บทที่ 1813 ชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน / บทที่ 1814 พอใจในสิ่งที่มี

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1813 ชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน

“พี่เก้า! รีบดูวิดีโอนี้เร็ว ยัยตัวประหลาดเธอถึงกับ…”

ซือเยี่ยหานไม่ได้มองโน้ตบุ๊กที่หลินเชวียอุ้มเข้ามา แต่กลับหันไปมองหลินเชวีย

หลินเชวียพลันเสียวสันหลังวาบ กลืนน้ำลายแล้วเอ่ยว่า “ผมผิดไปแล้วๆ …พูดผิด! พี่สะใภ้ๆ!”

ยกโทษให้เขาเถอะ ไม่ว่าตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน แต่รูปลักษณ์ที่แทงตาของเยี่ยหวันหวั่นในตอนนั้นก็ฝังลึกลงในจิตวิญญาณของเขาแล้ว

หลังจากหลินเชวียเปลี่ยนคำเรียก ซือเยี่ยหานจึงค่อยวางสายตาลงบนโน้ตบุ๊กอย่างให้ทาน

หลินเชวียจึงลากวิดีโอย้อนฉายใหม่อีกครั้งทันที

เห็นแค่ว่าในวิดีโอเป็นเทปสัมภาษณ์ แวบเดียวซือเยี่ยหานก็เห็นหญิงสาวที่ถูกกลุ่มคนห้อมล้อมอยู่ตรงกลาง

นักข่าวถามคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเยี่ยหวันหวั่นกับกู้เยว่เจ๋อ ไม่ก็อยากกลับไปคืนดีกับอีกฝ่ายหรือเปล่า

‘สายตาฉันไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ’ เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากท่ามกลางเสียงที่ดังสับสนวุ่นวาย

หลังจากนักข่าวยกข้อสงสัยขึ้นมาถามอีกครั้ง หญิงสาวก็พูดต่อ ‘สายตาของฉันเมื่อตอนนั้น…เอ่อ…อาจจะพิสดารไปสักหน่อยก็จริง…แต่ ตอนนี้ฉันมีแฟนแล้ว ขอสหายสื่อทุกท่านอย่าเชื่อถือข่าวลือ’

เมื่อครู่หลินเชวียเพิ่งจะดูวิดีโอนี้จบ เขาก็เหลือบมองไปที่พี่เก้าของตนที่ดูเหมือนจะเผยสีหน้าที่น่าเกลียดเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น เขาจึงจงใจพูดให้คาใจ “หึๆ พี่เก้า พี่คิดว่าแฟนของพี่สะใภ้คือใคร”

‘ไม่ใช่คนในวงการบันเทิง เขาทำธุรกิจ พวกคุณก็น่าจะรู้จัก’ ในวิดีโอหญิงสาวเอ่ยปาก

ทำธุรกิจ…นักข่าวก็รู้จัก…

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย ‘เขาแซ่ซือ ซือเยี่ยหาน’

ชั่วพริบตาที่ได้ยินชื่อของตัวเอง นัยน์ตาอันลุ่มลึกของซือเยี่ยหานก็พลันหดลีบลง

เมื่อหลินเชวียเห็นท่าทางตกตะลึงเล็กน้อยของซือเยี่ยหานเหมือนดังที่คาดการณ์ไว้ก็พอใจทันที เขาจึงเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ตอนนี้บนเน็ตฯ ลือไปทั่วแล้ว แฟนพี่เก้าป่าวประกาศไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตเลยนะ!”

ที่ผ่านมาเยี่ยหวันหวั่นมีท่าทางเหินห่างสุดฤทธิ์กับซือเยี่ยหานมาตลอด เพราะกลัวว่าคนอื่นจะล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับซือเยี่ยหาน นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้เธอกลับบอกต่อหน้านักข่าวมากมายว่าซือเยี่ยหานเป็นแฟนของเธอประโยคนี้ออกมา

นิ้วเรียวจิ้มบนหน้าจอโน้ตบุ๊กหนึ่งครั้ง วิดีโอก็ถูกย้อนกลับไปฉายประโยคที่ว่า ‘ฉันมีแฟนแล้ว’ ‘เขาแซ่ซือ ซือเยี่ยหาน’ ของเยี่ยหวันหวั่นซ้ำไปซ้ำมา

