บทที่ 1811 สายตาไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เยี่ยหวันหวั่นที่ถูกกันห่างจากนักข่าวและกำลังเดินไปข้างหน้าพลันหยุดฝีเท้าลง แล้วหันตัวไปมองนักข่าวคนหนึ่งในนั้น
ชั่วพริบตานั้นทั่วทั้งบริเวณก็เงียบกริบลงหนึ่งวินาที
เมื่อนักข่าวคนนั้นเห็นว่าเยี่ยหวันหวั่นมองตัวเองก็เอ่ยถามอย่างตื่นเต้นทันที “ประธานเยี่ย ได้ยินว่ามีเรื่องดีๆ กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างคุณกับคุณกู้ ซิงเฉินกรุ๊ปจะร่วมมือกับกู้กรุ๊ปด้วยความสัมพันธ์ระดับนี้หรือเปล่า”
เยี่ยหวันหวั่นกวาดสายตามองนักข่าวทุกคนในนั้นคล้ายกำลังยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ฉันกับกู้เยว่เจ๋องั้นเหรอ ขอโทษนะ ดูเหมือนว่าพวกคุณจะเข้าใจอะไรผิด”
พวกนักข่าวต่างมองหน้าสบตากัน “เข้าใจผิด?”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเรียบ “สายตาฉันไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ”
ชั่วพริบตาที่สิ้นเสียง นักข่าวทุกคนก็พลันตกตะลึง
เชี่ย!
เยี่ยหวันหวั่นนี่ น้ำเสียงใหญ่โตจริงๆ …
ด้วยอำนาจในเมืองหลวงของตระกูลกู้ รวมถึงบุคลิกและหน้าตาของกู้เยว่เจ๋อ อีกฝ่ายเป็นตัวเลือกสามีที่โด่งดังร่ำรวยและจิตใจดีขนาดไหน ไม่งั้นเยี่ยอีอีก็คงจะไม่เค้นสมองอย่างสุดชีวิตเพื่อแย่งเขาไปจากมือของเยี่ยหวันหวั่นหรอก
ตอนนั้นเพื่อไล่ตามกู้เยว่เจ๋อแล้วเยี่ยหวันหวั่นสร้างเรื่องน่าขำไปมากเท่าไร คนในวงการหลายคนย่อมรู้ดี
“แค่ก คุณหนูเยี่ย คำพูดนี้ของคุณ…” นักข่าวพลันรู้สึกไม่รู้จะพูดอะไรอยู่บ้าง
“ตอนนั้นสายตาฉัน…อืม…อาจจะพิสดารไปสักหน่อยก็จริง…แต่ตอนนี้ฉันมีแฟนแล้ว ขอสหายสื่อทุกท่านอย่าเชื่อถือข่าวลือ” เยี่ยหวันหวั่นตัดบทนักข่าว ก่อนที่จะวางระเบิดลูกใหญ่อีกครั้ง
ว่าไงนะ!
เยี่ยหวันหวั่นมีแฟนแล้ว?
พวกเขานักข่าวขุดตั้งนานก็ไม่เห็นขุดเจอข่าวซุบซิบพวกนี้นะ!
หรือว่าเป็นคนในวงการ!
“คุณหนูเยี่ยหวันหวั่น คุณมีแฟนแล้วเหรอ ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เป็นคนในวงการหรือเปล่าครับ”
“หรือว่าจะเป็นคนของจูเสินสือไต้” ถึงขั้นมีคนคาดเดาเช่นนี้
พวกนักข่าวพลันซักถามอย่างตื่นเต้น เมื่อพวกหานเซี่ยนอวี่ และกงซวี่ที่อยู่ด้านข้างเยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจอยู่บ้าง
เพราะเยี่ยหวันหวั่นเก็บตัวเงียบมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้เธอจะประกาศเรื่องความรักไปตรงๆ ในที่สาธารณะ
แต่วิธีการของกู้เยว่เจ๋อชั่วร้ายขนาดนี้ เธอจะประกาศไปแบบนั้นก็ไม่แปลก
เยี่ยมู่ฝานก็ตกใจมาก ความจริงเขานึกมาตลอดว่าน้องสาวเลิกกับเจ้าหน้าขาวนั่นแล้ว
ยังไงเสียในบ้านก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ หลังจากที่น้องสาวกลับมาก็ไม่ได้พูดถึงผู้ชายคนนั้นอีก เขากลัวว่าน้องสาวจะปวดใจก็เลยไม่กล้าพูดถึง แต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เธอจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง
เยี่ยหวันหวั่นตอบไปตรงๆ “ไม่ใช่คนในวงการ เขาทำธุรกิจ พวกคุณก็น่าจะรู้จัก”
ทำธุรกิจ แถมพวกเขายังรู้จัก?
