อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2032 ผมขอ…ชื่อใหม่ได้ไหม?
แต่เมื่อได้ฝึกฝนทั้ง 12 กระบวนท่าที่เพิ่งเรียนรู้ไป จางเซวียนพบว่าเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าสามารถหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาได้ดีกว่าเดิม
พูดอีกอย่างก็คือ เจตจำนงเพลงดาบกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้ว เขาสามารถสำแดงมันออกมาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ มันจะไม่ถูกพละกำลังในร่างกายของเขาจำกัดไว้อีกต่อไป
นั่นอธิบายได้ว่าทำไมหานเจี้ยนชิวถึงบอกไว้ว่าเทคนิควรยุทธคือกุญแจที่นำไปสู่การทำความเข้าใจเจตจำนงของเพลงดาบของเทพเจ้า
จางเซวียนครุ่นคิดเมื่อรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย
หากเขาสามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดของเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าออกมาได้เมื่อตอนที่เผชิญหน้ากับชายเสื้อคลุมสีดำกลุ่มนั้น ก็คงเอาชนะนักรบอมตะตัวจริงทั้ง 3 ได้อย่างง่ายดาย แม้ตัวเขาจะยังไม่ได้สำเร็จวรยุทธขั้นอมตะตัวจริงก็ตาม
นั่นคือความทรงพลังของเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า!
ฟิ้วววววว!
ขณะที่เจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าไหลเวียนทั่วร่าง จางเซวียนรู้สึกได้ว่าการปรากฏตัวของเขาเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเจตจำนงเพลงดาบของเขาอาจพุ่งทะลุสวรรค์ได้หากเขาต้องการ
ฟึ่บ!
ขณะที่เจตจำนงเพลงดาบไหลเวียนอย่างอิสระไปทั่วร่าง จางเซวียนรู้สึกได้ว่าพลังปราณค่อยๆแปรสภาพเป็นดาบ จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆลอยสูงขึ้น
“นี่เรา…บินได้!” นัยน์ตาของจางเซวียนเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
เพราะในมิติเบื้องบนมีแรงกดดันของมิติมากกว่าทวีปแห่งปรมาจารย์ จึงมีแต่นักรบระดับอมตะขั้นสูงเท่านั้นที่บินได้ ตอนนี้จางเซวียนเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ แต่ด้วยอานุภาพของเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าที่อยู่ในตัว จึงสามารถปรับสภาพพลังปราณให้เป็นดาบและลอยตัวขึ้นสู่กลางอากาศได้ ในแง่ของความเร็ว เขาอาจบินได้เร็วกว่าแม้แต่ผู้อาวุโสโฉวหั่ว!
ด้วยความสามารถของเราในเวลานี้คงต่อกรได้แม้แต่กับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์หากเราต้องเผชิญหน้ากับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์จากหอเทพเจ้าอีกครั้งก็คงไม่จนปัญญาอย่างที่ผ่านมา…
เมื่อรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเอง จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
แม้จะยังเสียดายที่ไม่อาจหาหนังสือเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูงมาประมวลเคล็ดวิชาเทียบฟ้าได้ แต่ทั้ง 12 กระบวนท่าก็ทำให้เขามีความเข้าใจในเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าที่ล้ำลึกขึ้นอีกมาก
ด้วยสิ่งนี้ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายเท่า
สำหรับตอนนี้ ต่อให้ผู้อาวุโสไป๋เย่ก็เทียบชั้นกับเขาไม่ได้แล้ว
จางเซวียนละความคิดจากการฝึกฝนวรยุทธ เขาเพ่งจุดตันเถียนของตัวเองและเอ่ยถาม “น้ำเต้าตงฉู่ ดาบที่แกกินเข้าไปน่ะอยู่ไหน? เหลือไว้ให้ฉันสักเล่มหรือเปล่า?”