……

วิดีโอช่วงที่เยี่ยหวันหวั่นให้สัมภาษณ์เพิ่งจะถูกปล่อยออกไปก็ว่อนไปทั่วทั้งอินเตอร์เน็ตแล้ว ไต่ขึ้นหัวข้อข่าวใหญ่ต่างๆ อย่างรวดเร็ว

บุคคลที่เกี่ยวข้องในข่าวรักใคร่ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นเถ้าแก่หลังม่านที่เพิ่งเปิดเผยตัวของซิงเฉินกรุ๊ป อีกคนหนึ่งเป็นผู้นำตระกูลลึกลับของตระกูลซือที่ไม่เคยเผยใบหน้ามาก่อน ความร้อนแรงนี้ ระเบิดระเบ้อกว่ากู้เยว่เจ๋อที่จ่ายเงินก้อนโตเพื่อโปรโมตข่าวเป็นร้อยเท่าเสียอีก

กู้เยว่เจ๋อย่อมเห็นวิดีโอสัมภาษณ์นี้แต่แรกแล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาเพิ่งส่งข้อความเชิญเยี่ยหวันหวั่นไปกินข้าว แต่กลับถูกปฏิเสธ นึกไม่ถึงว่าผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง เธอก็ปรากฏตัวในวิดีโอของนักข่าวแล้ว แถมยังแสดงความคิดเห็นแบบนี้ต่อหน้าทุกคน

ซือเยี่ยหาน…คือแฟนของเธอ?

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างนี้ออกมาต่อหน้าทุกคน เกรงว่าคงถูกหัวเราะเยาะจนฟันหัก แต่ตอนนี้ด้วยสถานะเถ้าแก่หลังม่านของซิงเฉินกรุ๊ป คำพูดนี้เหมือนจะมีความน่าเชื่อถืออยู่หลายส่วน

แต่เขากลับชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน ระหว่างเธอกับซือเยี่ยหาน อย่างมากก็มีความสัมพันธ์แบบคู่นอนเท่านั้น

ถ้าเป็นคู่รักที่จริงๆ จังๆ ซือเยี่ยหานจะกักขังเธออยู่ในจิ่นหยวนเหมือนกับทาสได้ยังไง แถมยังบอกให้เฉินเมิ่งฉีมาขอร้องเขาให้ช่วยพาตัวเองออกมา

อีกฝ่ายมองเธอเป็นแค่ของเล่นเท่านั้น…

————————————————————————

บทที่ 1814 พอใจในสิ่งที่มี

ต่อมาเขาก็ได้ยินเฉินเมิ่งฉีพูดว่า ครั้งนั้นเป็นเพราะระหว่างทางถูกซือเยี่ยหานพบเข้าจึงไม่ได้หนีไปกับเขา เฉินเมิ่งฉีก็บอกว่าเยี่ยหวันหวั่นยังขอให้เขาไปช่วยเธออีกครั้ง

แต่ตอนนั้นเขาหมั้นกับเยี่ยอีอีแล้ว และเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่มีค่าอะไรอีก เขาจะไปเสี่ยงอันตรายล่วงเกินซือเยี่ยหานเพื่อเธออีกได้ยังไง

เขารู้ประวัติอันดำมืดนี้ของเยี่ยหวันหวั่นดี แถมยังไม่ถือโทษกับเรื่องที่แล้วมา เธอก็น่าจะพอใจในสิ่งที่มีแล้ว

แต่เยี่ยหวันหวั่นในตอนนี้ ฉลาดกว่าเยี่ยหวันหวั่นในตอนนั้นมากจริงๆ

ถ้าเธอจงใจใช้วิธีนี้มายั่วโมโหเขา งั้นเธอก็ทำสำเร็จแล้ว เพราะมันดึงดูดความสนใจและความอยากเอาชนะของเขาเข้าแล้วจริงๆ

ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ไม่อาจรับได้ที่ผู้หญิงของตัวไปป่าวประกาศว่าผู้ชายคนอื่นเป็นแฟนของเจ้าตัว

เขารู้ดีว่าเยี่ยหวันหวั่นทำแบบนี้เพื่ออะไร

เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะลงใจมากมายไปกับตัวของเยี่ยหวันหวั่น เพราะสำหรับเขาแล้วผู้หญิงคนนี้ก็อยู่แค่เอื้อมเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะต้องขยับคุณค่าที่แท้จริงสักหน่อยแล้ว

…….

