ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 676 จุดจบของท่าน ข้าเป็นคนตัดสิน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

คมกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนที่ไปด้านหน้า

ในดวงตาของหนงอวี่ซวนปรากฏความเย็นชาและความคลุ้มคลั่ง

เขาละทิ้งการป้องกันของตัวเองโดยสิ้นเชิง หันมาโจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอสุดกำลัง คิดจะตกตายร่วมกัน!

ก่อนหน้าวันนี้ ถ้าหากมีคนพูดกับหนงอวี่ซวนว่า เขาจะต้องเสี่ยงชีวิตกับคนที่เพิ่งเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเพื่อตายร่วมกัน หนงอวี่ซวนคงจะคิดว่าอีกฝ่ายพูดจามั่วซั่ว

แม้ไม่มีปราณดาบแสงทมิฬ พลังของเขาก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้าย ซึ่งถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าตายคนนั้น

เขาหลอมเปลี่ยนปราณดาบแสงทมิฬส่วนหนึ่ง อาศัยพลังระเบิดจากการกดข่มของแสงอาทิตย์และสุริยคราสพลังงานสองชนิด พลังของเขาจึงเพิ่มขึ้น คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันมีไม่กี่คน พลังย่อมล้ำเลิศยิ่ง

แต่ตอนนี้เขากลับพบว่า นอกจากนี้แล้วตนไม่อาจขอมากไปกว่านี้ได้อีก

“ดูถูกเจ้าไปจริงๆ หากรู้ว่าจะมีวันนี้ ควรจ่ายค่าตอบแทนทุกอย่าง บุกโลกแปดพิภพ ทำลายเจ้ากับเขากว่างเฉิง”

ท่ามกลางเสียงเราะ หนงอวี่ซวนลงมือสุดกำลัง จู่โจมใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

ชายหนุ่มกลับหัวเราะ “ท่านใช้วิธีเช่นนี้ รังแต่จะตายเร็วขึ้น”

ปราณกระบี่สังหารเซียนสีขาวโพลนแบ่งเป็นสองส่วนกลางอากาศ

ปราณกระบี่สายหนึ่งป้องกันการจู่โจมของหนงอวี่ซวน ปราณกระบี่อีกสายยังคงฟันใส่ร่างของหนงอวี่ซวนโดยไร้สิ่งใดขัดขวาง!

หนงอวี่ซวนสายตาสับสน ประกายตาค่อยๆ สลาย

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าญาณจริงแท้ ลมปราณ หรือแม้แต่วิญญาณของตน นาทีนี้กำลังมุ่งสู่ความพินาศ

ตัวเขาเองจับจ้องกระบี่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง “นี่เป็นวิชากระบี่อะไร น่ากลัวและคมกล้านัก เจตจำนงเหมือนกับทุกสรรพสิ่งสิ้นสุด เหมือนกับวันสิ้นโลกก็ไม่ปาน”

ทันใดนั้น เขาพลันตกใจ “รอเดี๋ยว หรือว่าจะเป็นสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนในตำนาน?! มีแต่กระบี่ทำลายล้างที่แสดงวิถีแห่งความพินาศเท่านั้นถึงจะมีจิตพลังเช่นนี้”

ก่อนสำนักแสงสว่างกับสำนักความมืดจะแบ่งแยกกัน สำนักประกายกาฬก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้านวรยุทธ์ที่ดำรงอยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่

ถึงแม้ว่าจะเจออุปสรรคมากมาย หลายสิ่งสาปสูญ แต่ว่าการสั่งสมและประสบการณ์ทั้งหมดยังคงบนตัวผู้คน

หนงอวี่ซวนในฐานะที่เป็นคนสำคัญของสำนักแสงสว่าง ได้อ่านบันทึกคัมภีร์โบราณของสำนักไปมากมาย

ครั้นเขาสัมผัสได้ถึงเจตจำนงที่น่าพรั่นพรึงของเยี่ยนจ้าวเกอ จู่ๆ จิตใจของเขาก็เปิดโล่ง นึกถึงตัวตนในตำนาน

เทียบกับกระบวนท่าสูงส่งที่แข็งแกร่งทุกชนิดแล้ว สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนซึ่งเป็นตัวแทนของจุดสิ้นสุด ย่อมมีชื่อเสียงมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ทว่าเขาไม่รู้จักกระบี่สังหารเซียน เพียงแค่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