เขาสั่งการให้เจ้านี่กลืนดาบของคู่ต่อสู้ลงไปในระหว่างการต่อสู้เพื่อตัดกำลังของทีมลอบสังหารจากหอเทพเจ้า ซึ่งนั่นช่วยลดความกดดันลงได้มาก…แต่คงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่กลืนดาบของผู้อาวุโสโฉวหั่วลงไปด้วย
แต่เพราะตอนนั้นทุกอย่างเร่งร้อนไปหมด เขาจึงไม่มีเวลาถามอาการของมัน ตอนนี้มีเวลาแล้ว คงจะดีหากแสดงความเป็นห่วงเป็นใยสักหน่อยกับ ‘อสูรในตำนาน’ ตัวใหม่ที่เขาเพิ่งทำให้มันยอมจำนนได้สำเร็จ
เมื่อได้ยินคำถามของจางเซวียน น้ำเต้าตงฉู่ตอบกลับอย่างระแวง “หยุดตรงนั้นเลย คุณสัญญาแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่บังคับให้ผมคายดาบพวกนั้นออกมา อย่าคืนคำสิ!”
“แน่อยู่แล้ว ฉันดูเหมือนคนปลิ้นปล้อนในสายตาแกหรือไง? ฉันแค่ห่วงว่าแกจะปวดท้องเพราะกินมากเกินขนาด” จางเซวียนตอบพร้อมกับส่งยิ้มแบบคุณชาย
“อ๋อ เรื่องนั้นไม่เป็นไรเลย ผมย่อยดาบพวกนั้นหมดแล้วล่ะ” น้ำเต้าตงฉู่ส่ายก้นอย่างสบายใจ
“แกย่อยดาบพวกนั้นหมดแล้ว?” จางเซวียนเลิกคิ้ว
เขารีบพิจารณาน้ำเต้าตงฉู่อย่างใกล้ชิด ซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังนอนเอ้อระเหยอยู่ในจุดตันเถียนของเขา เหมือนอย่างเคย ไม่แสดงอาการของความไม่สบายเนื้อสบายตัวสักนิด ราวกับการกลืนกินพลังงานมหาศาลจากดาบระดับอมตะขั้นสูงทั้ง 4 เล่มนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับมัน
“ช่างมันเถอะ!”
รู้ดีว่าไม่มีทางเอาดาบที่น้ำเต้าตงฉู่ย่อยแล้วกลับคืนมาได้ จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะสะบัดข้อมือและนำดาบถงซังกับศพอีกจำนวนหนึ่งออกมา
ศพเหล่านั้นคือนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์และนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์อีก 3 คนที่เขาเล่นงานไปก่อนหน้านี้
ฟึ่บ!
ทันทีที่ศพเหล่านั้นปรากฏ ดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่หว่างคิ้วของจางเซวียน
มันคือดาบของชายเสื้อคลุมสีดำที่เป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ดาบเล่มนี้ตกตะลึงกับภาพที่เจ้านายของมันถูกหนังสือหล่นทับจนไม่ได้สำแดงฤทธิ์เดชใดๆตอนที่ถูกใส่เข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ แต่เมื่อเห็นศัตรูอีกครั้ง ก็ตรงเข้าแก้แค้นให้เจ้านายของมันทันที
ฟึ่บ!
จางเซวียนยกมือขึ้นและจรดปลายนิ้วเข้าด้วยกัน ดาบเสียบเข้าระหว่าง 2 นิ้วของเขาอย่างเหมาะเจาะ
ตอนที่เขายังเป็นแค่นักรบเสมือนอมตะ อาจทำอะไรไม่ได้มากกับดาบระดับอมตะขั้นสูง แต่เพราะตอนนี้เขายกระดับวรยุทธขึ้นเป็นนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์และทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ต่อให้นักรบระดับอมตะขั้นสูงสวรรค์ก็เทียบชั้นกับเขาไม่ได้ จึงเป็นธรรมดาที่การรับมือกับดาบเพียงเล่มหนึ่งจะไม่เหลือบ่ากว่าแรง
“คะ-คุณ…”
ดาบแทบไม่เชื่อว่าเกิดอะไรขึ้น
ผ่านไปเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น…จู่ๆหมอนี่ก็เกิดทรงพลังขึ้นมา?