เป็นใครกันแน่นะ!
“หรือว่าเป็นผู้อำนวยการของ YL คนนั้น ก่อนหน้านี้เหมือนเขาจะเปิดเผยว่าเป็นแฟนคลับของเยี่ยไป๋ แถมยังเคยมีข่าวลือฉาวๆ ออกมาช่วงหนึ่งด้วย!”
“ผู้อำนวยการของ YL อายุห้าสิบกว่าแล้วนะ แถมยังเคยแต่งงานแล้วสองครั้ง…”
“คงไม่ใช่ศิลปินในความดูแลของเธอหรอกนะ”
…
ภายใต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์และซักถามอย่างร้อนแรง เยี่ยหวันหวั่นก็เอ่ยปากอย่างไม่ช้าไม่เร็วว่า “เขาแซ่ซือ ซือเยี่ยหาน”
นักข่าวทุกคนในที่นั้นถึงกับพูดไม่ออก
เยี่ยมู่ฝานตกใจ
กงซวี่สงสัย
ลั่วเฉินนิ่งเงียบ
ฟู่หมิงซีก็นิ่งเงียบ
…
นอกจากเป่ยโต่วกับชีซิงที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชื่อซือเยี่ยหานนี้ นักข่าวทุกคนในที่นั้นรวมไปถึงพวกเยี่ยมู่ฝานและหานเซี่ยนอวี่ต่างก็ตะลึงค้างไปแล้ว
เยี่ยมู่ฝานแทบจะกัดลิ้นของตัวเอง จ้องน้องสาวของตัวเองอย่างตกตะลึงและกดเสียงเอ่ยเบาๆ “เชี่ย! หวันหวั่น แก…แกว่าใครนะ คืนนี้แกก็ไม่ได้ดื่มเหล้านี่นา!”
—————————————————————————————
บทที่ 1812 ไม่มีทางให้สถานะ
หลังจากที่พวกนักข่าวตกใจในช่วงสั้นๆ ก็พลันมีเสียงของความวุ่นวายดังขึ้น
นึกไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าเยี่ยหวันหวั่นจะพูดชื่อนี้ออกมา!
ชื่อนี้ พวกเขาไม่ใช่แค่รู้จักนะ
แต่เหมือนฟ้าผ่าหูชัดๆ!
กงซวี่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น นึกว่าตัวเองหูฝาดไปแล้ว “ซือ…ซือเยี่ยหาน…ไม่…ไม่ใช่ซือจิ่วเหรอ”
เฟ่ยหยางอุทาน “สวรรค์!”
นึกไม่ถึงแม้แต่น้อย เรื่องซุบซิบที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้กลับไม่ได้เกิดบนตัวศิลปินคนไหน แต่เป็นเพียงประโยคเดียวจากปากของเยี่ยไป๋
ลั่วเฉินก็มีสีหน้าตื่นตกใจเหมือนกัน ต่อให้ไม่ใช่คนที่สนใจข่าวลือข่าวซุบซิบ ก็ต้องเคยได้ยินชื่อของซือเยี่ยหาน แม้อีกฝ่ายจะไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสื่อและสาธารณะที่ไหนมาก่อน
ทีแรกหานเซี่ยนอวี่ก็ตกใจ จากนั้นจึงหลุบตาลงครุ่นคิดและเหมือนในที่สุดจะเข้าใจบางอย่างแล้ว…
มิน่าล่ะ…เขามักจะรู้สึกว่ากลิ่นอายของผู้ชายคนนั้น สถานะจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน…
คงเป็นเพราะความตกใจที่เยี่ยหวันหวั่นมอบให้เขามาจะมากเกินไปจริงๆ ถึงขั้นว่าเรื่องนี้แม้จะพอทำให้ทุกคนตกตะลึง แต่หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล
ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยไป๋ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอยังมีตำแหน่งเป็นถึงเถ้าแก่ของซิงเฉินกรุ๊ปตำแหน่งนี้ในประเทศจีนเรียกได้ว่าไม่ด้อยไปกว่าตระกูลซือแม้แต่น้อย
กลับเป็นกู้เยว่เจ๋อต่างหากที่มองตัวเองสูงเกินไป เป็นคางคกอยากกินเนื้อหงส์ ไม่รู้จักประมาณตนเอง
ใบหน้าของฟู่หมิงซีก็ปรากฏความรู้สึกวิกฤตเป็นครั้งแรก เขารู้อยู่แล้ว เขารู้อยู่เแล้วเชียว!