กระนั้น เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่านอกจากนี้ยังมีวิชากระบี่วิชาใด ที่แข็งแกร่งเช่นนี้และโหดเหี้ยมเช่นนี้

คมกระบี่รุ้งพร่างพราวในมือเยี่ยนจ้าวเกอหมุนครั้งหนึ่ง ขัดขวางการโจมตีที่ด้านหลังซึ่งมาจากเฉิงซง

ถึงอย่างไรเฉิงซงก็เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น

แม้ว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจะมีพลังล้ำเลิศ อีกทั้งยังได้เปรียบด้านอาวุธ แต่ก็ได้แต่ขัดขวางไว้ ไม่อาจรับประกันว่าจะดูแลได้ทั่วถึง

เมื่อสู้ไปนานๆ เฉิงซงก็ได้โอกาสทำลายแนวป้องกัน ทว่าการโจมตีของเขายังถูกเยี่ยนจ้าวเกอหยุดไว้

ในตอนนี้ได้ยินคำพูดของหนงอวี่ซวน เฉิงซงเองก็ตกใจ “สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน วิชาสายตรงของสายเหนือพิสุทธิ์?!”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างงงงัน “จริงสิ นอกจากนี้แล้ว จะมีวิชากระบี่ไหนที่โหดเหี้ยมและแข็งแกร่งเท่านี้อีก?”

“อานุภาพเช่นนี้ คงไม่ใช่สาขาที่พัฒนาขึ้น ต้องเป็นวิชาสายตรงในวิชาสายตรง ดั้งเดิมในดั้งเดิม!”

หนงอวี่ซวนมองเยี่ยนจ้าวเกอ พลันหัวเราะร่า หัวเราะอย่างคลุ้มคลั่งเลยก็ว่าได้ “ฮ่าๆๆ! ที่แท้ที่มาของเจ้าคือเคล็ดวิชาสายเหนือพิสุทธิ์!”

“มิน่าถึงได้มีพลังขนาดนี้ มิน่าล่ะ ข้าแพ้โดยไม่ต้องละอายแล้ว!”

“แต่ว่าวันเวลาของเจ้าไม่มีวันยาวนาน!” สีหน้าของหนงอวี่ซวนเปล่งปลั่ง เหมือนกับเป็นเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย

รอยยิ้มของเขาบ้าคลั่งและแปลกประหลาด เคียดแค้นและมีความสุข “เมื่อหนึ่งพันปีก่อนกษัตริย์ดินสั่งไว้ว่า ห้ามผู้สืบทอดของสายเหนือพิสุทธิ์เหยียบโลกซ้อนโลก!”

“ผู้ขัดขืน แม้จะออกจากโลกซ้อนโลกไปในภายหลัง ก็ต้องถูกฆ่าทิ้งไม่มีละเว้น!”

“แม้แต่สาขาย่อยยังเป็นเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้สืบทอดสายตรงอย่างเจ้ากระมัง?”

หนงอวี่ซวนมองเยี่ยนจ้าวเกอ ส่ายหน้าพลางพูดว่า “เจ้าตายแน่!”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อ้อ? ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ไม่อาจเหยียบโลกซ้อนโลกหรือ?”

สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบ

นี่คือเรื่องที่ผู้อาวุโสโม่เคยเตือนก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะมายังโลกซ้อนโลก

คำหกคำนี้ หมายถึงจ้าวผู้ปกครองของโลกซ้อนโลก

หลังจากมาถึงทะเลหวงเจีย ได้ทำความรู้จักกับสำนักความมืดและจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้ว่าโลกซ้อนโลกในวันนี้ยังคงอยู่ภายใต้คำหกคำนี้

คนของทะเลหวงเจีย ต่อให้ไม่รู้ว่าในทะเลหวงเจียมียอดฝีมือคนไหนบ้าง ไม่รู้จักเสวียนมู่อ๋อง ไม่รู้จักผู้คุมหอกู้หงแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือ ไม่รู้จักเจ้าสำนักแสงสว่างหลัวจื้อเทา แต่ก็ต้องรู้จักคำหกคำนี้

สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิไม่ใช่สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ[1]ในยุคตำนาน แต่เป็นคำเรียกยอดฝีมือระดับสุดยอดที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกซ้อนโลกหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่

ว่ากันว่ากษัตริย์ดินเป็นอันดับหนึ่งในสามกษัตริย์

หนงอวี่ซวนมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ตอนนี้เชิญเจ้าโอหังให้เต็มที่ เพราะเจ้าไม่มีทางมีจุดจบที่ดี!”