จางเซวียนไม่อยากเสียเวลาพูดกับดาบ ขณะที่คีบมันไว้ ก็ใช้มืออีกข้างแตะดาบเล่มนั้นหลายจุด
เมื่อเจตจำนงเพลงดาบเข้าปะทะกับดาบเล่มนั้น จิตวิญญาณในดาบก็ส่งเสียงครวญครางออกมาก่อนจะสลายตัวไป
จางเซวียนดูออกว่าจิตวิญญาณของดาบภักดีต่อนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์คนนั้นอย่างมาก ถึงขนาดที่ต่อให้เขาทำให้มันยอมจำนนได้ ก็มีโอกาสสูงที่มันจะทรยศ เขาไม่อยากตกอยู่ในสภาพที่ต้องคอยระแวงว่าดาบของตัวเองจะทรยศขณะที่อยู่ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด
เพื่อจบปัญหา จางเซวียนจึงตัดสินใจกำจัดจิตวิญญาณที่อยู่ในดาบเล่มนั้นไปโดยใช้เจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าของเขา
“คุณ…นั่นไม่ต่างกับการตัดตอนวรยุทธของดาบเลยนะ!” เห็นการกระทำของจางเซวียน ดาบถงซังตัวสั่นด้วยความตกใจ
มันมีพละกำลังระดับเดียวกันกับดาบเล่มนั้น แต่นายท่านสามารถกำจัดจิตวิญญาณของดาบได้ในเวลาเพียงครู่เดียว นั่นหมายความว่าเขาก็ทำลายมันได้เหมือนกันใช่ไหม?
มันพอเข้าใจว่าทำไมนายท่านถึงอยากกำจัดดาบเล่มนั้น แต่ดาบระดับอมตะขั้นสูงที่ปราศจากจิตวิญญาณจะมีประสิทธิภาพลดลงมาก ไม่ต่างอะไรกับอาวุธที่ค่อนข้างจะทนทานชิ้นหนึ่งเท่านั้น
“อย่าห่วงน่ะ มันไม่ได้ถูกตัดตอนวรยุทธหรอก” จางเซวียนหัวเราะหึๆขณะเคาะนิ้วเบาๆที่ดาบ
สองอึดใจต่อมา เสียงร้องจุ๊กจิ๊กเหมือนนกก็ดังขึ้นจากดาบ ราวกับเป็นการเฉลิมฉลองชีวิตใหม่
“ดาบได้จิตวิญญาณอีกดวงแล้วหรือ?”
เห็นภาพนั้น ดาบถงซังแทบร่วงจากกลางอากาศ
โดยปกติ จะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะบ่มเพาะดาบสักเล่มให้มีจิตวิญญาณขึ้นมา แต่ชายหนุ่มทำลายจิตวิญญาณดวงหนึ่งได้ด้วยการกระดิกนิ้ว และสร้างจิตวิญญาณดวงใหม่ขึ้นได้ด้วยการกระดิกนิ้วเช่นกัน…
ดาบถงซังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึงเมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่มันเคยทำ
เหตุผลที่มันทำตัวอวดดีแบบนั้นก็เพราะรู้ว่าดาบจะหมดสภาพทันทีที่มันจากไป ไม่มีนักดาบคนไหนอยากทำลายดาบของตัวเอง
แต่เมื่อเห็นสิ่งที่จางเซวียนทำ ก็รู้ทันทีว่ามันกำลังให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป…
บ้าที่สุด! หมอนี่ไม่เคยทำอะไรแบบธรรมดาเลย เขาเรียกจิตวิญญาณให้อาวุธได้!
พูดอีกอย่างก็คือ ความหยิ่งผยองของมันไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้นกับอีกฝ่าย ดูเหมือนต่อไปมันจะต้องถ่อมเนื้อถ่อมตัวไว้ ไม่อย่างนั้นอาจตายไม่รู้ตัว
ในเวลานี้ ดาบถงซังยอมจำนนให้จางเซวียนทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ มันไม่กล้าคิดอะไรที่เป็นการต่อต้านอีกฝ่ายแล้ว
“นับจากนี้ไป ฉันจะเรียกแกว่า…ดาบ!”
