บทที่ 1904 วิญญาณอาณาเขต

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1904 วิญญาณอาณาเขต

 

ผู้อมตะหลายคนอยู่ที่ทะเลปีศาจร่ําไห้

 

เสี่ยวหมิงเฉินและอีกสามคนอยู่ในค่ายกลเสริม พวกเขาใช้ค่ายกลเสริมของตนเองแทรกซึมเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเล

 

ฟางหยวนกําลังสร้างค่ายกลเสริมอยู่ในเวลานี้

 

เขาโบกมือส่งวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากออกไปราวกับฝูงผึ้ง จากนั้นเขาก็นําทรัพยากรอมตะออกมา และใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อเติมเต็มค่ายกลนี้

 

เหรินซิ่วผิงและคนอื่นๆที่พึ่งมาถึงมองฟางหยวนด้วยดวงตาส่องประกาย

 

ทุกคนรู้สึกซับซ้อน กระทั่งเฉินกงเจิ้งก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

“ความสามารถในการใช้ทรัพยากรอมตะสร้างค่ายกล เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล”

 

“ชูวิ่งบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาบ่มเพาะเส้นทางสองสายถึงระดับนี้ได้อย่างไร?”

 

“บางที่เขาอาจพบวิธีการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงควบคู่กับเส้นทางแห่งค่ายกลโดยไม่มีปัญญาเรื่องความขัดแย้ง มันเหมือนจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าของวังสวรรค์ที่สามารถบ่มเพาะเส้นทางแห่งจิตวิญญาณควบคู่กับเส้นทางแห่งสายฟ้าหรือเทพธิดาเก่าวิญญาณที่บ่มเพาะเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ควบคู่กับเส้นทางแห่งทาส”

 

“มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของชองสูงมาก สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือเขาไม่ขาดแคลนท่าไม้ตายอมตะที่มีประสิทธิภาพ

 

กลุ่มผู้อมตะที่มาใหม่เฝ้ามองฟางหยวนด้วยความอัศจรรย์ใจ

 

“ด้วยความสาเร็จนี้ เขาสามารถรับภารกิจมากมายบนหอคอยเกียรติยศ

 

“ภารกิจส่วนใหญ่ของหอคอยเกียรติยศเกี่ยวข้องกับการจัดการระบบนิเวศ มันเอื้อประโยชน์ต่อชูอิงเป็นอย่างมาก”

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถสร้างค่ายกลมากมาย”

 

“ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลทั่วไปต้องใช้วิญญาณอมตะจํานวนมากเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ แต่ชูอิงเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาสามารถใช้ทรัพยากรอมตะแทนวิญญาณอมตะ สิ่งนี้น่ากลัวเกินไป”

 

ทุกคนรู้สึกอิจฉาโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกลุ่มของเมียวหมิงเฉินที่สามารถร่วมมือกับฟางหยวนก่อนพวกเขา

 

เหรินซิ่วผิงเริ่มพิจารณาเกี่ยวกับการละทิ้งกลุ่มของตระกูลเฉินและต้องการเข้าร่วมกับฟางหยวนหลังจากนี้

 

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ฟางหยวนดูเป็นคนใจกว้าง แม้เหรินซิ่วผิงจะเป็นศัตรูกับเขามาก่อนหน้านี้ แต่เขายังสามารถเพิกเฉยต่อมันอย่างสมบูรณ์ในเวลานี้

 

ความกังวลของเหรินซิ่วผิงคือฟางหยวนมีกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินอยู่แล้ว กระทั่งถูเทาเทาและเพิ่งล้วซื้อก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับฟางหยวนมากกว่าเขา

 

“ในมุมมองของชูอิง เขาสามารถร่วมมือกับพันธมิตรที่ใกล้ชิด เหตุใดเขาต้องร่วมมือกับศัตรูเช่นข้า

 

เหรินซิ่วผิงคิด อย่างไรก็ตามแม้เขาจะเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่เขายังต้องใช้ทรัพยากรอมตะในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ ข้อจํากัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือทรัพยากรอมตะ หากเขาขาดทรัพยากรอมตะ ข้าสามารถบริจาคให้เขาเพื่อกระชับความสัมพันธ์

