แสนรัก : “……..”
ในวินาทีนั้น เขากัดฟันกรอดจนเกิดเสียงดังเอี๊ยด แทบทนไม่ได้ที่จะจับตัวผู้หญิงคนนี้โยนออกไปทันที!
คือเขาเสียสติไปแล้วหรือเปล่า ถึงยอมตกลงให้เธอเข้ามา
เขาปิดประตูห้องเสียงดัง “ปัง” กระโดดขาเดียวไปยังโต๊ะเล็กๆด้านหน้าแล้วนำสมุดโน้ตที่วางอยู่ด้านบนโยนเข้าไปในลิ้นชักอย่างจัง
นั่นคือสมุดโน้ตที่บันทึกข้อมูลสำคัญเอาไว้มากมาย มีทั้งภาพบุคคล ยังมีสูตรเคมี เยอะแยะมากมาย ซึ่งบันทึกไว้เป็นเวลานานมากแล้ว และหน้าสุดท้ายเป็นแผนที่ห่วงโซ่เงินทุน ที่เขาวาดเอาไว้เมื่อเช้าวันนี้
เส้นหมี่รอเพียงแค่สิบนาทีก็ขึ้นมาแล้ว
“แสน….”
“ตึง”
ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง หลังจากสิ้นเสียงดังลั่น ประตูทั้งบานก็ถูกผู้ชายคนนี้เปิดออกมาเสียงดังปึงปัง
เส้นหมี่ทำได้เพียงแค่กลืนน้ำลายลงคอ หัวเราะแห้งๆ : “เหอะๆ คุณแสนรัก เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ? งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
เธอเหมือนกับสุนัขรับใช้ตัวหนึ่งจริงๆ ที่ต้องคอยแกล้งทำดีเอาใจเขา
รู้ไหมว่า สีหน้าอารมณ์ของเขาในนาทีนี้ ดูเหมือนกับจะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ
แต่ โชคดีก็คือ ไม่รู้ว่ารำคาญกับการรบกวนของเธอหรือเปล่า สุดท้ายผู้ชายคนนี้จึงยอมนั่งบนรถเข็นและยอมลงไปพร้อมกับเธอ
ดังนั้นในไม่กี่นาทีต่อมา พวกคนใช้ของเดอะวิวซีที่คอยยืนดูเรื่องราวทั้งหมด หลังจากที่เห็นพวกเขาลงมาข้างล่างแล้ว ก็นับถือเส้นหมี่ราวกับก้มกราบเบญจางคประดิษฐ์ สายตาต้อนรับเธอราวกับว่าเธอดั่งเป็นเทพเจ้า
เส้นหมี่เข็นคนคนนี้ไปยังห้องรักษาที่เธอจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“คุณแสนรักคะ วันนี้พวกเราจะทำคลื่นสมองให้กับคุณ โอเคไหมคะ?”
ภายในห้องรักษาที่ตกแต่งอย่างตระการตา เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ทดสอบต่างๆ อย่างครบครัน ในตอนนั้นที่ไพบูลย์ให้เขาออกจากโรงพยาบาล ไชยันต์ก็บอกเขาจัดเตรียมสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้พร้อม
แสนรักนอนลงไปด้วยสีหน้าอันไร้อารมณ์
นี่คือเรื่องน่าแปลกเรื่องหนึ่ง ทั้ง ๆ ตอนที่เขาอยู่ในห้อง โมโหอาละวาดใส่เธอขนาดนั้น แต่หลังจากที่มาถึงที่นี่ กลับไม่มีการขัดขืนใดๆ
เส้นหมี่เห็นเข้า ทันใดนั้นก็รู้สึกดีใจ
เธอสวมเสื้อกาวน์ หลังจากที่เข้ามานำเอาอุปกรณ์ยึดแน่นไว้กับศีรษะของเขาแล้ว เธอจึงก้มลง จู่ ๆ ก็ยื่นนิ้วหนึ่งนิ้วออกมาอยู่เหนือระดับสายตาของเขา
“คุณแสนรัก คุณลองดูที่นิ้วมือของฉันสิ?”
“……”
สายตาแสนเย็นชาทั้งคู่นั้น ในนัยน์ตาอันมืดมิดของสระน้ำอันเย็นยะเยือกก็จ้องมองออกไปอย่างนั้น
เส้นหมี่กลั้นหายใจเอาไว้ชั่วครู่ และค่อยๆแอบกดนาฬิกาพกที่อยู่ในกระเป๋า
“ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก…”
มันเสียงหนึ่งที่มีจังหวะเป็นอย่างมาก ราวกับว่ามันดังมาจากป่าอันแสนไกล เงียบและอยู่ไกลแสนไกล
ม่านตาของแสนรักก็ค่อยๆ ปิดลง
เส้นหมี่มองเห็นอย่างชัดเจน ทันใดนั้นก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เธอรีบหมุนตัวกลับทันที มองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเครื่องสแกนคลื่นสมอง
กลับพบว่า ในที่สุดหลังจากคนคนนี้ถูกตัวเองทำการสะกดจิตแล้วนั้น สมองของเขาที่เดิมไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในที่สุดก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงในคอมพิวเตอร์แล้ว เหมือนกับคลื่นเล็กที่ถูกลมพัดปลิว เคลื่อนไหวอยู่ขึ้นๆลงๆอย่างนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ได้ผลแล้วจริงๆ!