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่ปรากฏความเคร่งเครียดแม้แต่น้อย ยังคงสงบนิ่งดุจเดิม

เขามองหนงอวี่ซวน พลันหัวเราะขึ้น “ข้าจะมีจุดจบที่ดีหรือไม่ ล้วนไม่เกี่ยวกับท่าน”

“ถึงแม้ในอนาคตข้าจะมีปัญหาอะไร แต่ก็ไม่ใช่ท่านเป็นคนนำมา ท่านมีอะไรให้ดีใจหรือ?”

ชายหนุ่มมีรอยยิ้มเย็นชา “ข้าจะเป็นอย่างไร ท่านไม่ต้องมาห่วง ห่วงตัวเองเสียดีกว่า”

“ความแตกต่างระหว่างข้ากับท่านอยู่ที่ การกระทำของท่านในวันนี้เหมือนกำลังบนบานศาลกล่าวให้ข้ากรรมตามสนองในวันหน้า เพราะท่านทำเองไม่ได้”

“ส่วนข้า ตอนนี้ขอบอกท่านว่า ท่านไม่มีจุดจบที่ดี ทั้งหมดนี้ ข้าเป็นตัดสินให้”

เขาพูดพร้อมกับแทงออกไปอีกหนึ่งกระบี่

หนงอวี่ซวนถลึงตา แต่ไม่อาจส่งเสียงใดๆ ออกมาได้อีก

ภายใต้กระบี่สังหารเซียน ชีวิตของเขาดับสิ้นลงอย่างรวดเร็ว มุ่งสู่จุดจบ

แหล่งวรยุทธ์อันทรงพลัง ไม่มีอะไรที่ใช้ได้ หายไปอย่างต่อเนื่อง

เลือดเนื้อลมปราณที่แข็งแกร่ง ไม่มีอะไรที่ใช้ได้ ย่อยยับอย่างต่อเนื่อง

วิญญาณและจิตใจอันแน่วแน่ ไม่มีอะไรที่ใช้ได้ สูญสิ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะมองหนงอวี่ซวนที่ค่อยๆ มุ่งสู่ความพินาศ เฉิงซงเกิดความรู้สึกเย็นเยียบขึ้น

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างทั้งหมดถูกสังหาร พลังของเยี่ยนจ้าวเกอลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง

ถ้าหนงอวี่ซวนตาย การร่วมมือกันระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก เฉิงซงเองมีความรู้สึกไม่อาจต้านทานได้

ความคิดของเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งร้อน หมุนตัวอย่างรวดเร็ว หนีไปทันที!

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ นาทีนี้ไม่กล้าสู้ หนีไปอย่างว่องไว

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังเขา

มีเสียงของอาหู่ดังมาจากในวังฝูงมังกร “คุณชาย ให้เขาหนีไป จะมีปัญหาอะไรหรือไม่?”

อีกด้านหนึ่งข้างในวังฝูงมังกร เฟิงอวิ๋นเซิงนั่งขัดสมาธิตัวตรง หลับตาปรับลมหายใจ

กลิ่นอายเพลิงมารทมิฬที่ซัดสาดค่อยๆ ถูกดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกดูดซับ แสงสว่างสีฟ้าที่เกิดจากพลังแห่งอาทิตย์ย้อนบนผิวดาบมืดสลัวลงอย่างช้าๆ เหมือนกับถูกความมืดกลืนกิน

แต่ว่ากลิ่นอายอันน่าสะพรึงอันไม่เป็นมงคลด้านในกลับแข็งกร้าวและยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอลงมือก่อนหน้านี้ ประตูวังฝูงมังกรเปิดออก ด้านในมีแรงดึงดูดส่งออกมา พาเฟิงอวิ๋นเซิงกลับเข้าไปด้านใน

เฟิงอวิ๋นเซิงตอนนี้ลืมตาขึ้นแล้วเช่นกัน

เฉิงซงเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น ถ้าหากเขาไม่อยากสู้จนตัวตาย แต่ตั้งใจหนีสุดกำลัง การรั้งเขาไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย

เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตามองไปยังที่ไกลออกไป “ถึงพวกเราจะไม่ไล่ตาม เขาก็หนีไม่ได้อยู่ดี”

………………..

[1] สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ เป็นกลุ่มบุคคลหรือเทวดาซึ่งตำนานกล่าวว่า ปกครองภาคเหนือของจีนโบราณ