ผู้ชายที่ผู้นำถูกใจ จะธรรมดาได้ยังไง!
แต่ไหนแต่ไรทำแต่เรื่องท้าทาย นี่ต่างหากถึงจะเป็นเนื้อแท้ของผู้นำพวกเขา!
นี่…จะทำยังไงดี!
ไม่สิ…ใจเย็น! ใจเย็นๆ! ซือเยี่ยหานเป็นคนจีนนะ!
คนรัฐอิสระห้ามแต่งงานกับคนภายนอกเด็ดขาด ดังนั้นผู้นำก็ได้แค่เล่นกับเขาที่ประเทศจีนเท่านั้น ไม่มีทางให้สถานะเขา! ถูกเผง!
เป่ยโต่วพลันเผยสีหน้ากระจ่างแจ้งออกมา “มิน่าล่ะ หลังจากพี่เฟิงกลับมาก็ให้พวกเราแอบไปสืบร่องรอยของผู้นำตระกูลซือตลอด! นึกไม่เลยว่าจะคบชู้ด้วย!”
ชีซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ ที่เรียกว่ามังกรแกร่งไม่สามารถกดอันธพาลท้องถิ่น อำนาจของตระกูลซือในประเทศจีนนั้นยิ่งใหญ่มาก ซือเยี่ยหานเป็นผู้นำของตระกูลซือ ไม่ใช่คนที่จะยุแหย่ได้ง่ายๆ แน่นอน
เขากลัวว่าผู้นำจะก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกจริงๆ อย่างเช่นไม่เลือกวิธีเพื่อไขว่คว้าสิ่งที่ต้องการ…บังคับให้คนอื่นมาเป็นแฟนหนุ่มของตัวเอง…
ถ้าเยี่ยหวันหวั่นรู้ถึงความคิดในเวลานี้ของชีซิงจะต้องพ่นใส่เขาแน่ เธอเป็นคนที่ถูกบังคับต่างหากเข้าใจไหม
แน่นอนว่าประวัติอันดำมืดอย่างนี้เธอไม่มีทางพูดออกมาเด็ดขาด…
ขณะเดียวกัน
ณ คฤหาสน์อันโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
ในที่สุดหลินเชวียก็กลับคืนหน้าตาเดิมของตัวเอง เขากำลังอุ้มโน้ตบุ๊กพลางอ่านข่าวซุบซิบอย่างอารมณ์ดี
บนโซฟาหน้าเตาผิง ชายหนุ่มเอนศีรษะค้ำหน้าผาก ในมือถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง แต่เห็นชัดได้ว่าความสนใจไม่ได้อยู่บนหนังสือเล่มนั้นเลย
หลินเชวียอ่านไปพลางแสดงความคิดเห็นไปพลาง “จิ๊ๆๆ พี่เก้า พี่ดูผู้หญิงของพี่สิ พอกลับถึงประเทศจีนก็ไม่ได้อยู่นิ่งเลยสักวัน ทั้งวันเอาแต่ก่อเรื่อง…”
“จิ๊ๆๆ ฟู่หมิงซีนี่ไม่ใช่หลานชายของผู้อาวุโสรองคนนั้นของพันธมิตรอู๋เว่ยหรอกเหรอ ดูท่าจะมีแผนการกับยัยตัวประหลาดนะ! พี่เก้าใช้ได้นี่ แบบนี้ยังทนได้!”
“จิ๊ๆๆ กู้เยว่เจ๋อนี่หน้าด้านจริงๆ ยัยตัวประหลาดประกาศตัวตนของตัวเองแล้ว ตอนนี้เป็นถึงเถ้าแก่ใหญ่ของซิงเฉินกรุ๊ป ยังจะถูกใจตระกูลกู้ของเขาอีกเหรอ เขานึกว่ายัยตัวประหลาดยังเป็นสาวน้อยไร้สมองเมื่อตอนนั้นอยู่หรือไง! ไอคิวต่ำจริงๆ เลย! นี่พี่เก้าทนได้เหรอ”
“จิ๊ๆๆ …” หลินเชวียจิ๊ปากต่อ แต่ก็พลันเบิกตากว้าง ไม่รู้ว่าเห็นอะไรเข้า “เฮ้ย! พี่เก้า! พี่รีบดูนี่สิ!”
…………………………..