เนื่องจากเยี่ยหวันหวั่นพลันประกาศข่าวที่สะเทือนเลือนลั่นนี้ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน แต่ตามไปด้วยกันที่คฤหาสน์กุหลาบของเยี่ยหวันหวั่น

เป้าหมายย่อมต้องไปเพื่อซุบซิบนินทา

“หวันหวั่น ฟะ…แฟนแกคือซือเยี่ยหานจริงๆ เหรอ” เยี่ยมู่ฝานถูมือไปมาพลางถามอย่างตื่นเต้นสุดๆ

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ใช่ ทำไมเหรอ”

เยี่ยมู่ฝานเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังทันที “อืม หวันหวั่น ฉันรู้สึกว่าตัวเลือกน้องเขยคนนี้…ไม่เลวเลย แกต้องจับไว้แน่นๆ อย่าพลาดเชียวนะ ช่วงนี้นิสัยแกยิ่งดุร้ายขึ้นทุกที ปกติกับฉันที่เป็นพี่ชายก็แล้วไป แต่กับแฟนห้ามทำแบบนี้ จะทำคนเขากลัวจนหนีไปได้ ต้องอ่อนโยนกับแฟนแกหน่อย ถ้าแกทำไม่เป็น พี่ชายสอนแกได้นะ!”

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก พอได้แล้ว!

เยี่ยหวันหวั่นเผยสีหน้าหมดคำพูดออกมา “ก่อนหน้านี้พี่ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นไอ้หน้าขาวหลอกเอาเงินเอาเซ็กส์หรอกเหรอ”

เยี่ยมู่ฝานเอ่ย “เหลวไหล ต่อให้หลอกเอาเงินเอาเซ็กส์ งั้นก็น่าจะเป็นแกที่หลอกเขาเหอะ!”

เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด

เธอไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้นแล้ว!

ประโยคนี้ตอนนั้นเธอเป็นคนพูดกับเยี่ยมู่ฝานแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับถูกเยี่ยมู่ฝานหยิบมาตอกกลับเธอ…

“พี่เยี่ย! พี่ก็เจ๋งเกินไปแล้ว! ทำยังไงถึงได้คว้าประธานของซือกรุ๊ปมาอยู่ในมืออย่างไม่ให้สุ้มให้เสียงได้!” กงซวี่กระโดดขึ้นกระโดดลงข้างๆ ตัวเธอด้วยสีหน้านับถือ

เยี่ยหวันหวั่นถูกกวนจนปวดหัว “ไม่ให้สุ้มให้เสียงอะไร ก็ไม่ใช่ว่าเคยแนะนำให้พวกนายรู้จักแล้วหรอกเหรอ”

“แต่ตอนนั้นพี่ไม่ได้บอกว่าเขาคือซือเยี่ยหานนี่!” เมื่อกงซวี่นึกถึงว่าตอนนั้นตัวเองยังเกือบเคยยั่วยุอีกฝ่ายใบหน้าก็แทบผุดเหงื่อเย็นออกมาแล้ว

“ซือเยี่ยหานอะไรนั่นหน้าตาเป็นยังไงกันแน่ หล่อขนาดไหนกัน มีรูปให้ดูหน่อยไหม” เป่ยโต่วรีบเอ่ยถาม

“ไม่มีรูปจริงๆ แต่เอาเป็นว่าหล่อมาก หล่อจนทำพี่เบี่ยงเบนได้เลย!” กงซวี่เอ่ยปาก

เป่ยโต่วขมวดคิ้ว “ทำฉันเบี่ยงเบนได้ งั้นบนโลกนี้จริงๆ ก็มีไม่กี่คน!”

หล่อถึงระดับนั้นที่เขานึกออกเหมือนจะมีแค่ผู้นำอาชูร่ากับจี้หวง…

ความจริงเจ้าสวะหมาก็หล่อมาก เจ้าสวะหมาหล่อถึงขั้นล่อลวงคนได้เลย แต่ท่านนั้นไม่ได้ทำเขาเบี่ยงเบนด้วยความหล่อ แต่อัดเขาจนเบี่ยงเบนได้…

เป่ยโต่วไม่ใส่ใจคำพูดของกงซวี่มากมาย “ฉันว่าพวกนายไม่ค่อยได้เห็นโลกกว้างแล้ว ไว้จะพานายไปดูว่าอะไรคือหล่อของจริง!”

“ผู้นำ! ผู้นำจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ!” ในที่สุดฟู่หมิงซีก็ทนไม่ไหว ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน

……………………………………