เล่มที่ 29 เล่มที่ 29 ตอนที่ 859 พระทัยของพระชายาหลู่หยางอ๋อง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เห็นได้ชัดว่าภายในเส้นทางลับไม่มีลม ทว่ากระบี่ยาวเหล่านั้นกลับลอยขึ้นกลางอากาศและส่งเสียง ‘ชริ้ง ชริ้ง’ ทวีความน่ากลัวให้แก่เส้นทางเดินที่เงียบสนิท

พระชายาหลู่หยางอ๋องและตงหลิงจวิ้นสามารถได้ยินแม้กระทั่งลมหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจตนเอง

ตงหลิงหวงเก็บพัดเหล็ก พลางทอดสายตามองกระบี่ยาว และยืนนิ่งอยู่ที่จุดเดิมเป็นเวลานาน

กระบี่เหล่านี้ หลายเล่มเป็นกระบี่ที่มีชื่อเสียงเมื่อนานมาแล้ว ต่อให้เป็นกระบี่ที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าไรนัก ทว่าสามารถอยู่กับกระบี่วิเศษเหล่านี้ได้ คงไม่ใช่เนื้อเหล็กธรรมดาที่ร้านช่างตีเหล็กใช้กัน

โชคดีที่นางมีแหวนเก้ามังกร สามารถบรรจุกระบี่เหล่านี้ลงไปได้ทั้งหมด จึงเก็บไว้เพื่อมอบให้บรรดาทหารในกองทัพเป็นรางวัล

ทันใดนั้น แววตาของตงหลิงหวงก็สงบนิ่งและเย็นชา นางเก็บกระบี่ทั้งหมดลงในแหวนเก้ามังกร

ทันทีที่กระบี่ทั้งหมดถูกเก็บเข้าไปในแหวนเก้ามังกร เสียงของตงหลิงจวิ้นก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“เสด็จแม่ ท่านเป็นอันใด เสด็จแม่? ”

ตงหลิงหวงรีบลืมตาขึ้นและหันกลับไปมอง อาการของพระชายาหลู่หยางอ๋องไม่สู้ดีนัก สีหน้าของนางดูแย่กว่าก่อนหน้านี้มาก ริมฝีปากเริ่มเป็นสีม่วงแล้ว

ตงหลิงหวงคิดในใจว่าแย่แล้ว นางรีบวิ่งไปหาพระชายาหลู่หยางอ๋อง จากนั้นจึงประกบข้างพระชายาหลู่หยางอ๋องกับตงหลิงจวิ้น ช่วยตงหลิงจวิ้นประคองพระชายาหลู่หยางอ๋องลุกขึ้น

ตงหลิงจวิ้นกังวลมากจนแทบจะร้องไห้ เขาคว้ามือของตงหลิงหวงและพูดขอร้องราวกับเป็นฟางเส้นสุดท้าย

“พี่หวง เสด็จแม่… เสด็จแม่จะไม่ไหวแล้วกระมัง? พี่รีบช่วยเสด็จแม่ พี่รีบช่วยเสด็จแม่ด้วย! ”

ตงหลิงหวงรีบเข้าไปตรวจชีพจรของพระชายาหลู่หยางอ๋องทันที

สถานการณ์เลวร้ายกว่าก่อนหน้านี้มาก แม้ก่อนหน้านี้ ตงหลิงจวิ้นจะแบกมารดาของตนไว้บนหลัง เพื่อชะลอการแพร่กระจายของพิษ ทว่าพิษจะกำเริบได้นั้น ไม่เพียงสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของผู้ถูกพิษ ทว่ายังรวมถึงอารมณ์ของนางอีกด้วย

บางทีขณะที่ตงหลิงหวงกำลังรับมือกับวิญญาณกระบี่เหล่านั้น นางอาจตื่นเต้นเกินไปจึงส่งผลให้พิษกำเริบเร็วขึ้น

ทว่าเมื่อเห็นพิษของพระชายาหลู่หยางอ๋องรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตงหลิงหวงก็ไร้ซึ่งหนทางจริงๆ

ตอนนี้ในตัวนางไม่มีสมุนไพรสำหรับถอนพิษ หากนางต้องการถอนพิษให้พระชายาหลู่หยางอ๋อง นางต้องออกไปหาสมุนไพรข้างนอกโดยเร็วที่สุด

ตงหลิงหวงกำลังตรวจชีพจรของพระชายาหลู่หยางอ๋อง จู่ๆ ก็มีเสียง ‘ครืน’ ดังสนั่นหวั่นไหว เสียงนั้นดังเข้ามาในแก้วหูของนาง

บางทีอาจเป็นเพราะ หลังจากอ่านคัมภีร์ลึกลับฝึกตนเหล่านั้น ตงหลิงหวงก็ได้เข้าสู่ขั้นตอนการฝึกตนบำเพ็ญเพียร แม้เสียงนั้นจะได้ยินไม่ชัดเจนนัก ทว่านางยังได้ยินเสียงนั้นอย่างเลือนราง

นางเหลือบไปมองที่ตงหลิงจวิ้น เขาไม่มีท่าทีอื่นใดนอกจากเป็นห่วงพระชายาหลู่หยางอ๋อง นางจึงเข้าใจได้ทันทีว่ามีเพียงนางเท่านั้นที่ได้ยินเสียงนั้น ตงหลิงจวิ้นไม่ได้ยินอย่างแน่นอน

จู่ๆ ลางสังหรณ์ที่เลวร้ายก็ผุดขึ้นในใจ

นางลุกขึ้นทันที และแนบหูกับผนังเพื่อฟังเสียง

เป็นจริงดั่งคาด นางได้ยินเสียงผนังกำแพงพังทลายลงมา

หรือว่า… หลู่หยางอ๋องพบเส้นทางลับนี้แล้ว? ทั้งยังเปิดทางเข้าได้แล้ว?

……

ด้านนอกทางเดินเป็นห้องศิลาขนาดใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ตงหลิงหวงและตงหลิงจวิ้นพบกับพระชายาหลู่หยางอ๋อง

ใครจะคิดว่าเพื่อตามหาพระชายาหลู่หยางอ๋องกับคนอื่นๆ หลู่หยางอ๋องถึงกับค้นหาภายในห้องศิลานั้นทุกซอกทุกมุม กำแพงห้องก็ยังไม่เว้น

ขณะที่พวกเขาเคาะผนังตรงทางเข้า พวกเขาพบบางอย่างที่ผิดปกติ จึงสั่งให้คนระเบิดช่องทางจริงๆ

‘ครืน! ’ ทางเข้าปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขาอย่างชัดเจน องครักษ์ที่รับผิดชอบการระเบิดห้องศิลาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และรีบทูลหลู่หยางอ๋องอย่างรวดเร็ว

“ท่านอ๋อง มีทางเข้าจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

หลู่หยางอ๋องเห็นได้อย่างชัดเจน จึงออกคำสั่งโดยไม่รีรอ “ตามไป! ”

จากนั้น เขาก็นำขบวนเข้าไปในช่องทางเดินก่อนใคร

รองหัวหน้าองครักษ์หยิบคบเพลิงและพาองครักษ์ยอดฝีมือจำนวนหนึ่งตามไปอย่างรวดเร็ว

……

ภายในทางเดิน สีหน้าของตงหลิงหวงพลันเปลี่ยนไป

“หลู่หยางอ๋องพบเส้นทางนี้แล้ว ทั้งยังพาคนจำนวนหนึ่งไล่ตามมาอีกด้วย จวิ้นเอ๋อร์ พระชายา พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”

“เหตุใด… ถึงรวดเร็วเช่นนี้” ตงหลิงจวิ้นใบหน้าถอดสี

ตงหลิงหวงยังคงสงบนิ่งพอสมควร นางรีบพยุงพระชายาหลู่หยางอ๋องให้ลุกขึ้น

ตงหลิงจวิ้นก็เข้าไปช่วยประคองพระชายาหลู่หยางอ๋องเช่นกัน ทว่ากลับถูกพระชายาหลู่หยางอ๋องรั้งไว้

จากนั้น นางก็จับมือตงหลิงหวงแน่นและพูดว่า “หวงเอ๋อร์ ฟังที่ป้าพูด อย่ายุ่งยากอีกเลย ป้าคงอยู่ได้อีกไม่นาน ป้าไม่ต้องการเป็นภาระพวกเจ้า! พวกเจ้าหนีไป รีบหนีไปเถิด พาจวิ้นเอ๋อร์หนีไป”

ครั้งนี้พระชายาหลู่หยางอ๋องไม่ได้เรียกตนเองว่า ‘พระชายา’ ทว่าแทนตนเองว่า ‘ป้า’ เพื่อเป็นการคิดแทนตงหลิงจวิ้น และต้องการเตือนตงหลิงหวงว่าพวกเขามีสถานะเป็นพระญาติสนิท หวังว่าตงหลิงหวงจะไม่ทำอันใดตงหลิงจวิ้นเพียงเพราะเรื่องของหลู่หยางอ๋อง

ตงหลิงหวงเข้าใจอย่างถ่องแท้ นางจะไม่เข้าใจความคิดต่างๆ นานา หลังจากได้ยินคำว่า ‘ป้า’ ได้อย่างไร?