 

เหรินซิ่วผิงตัดสินใจสละผลประโยชน์บางส่วนเพื่อสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน

 

“ค่ายกลเสรมิถูกสร้างขึ้นแล้ว เหรินซิ่วผิง โปรดไปปกป้องมัน” ฟางหยวนกล่าว

 

“แน่นอน” เหรินซิ่วผิงยิ้มและบินเข้าไปในค่ายกลเสริม

 

เหรินซิ่วผิงไม่สามารถทําความเข้าใจค่ายกลเสริมของฟางหยวน แต่เขาเชื่อว่าการจัดเตรียมของเทพอมตะ สวรรค์พิภพจะทําให้ฟางหยวนไม่สามารถทําร้ายเขา

 

ฟางหยวนยังสร้างค่ายกลเสริมต่อไป

 

ผู้อมตะเข้าสู่ค่ายกลเสริมที่ละคนและท่าให้มันแข็งแกร่งขึ้น

 

การแสดงออกของเหรินซิ่วผิงเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเห็นฟางหยวนนําทรัพยากรอมตะออกมาอย่างไม่รู้จบ

 

ความมั่งคั่งของฟางหยวนทําให้ทุกคนต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

 

ด้วยความมั่งคั่งเช่นนี้ พวกเขาจะสามารถแข่งขันได้อย่างไร

 

สิ่งที่ทําให้เหรินซิ่วผิงหดหูใจมากขึ้นคือทัศนคติของฟางหยวน

 

เขาใช้ทรัพยากรอมตะจานวนมากสร้างค่ายกลได้โดยไม่กระพริบตาหรือลังเล

 

หลังจากใช้เวลาและความพยายามไปบ้างแล้ว ค่ายกลเสริมทั้งหมดก็ถูกจัดตั้งขึ้น

 

เฉินกงเจิ้งและคนอื่นๆเข้าไปประจําการอยู่ในค่ายกลเสริมของตนเองที่กระจายอยู่รอบๆราวกับหางนกยูง

 

ค่ายกลเสริมแต่ละแห่งแตกต่างกันแต่พวกมันต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน

 

ฟางหยวนสร้างค่ายกลเสริมสําหรับตนเองเช่นกัน

 

ภายในค่ายกลเสริม ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะของเขา ฝนหลอมรวม!

 

ทันใดนั้นสายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

 

ฝนแทรกซึมเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่ใต้ทะเลและเริ่มปรับแต่งวิญญาณอมตะของมันทีละดวง

 

หลังจากไม่นานเฉินกงเจิ้งและคนอื่นๆก็เบิกตากว่างด้วยความตกตะลึง

 

ในเวลาสั้นๆ ฟางหยวนสามารถปรับแต่งชั้นนอกสุดของค่ายกลวิญญาณอมตะเรียบร้อยแล้ว

 

“นี่เป็นท่าไม้ตายใด? มันส่งผลกระทบต่อค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลได้อย่างไม่น่าเชื่อ!”

 

“ดูเหมือนมันจะเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม?” บางคนไม่แน่ใจ

 

“เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่ทรงพลังนัก ชองบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมด้วยงั้นหรือ?” บางคนรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ

 

“นี่ควรเป็นพลังอานาจของค่ายกลเสริม!”

 

กลุ่มผู้อมตะคิดเกี่ยวกับมันและตัดสินว่ามันเป็นพลังอานาจของค่ายกล

 

หากชูอิงมีความสามารถนี้ มันไม่ได้หมายความว่าเขาบ่มเพาะบนเส้นทางสามสายเช่นนั้นหรือ?