หลังจากเพิ่งทำให้อาวุธที่เขาร่ายมนต์ใส่ยอมจำนนได้อย่างง่ายดาย จางเซวียนมองดาบในมืออย่างพอใจ
ก็เหมือนกับดาบถงซัง มันเป็นอาวุธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์
“ดาบ?”
ดาบที่ได้รับการร่ายมนต์ใหม่แทบร่วงจากกลางอากาศเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ชื่อนี้ออกจะง่ายไปหน่อยไหม*?*
ถึงอย่างไรมันก็เป็นดาบระดับอมตะขั้นสูง หนึ่งในอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปที่ถูกลืม จะให้มีชีวิตอยู่ด้วยชื่อธรรมดาสามัญแบบนั้นหรือ?
เมื่อไม่อาจยอมรับได้ ดาบทักท้วง “นายท่าน ผมขอ…ชื่อใหม่ได้ไหม? ผมรู้สึกว่าชื่อที่คุณตั้งให้มัน…ง่ายไปหน่อย!”
“ง่าย? เอ่อ…” จางเซวียนขมวดคิ้ว “ก็ได้ งั้นฉันเรียกแกว่าดาบน้อยดีไหม?”
พลั่ก!
ดาบร่วงลงจากกลางอากาศอย่างหมดเรี่ยวแรงและเริ่มคร่ำครวญ
จะบ้าหรือไง*!ถ้าเป็นแบบนี้ผมใช้ชื่อเดิมดีกว่า**…*
เมื่อเจ้านายของพวกมันเสียชีวิต รอยประทับที่อยู่บนแหวนเก็บสมบัติก็สลายตัวไป จางเซวียนจึงใช้เพียงแค่การหยดเลือดลงไปบนแหวนเก็บสมบัติเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแหวนเหล่านั้น
เขารีบกวาดตาดูข้าวของในแหวนเก็บสมบัติ ไม่ช้าก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ
จางเซวียนคิดว่าน่าจะได้ทรัพย์สมบัติไม่น้อยเพราะคู่ต่อสู้ของเขาเป็นนักรบผู้ทรงพลัง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าพวกนั้นแสนจะยากจน!
นอกจากดาบระดับอมตะขั้นสูงที่น้ำเต้าตงฉู่กลืนเข้าไป ก็มีแค่ยาเม็ดฟื้นฟูสภาพร่างกาย 2-3 เม็ด เสบียงอาหาร น้ำดื่ม และเสื้อผ้าสะอาดๆอีกไม่กี่ชุด
จางเซวียนพยายามคุ้ยข้าวของในแหวนเก็บสมบัติ ซึ่งก็ไม่มีอะไรที่พอจะมีค่า แต่เขาก็พบสิ่งหนึ่งในนั้นที่ทำให้ประหลาดใจ
นี่คือ*…ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล?*
คนของหอเทพเจ้าใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลด้วยหรือ*?*
เรื่องนี้ฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ ยากจะนึกภาพเหล่าผู้เชี่ยวชาญผู้สูงส่งของหอเทพเจ้าใช้สิ่งที่พวกเขามองว่าเป็น ‘ของต่ำต้อย’ ของทวีปที่ถูกลืม!
มีบางอย่างแปลกประหลาดจริงๆ
จางเซวียนย่นหน้าผากขณะหยิบตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลขึ้นมาและแตะมันเบาๆ เขากัดนิ้วและหยดเลือดลงไปหยดหนึ่งบนตราสัญลักษณ์ ตั้งใจจะทำให้มันยอมจำนนเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่ในพริบตาต่อมา ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน
เห็นภาพนั้น จางเซวียนได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจ
ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไม่เหมือนของล้ำค่าชนิดอื่นที่ใครๆก็สามารถทำให้มันยอมจำนนได้หลังจากเจ้าของดั้งเดิมตายไปแล้ว มันถูกออกแบบมาให้ทำลายตัวเองทันทีหากมีใครที่ไม่ใช่เจ้าของดั้งเดิมพยายามเข้าครอบครอง
พูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่อาจมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลได้