทว่าสองมือเพิ่งจะสัมผัสกระบี่ เลือดเนื้อบนสองมือของเขาก็เริ่มกลายเป็นฝุ่นผง

เบื้องหน้าผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างสว่างคนนี้ เหมือนกับมีภาพมายามากมายปรากฏขึ้น

เลือดเนื้่อ วิญญาณ และรูปญาณที่เกิดจากการจับตัวกันของญาณจริงแท้และจิตวรยุทธ์ ซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะนี้ค่อยๆ พังทลาย แยกออกจากกันอีกครั้ง!

รูปญาณวรยุทธ์ที่แยกออกมาหายไป เลือดเนื้อพังทลาย แม้แต่วิญญาณที่ไร้รูปร่างก็สูญสลายไปพร้อมกัน!

ภายใต้อารามตื่นตระหนก เขาคลายมือโดยสัญชาตญาณ

เยี่ยนจ้าวเกอส่งคมกระบี่เบาๆ แทงทะลุทรวงอกของเขา

ภายใต้กระบี่สังหารเซียนที่ทำลายทุกสรรพสิ่ง ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างที่อยู่ในระดับจอมยุุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามผู้นี้ ถูกบดขยี้ร่าง!

ชายหนุ่มชักกระบี่กลับอย่างผ่อนคลาย สายตามองไปอีกทาง

เฉิงซงถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกขวางไว้ ส่วนหนงอวี่ซวนยืนอยู่กลางอากาศ สีถมึงทึง ชะงักค้างอยู่กับที่

บนใบหน้าของเขามีปราณสีดำลอยขึ้นตลอดเวลา แสงสว่างในดวงตาบางครั้งมั่นคง บางครั้งสับสน

อำนาจในการควบคุมปราณดาบแสงทมิฬที่แย่งชิงกับเฟิงอวิ๋นเซิงก่อนหน้า สุดท้ายถูกเยี่ยนจ้าวเกอใช้หนึ่งกระบี่กดดัน หนงอวี่ซวนสูญเสียปราณดาบแสงทมิฬไปส่วนใหญ่

ปราณดาบแสงทมิฬที่เหลืออยู่ สับสนขึ้นมาเพราะอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า

หนงอวี่ซวนในตอนนี้พลิกร่างกายไปมา ทั้งมีความกังวลว่าจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก

นี่ทำให้เขาได้แต่อยู่นิ่งกับที่ ปรับลมหายใจอย่างต่อเนื่อง ญาณจริงแท้ของตัวเองกับปราณดาบแสงทมิฬที่เข้ามาในร่างจึงเสถียรอีกครั้ง

เพิ่งจะปรับลมหายใจได้ ก็เห็นศิษย์ร่วมสำนักที่มาสังหารเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกันตน ศีรษะกับร่างมากมายกระจายอยู่คนละที่กัน

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่กลางอากาศ เดินมาหาเขาทีละก้าวๆ “ตอนที่อยู่ในแปดพิภพข้าเคยพูดไว้ว่าจะมาโลกซ้อนโลก เพื่อตามหาสำนักแสงสว่างของพวกท่าน วันนี้ ข้ามาแล้ว”

เขาชักคมกระบี่ของกระบี่รุ้งพร่างพรางในมือ มีปราณกระบี่สีขาวสายหนึ่งรวมตัวกัน ฟันใส่หนงอวี่ซวน

หนงอวี่ซวนจับจ้องเยี่ยนจ้าวเกอ เขาที่มีสีหน้าแน่วหน้ามาโดยตลอด ในตอนนี้เปลี่ยนเป็นถมึงทึงถึงขีดสุด

บนร่างของเขามีแสงอาทิตย์ร้อนแรงและเพลิงสีดำน่ากลัวลอยขึ้นมาพร้อมกัน

ทั้งสองอย่างรวมตัวกัน กลายเป็นพลังของการระเบิด

แสงอาทิตย์และสุริยคราสปะทะกัน หนงอวี่ซวนประกบมือ จากนั้นก็ชูขึ้นเหนือศีรษะ

เหมือนกับดาบยักษ์เล่มหนึ่งถูกเขายกขึ้นสูง แล้วฟันใส่เยี่ยนจ้าวเกอ!

ดาบมหาแสงสว่าง วิชาสืบทอดของสำนักแสงสว่าง หลอมรวมกับปราณดาบแสงทมิฬกลายเป็นดาบอันแข็งกร้าว!

ปราณสีครึ่งดำครึ่งทอง ครึ่งหนึ่งเป็นประกายดาบ ครึ่งหนึ่งเป็นปราณดาบ รวมตัวกันอย่างแนบแน่น

ฟ้าดินในตอนนี้เหมือนกับถูกกั้นออกเป็นโลกของความมืดและโลกของแสงสว่าง

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปราณกระบี่สังหารเซียนสีขาวโพลนพุ่งขึ้นด้านบน

ปราณกระบี่เคลื่อนไหว เขตแดนของโลกความมืดและโลกแสงสว่างถูกลบหาย กลายเป็นขมุกขมัวไม่ชัดเจน

ตรงจุดที่สองฝ่ายสู้กัน มิติแตกร้าวออกมา บิดเบี้ยวสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง เดือดพล่านเหมือนกับน้ำเดือด

ประกายดาบที่อยู่ในสภาพแสงสว่างไร้สิ้นสุดมืดสลัวลง จากนั้นก็ดับสลาย!

ความมืดกลืนฟ้ากลืนดิน ถูกทำลายสูญสิ้น!

สุริยคราสจบลง เห็นท้องฟ้าและดวงอาทิตย์อีกครั้ง แต่การปรากฏขึ้นของแสงอาทิตย์กลับก่อให้เกิดความรู้สึกหมดหนทาง

ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นอีกครั้ง กลับเป็นอาทิตย์ลับภูเขาทิศประจิม อยู่ในบั้นปลายชีวิต

แสงอาทิตย์ตกดิน สะท้อนหน้าหนงอวี่ซวนจนซีดเซียว

ภายนอกที่สง่างามและเต็มไปด้วยกำลังวังชามาแต่ไหนแต่ไร ในนาทีนี้ดูแก่ชราและอ่อนแอ เหมือนกับเดินมาถึงจุดจบของชีวิต

สิ่งที่รอเขาอยู่ มีเพียงความพินาศ!

………………..