 

อย่างไรก็ตามแม้มันจะเป็นพลังอํานาจของค่ายกลแต่ผู้อมตะทั้งหมดยังรู้สึกตกใจมาก

 

รูม่านตาของเฉินกงเจิ้งหดเล็กลง เปรียบเทียบกับพลังอานาจของค่ายกล เขารู้สึกตกใจกับความทะเยอทะยานของฟางหยวนมากกว่า

 

เขาเข้าใจมันแล้ว

 

ค่ายกลเสริมเหมือนชะแลงขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลเหมือนกล่องไม้ที่ปิดสนิท

 

ตอนนี้พวกเขากําลังพยายามใช้ชะแลงเปิดฝากล่องโดยมีฟางหยวนเป็นผู้ควบคุม

 

“ความทะเยอทะยานเช่นนี้…เขาต้องการยึดครองค่ายกลวิญญาณอมตะทั้งหมด!

 

ชูอิง… เฉินกงเจิ้งแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาลอบจารึกชื่อนี้ไว้ในใจอย่างลับๆ

ท่าไม้ตายอมตะฝนหลอมรวมเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนใช้ค่ายกลเสริมของเขาปกปิดกลิ่นอายของมันเอาไว้ นี่ทําให้เฉินกงเจิ้งไม่ตระหนักถึงพลังอํานาจระดับแปดที่ฟางหยวนปลดปล่อยออกมา

 

ด้วยพลังอํานาจของท่าไม้ตายอมตะระดับแปด ค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลค่อยๆถูกปรับแต่งที่ละเล็กที่ ละน้อย

 

ยิ่งเขาปรับแต่งมันมากเท่าใด เขาก็ยิ่งควบคุมมันได้มากเท่านั้น ด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลเสริม กระบวนการต่างๆจึงดําเนินไปได้อย่างรวดเร็วและไม่มีปัญหา

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาปรับแต่งค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลไปถึงสามสิบส่วน ประสิทธิภาพของฝนหลอมรวมเริ่มลดลงอย่างมีนัยสําคัญ ความคืบหน้าของเขาช้าลงมาก

 

“ฝนหลอมรวมเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะ ผลลัพธ์ของมันขึ้นอยู่กับความเข้าใจของข้าที่มีต่อค่ายกลวิญญาณอมตะที่เป็นเป้าหมาย” ฟางหยวนไม่แปลกใจ

 

เขาตัดสินใจใช้เวลาอยู่ที่นี่เพื่อรับวิญญาณความเสียใจ

 

เดิมที่เขายังกังวลเกี่ยวกับคนอื่นๆ

 

แต่ตอนนี้เฉินกงเจิ้งอยู่ที่นี่ ฟางหยวนไม่กลัวผู้อมตะคนอื่นๆจะเข้าแทรกแซง

 

ความเร็วในการปรับแต่งของเขาช้าลงเรื่อยๆ ในที่สุดฟางหยวนก็รู้สึกราวกับขุดพบก้อนอิฐ

 

มันคือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่มีรูปร่างเหมือนจานสีน้ําตาลแดง

 

นี่คือวิญญาณอาณาเขต เมื่อผู้อมตะฝังมันไว้ใต้ดิน มันจะปล่อยพลังงานลึกลับออกไปปกคลุมพื้นที่ที่อยู่รอบๆ ทุกสิ่งที่อยู่ภายในรัศมีหนึ่งพันลี้จะถูกควบคุมโดยผู้ใช้งานวิญญาณดวงนี้” ฟางหยวนรู้จักวิญญาณอมตะดวงนี้

 

วิญญาณอาณาเขตระดับมนุษย์พบเห็นได้ทั่วไปโดยเฉพาะภาคใต้

 

หมู่บ้านในภาคใต้นิยมใช้วิญญาณอาณาเขตระดับสามหรือระดับสีสร้างอาณาเขตของหมู่บ้าน

 

วิญญาณอาณาเขตมีประโยชน์มากแต่มันก็แพงมากเช่นกัน มันมักถูกใช้โดยกองกําลัง ผู้ใช้วิญญาณทั่วไปไม่นิยมใช้สิ่งนี้

 

วิญญาณอมตะอาณาเขตมีประโยชน์ต่อฟางหยวนเช่นกัน

 

ฟางหยวนสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงนี้เพื่อจัดการมิดช่องว่างของเขา เขาสามารถเปลี่ยนภูมิประเทศโดยการพึ่งพาวิญญาณอมตะดวงนี้

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกําลังเป็นอุปสรรคสําคัญของฟางหยวน