“ไม่ เสด็จแม่ หากเสด็จแม่ไม่ไป จวิ้นเอ๋อร์ก็ไม่ไป ไม่ว่าอย่างไร จวิ้นเอ๋อร์จะอยู่กับเสด็จแม่”

“เพราะเหตุใดลูกถึงไม่เชื่อฟัง ไม่ว่าอย่างไร แม่กับเสด็จพ่อของเจ้าก็เป็นสามีภรรยามากว่ายี่สิบปีแล้ว เขาจะทำอันใดข้าได้? ”

ในอดีต หลู่หยางอ๋องอาจไม่ทำอันใดพระชายาหลู่หยางอ๋อง ทว่าหลู่หยางอ๋องในเวลานี้ยังไม่แน่

ตงหลิงจวิ้นส่ายศีรษะและยืนกรานว่าจะไม่จากไปที่ใด พระชายาหลู่หยางอ๋องต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่าตงหลิงหวงกลับทักท้วงขึ้น

ท่าทางของตงหลิงหวงจริงจังอย่างมาก “หม่อมฉันไม่มีเวลาพูดอันใดมาก ฟังที่หม่อมฉันพูด ไปพร้อมกัน ทำเหมือนก่อนหน้านี้ หม่อมฉันนำทาง จวิ้นเอ๋อร์ เจ้าอุ้มพระชายาไว้บนหลัง”

“ตกลง! ”

ตงหลิงจวิ้นปาดน้ำตา และอุ้มพระชายาหลู่หยางอ๋องโดยไม่รีรอ

สีหน้าของตงหลิงหวงจริงจังอย่างมากจนพระชายาหลู่หยางอ๋องไม่กล้าพูดอันใดอีก เกรงว่าอาจชักช้าและเสียเวลาไปมากกว่านี้ นางจึงทำได้เพียงขึ้นหลังของตงหลิงจวิ้นออกไปแต่โดยดี

ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์เร่งด่วนในเวลานี้ ทำให้ไม่อาจชักช้าได้แม้แต่วินาทีเดียว เกรงว่าความล่าช้าอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของบุตรชายตนเองและตงหลิงหวง

ทางเดินเริ่มลึกเข้าไปด้านในมากขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงอัญมณีเล็กๆ ที่ให้แสงสว่างแก่พวกเขา เส้นทางเดินใต้เท้ามืดสลัว พวกเขารู้สึกว่าเส้นทางเดินไม่ค่อยดีนัก

ตงหลิงจวิ้นเกือบหกล้มหลายครั้งขณะที่แบกพระชายาหลู่หยางอ๋องไว้บนหลัง

พวกเขาไม่มีคบเพลิงเหมือนหลู่หยางอ๋องและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลัง อีกทั้งเพื่อไล่ตามตงหลิงหวงกับพวก จังหวะฝีเท้าของพวกเขาย่อมเร็วกว่าอยู่แล้ว

ในไม่ช้า หลู่หยางอ๋องกับเหล่าองครักษ์ก็มาถึงสถานที่ที่ตงหลิงหวงรับมือกับกระบี่เจี้ยนหลินก่อนหน้านี้

หลู่หยางอ๋องหยุดชะงัก ราวกับสัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่าง รองหัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังของเขาจึงถือคบเพลิงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อส่องสว่างเส้นทางเบื้องหน้าให้เห็นชัดเจนมากขึ้น

จากนั้น หลู่หยางอ๋องก็มองไปรอบๆ ครู่หนึ่ง รองหัวหน้าองครักษ์พูดขึ้นเสียงดังว่า “ท่านอ๋อง เหมือนจะมีร่องรอยการต่อสู้”

“ข้าเห็นเหมือนกัน” หลู่หยางอ๋องตอบกลับห้วนๆ

อย่างไรก็ตาม รองหัวหน้าองครักษ์ไม่รู้สึกอึดอัดและไม่หยุดปาก เขาพูดเสริมอีกว่า “เส้นทางเดินธรรมดาจะมีการต่อสู้ได้อย่างไร? หรือว่านอกจากรัชทายาทตงหลิงกับพวกแล้ว ยังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาในเส้นทางนี้”

หลู่หยางอ๋องเหลือบมองรองหัวหน้าองครักษ์ด้วยสายตาเย็นชา หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงพูดขึ้นว่า “อาจพบกลไกอันใดบางอย่าง นี่เป็นเส้นทางลับที่บรรพบุรุษของสกุลตงหลิงทิ้งไว้ ภายในเส้นทางลับมีสิ่งใดบ้างนั้น ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ กลไกพวกนี้ก็เช่นกัน เป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ทั่วไป”

เมื่อพูดถึงกลไก แววตาของรองหัวหน้าองครักษ์พลันปรากฏความระแวดระวังมากขึ้นเล็กน้อย

“รีบไล่ตามไป พระชายาและจวิ้นเอ๋อร์ไม่รู้วรยุทธ์ พวกเขาคงไปได้ไม่ไกล”

“พ่ะย่ะค่ะ! ”