เส้นหมี่ดีใจสุดขีด เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออกไปโดยทันที : “ด็อกเตอร์ฮาชิดะ มีแล้วค่ะ เขามีการเคลื่อนไหวแล้วจริงๆค่ะ”
“แน่นอนสิ คุณทำตามวิธีของผม บวกกับการช่วยเหลือของเครื่องสแกนสมอง ก็สำเร็จได้โดยง่าย งั้นตอนนี้ คุณสามารถกระซิบเรื่องเหล่านั้นที่คุณอยากจะให้เขาจำได้ที่ข้างๆ หูของเขา แต่ คุณต้องจำเอาไว้ คุณเพิ่งจะเรียนรู้การสะกดจิตถ้าหากมีอะไรที่ผิดปกติ จำไว้ว่าจะต้องหยุดโดยทันที”
เสียงของคนเจแปนลอยผ่านออกมาทางโทรศัพท์ ในขณะที่สอนเธอสำหรับขั้นตอนต่อไป ก็ไม่ลืมที่จะกำชับเรื่องสำคัญกับเธอด้วย
เส้นหมี่รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เธอวางสายโทรศัพท์และเดินมายังด้านหน้าของผู้ชายคนนี้ที่ถูกตัวเธอสะกดจิตไว้
เธออยากให้เขาจำเรื่องอะไรได้ล่ะ?
จริงๆแล้ว มีเยอะมาก
เธออยากให้เขาจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร ก็อยากให้เขาจำได้ชีวิตอันรุ่งโรจน์ของเขาเมื่อก่อน และยังมีเรื่องราวต่างๆนานาระหว่างพวกเขา รวมทั้งลูกๆของพวกเข้าด้วย
แต่ เมื่อเธอลูบใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาที่กำลังนอนหลับใหลอยู่อย่างเบาๆ น้ำตาก็ร่วงหล่นลงมา และพูดออกมาเพียงหนึ่งประโยคว่า : “กลับมาเถอะ พี่ชาย ฉันต้องการพี่มากจริงๆ”
เธอจูบริมฝีปากปากของเขาอย่างอ่อนโยน
คลื่นสมองบนหน้าจอเคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง!
ราวกับว่ากำลังถูกสิ่งของอะไรบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจัง หลังจากที่มันเคลื่อนไหวขึ้นลงหนักมาก ความถี่ก็เริ่มมั่วแล้ว รูปร่างของคลื่นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
เขาได้ยินแล้วว่าใครกำลังเรียกเขาอยู่?
และใครกำลังจูบเขา?
ความคุ้นเคยแบบนั้น
ในความมืดมิดแสนรักเป็นเสมือนกระดาษว่าวที่กำลังดิ้นรนอย่างแสนสาหัส เขาแทบทนไม่ไหวที่จะมองดูสิ่งของที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก แต่ เขายังไม่ทันที่จะจับเธอไว้
ทันใดนั้น สีแดงสดแถบใหญ่ก็ตกลงมาจากศีรษะของเขา
“พี่ชาย พี่ต้องมีชีวิตอยู่ จำได้ไหม…”
“ลูกรัก มีชีวิต….อยู่…”
“มีชีวิตอยู่ จะต้องมีชีวิตอยู่….”
“!!!!”
เส้นหมี่ตกใจมาก
เธอมองดูผู้ชายคนที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงผู้ป่วยทั้ง ๆ ที่กำลังหลับตาทั้งสองข้างอยู่แต่บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างหวาดกลัว ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบพุ่งไปจับเขาไว้และถอดอุปกรณ์เหล่านั้นที่เชื่อมต่ออยู่บนศีรษะเขาออก
“คุณแสนรัก ตื่นขึ้นมาค่ะ!”
“แสนรัก คุณตื่นสิคะ ตื่นสิ!”
แต่ กลับไม่ได้ผล
ผู้ชายคนนี้ที่ถูกเธอสะกดจิตจนตกลงไปในหลุมลึกอันมืดมิด ก็ยิ่งดินทุรนทุรายหนักยิ่งขึ้น
บนหน้าผากสีซีดขาวของเขาเริ่มปรากฏให้เห็นเหงื่อเม็ดใหญ่ ภายในลำคอกลับมีเสียงตะโกนคำรามทุ้มต่ำออกมาราวกับสัตว์ป่าที่ถูกจับมัดไว้ คนทั้งคนมองดูแล้วช่างน่ากลัวสุดขีด