ขณะกำลังวิ่งอยู่ ท่าป๋าหั่นหลินกลับรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ จึงคิดออกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่อยู่ในภาพวาดของเมิ่งเชี่ยนโยว เมื่อได้สติ ตั้งสติเล็กน้อย มองดูทิศทาง วิ่งไปทางสัญลักษณ์ที่เมิ่งเชี่ยนโยวทำไว้ให้
อ๋องฉีไม่กล่าวสิ่งใด ไม้ในมือโยนมายังร่างของท่าป๋าหั่นหลินไม่หยุด
ท่าป๋าหั่นหลินวิ่งไปอย่างสุดแรง ถูกไม้ฟาดเข้าไปหลายที จงใจร้องเสียงดังสนั่นออกมา
พระชายาออกมาจากเรือน มองเห็นสถาณการณ์ชุลมุนด้านหน้า ไม่รู้ว่าเหตุใด รู้สึกขำขัน ความโกรธในใจที่มีต่อท่าป๋าหั่นหลินมลายหายไป
เสียงของท่าป๋าหั่นหลินเสริมด้วยพลังภายใน ดังสนั่นไปทั่วทุกมุมของจวนอ๋อง
หวงฝู่สือเมิ่งและเยียลี่ว์อาเป่าได้ยินดังนั้น ชะงักไปพร้อมกัน จากนั้นก็อุ้มลูกรีบวิ่งออกมาดู
หวงฝู่เย่าเย่ว์ได้ยินเช่นกัน มือขยับผิดทิศทาง ถูกเข็มทิ่มเอา มองดูมือที่เต็มไปด้วยเลือด อย่างล่องลอยไร้สติ
หลังผ่านมรสุมวุ่นวายไปแล้ว ท่าป๋าหั่นหลินถูกทุบไปหลายที เจ็บไปทั้งร่าง อ๋องฉีเหนื่อยหอบ หยุดลง ยืนหายใจหอบที่เดิม
ท่าป๋าหั่นหลินปรับลมหายใจของตน เดินเข้าหาอ๋องฉีอย่างระวัง “ท่านปู่ขอรับ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือ…”
“ไม่…” ยังไม่ทันพูดออกมา ไม้ในมือของอ๋องฉีก็ลอยเข้ามา
ท่าป๋าหั่นหลินหลบหลีกอย่างยากลำบาก เมื่อจะเปิดปากพูด เมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้นำชิงหลวนและจูหลีมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อเห็นภาพตรงหน้า จึงได้กล่าวกับทั้งสองด้วยเสียงดังว่า “ไล่เขาออกไป จะเป็นตายไม่ว่ากัน!”
ชิงหลวนและจูหลีตอบรับ กระโจนเข้ามา พร้อมกับลงมือท่าป๋าหั่นหลิน
ท่าป๋าหั่นหลินปัดป้องเป็นพัลวัน อย่างไรเสียเขาถูกทุบหลายที ทั้งยังถูกอ๋องฉีไล่ตามอยู่นาน แรงเขาไม่พอ และยังถูกโจมตีซ้ำ เมื่อเห็นว่ากำลังจะเพลี่ยงพล้ำให้แก่ทั้งสอง ท่าป๋าหั่นหลินจึงไม่ทนต่อ หาโอกาส หนีออกไปจากช่องห่างระหว่างตัวของทั้งสอง วิ่งไปยังประตูจวน วิ่งไปพร้อมตะโกนไปว่า “ท่านปู่ ท่านย่า ข้าขอลาก่อน วันพรุ่งนี้จะมาใหม่!”
พูดจบ ก็ได้วิ่งออกไปไกลแล้ว
เยียลี่ว์อาเป่างุนงง มองดูร่างที่มุดออกจากจวนอ๋องอย่างไม่คาดคิด
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มในใจ สีหน้ายังคงเคร่งขรึม สั่งว่า “สั่งคนในจวน ว่าหากท่าป๋าหั่นหลินกล้าเหยียบเข้ามาที่นี่แม้ครึ่งก้าว ข้าจะทุบให้ขาเขาหักจนได้”
พระชายาอ้าปากค้าง หวังจะเอ่ยบางอย่าง แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่ยินดีของอ๋องฉี จึงได้กลืนคำพูดลงไป
ท่าป๋าหั่นหลินกัดฟันกลับจวน ไทเฮาเห็นดังนั้น แน่ใจว่าจะต้องถูกใครทำร้ายมาเป็นแน่ จึงรีบสั่งคนไปเรียกหมอหลวงมา แต่ถูกเขาปรามเอาไว้ “เสด็จแม่ เหล่านี้ต่างเป็นแผลด้านนอก พักสักคืนก็หายแล้วขอรับ”
คิดถึงภาพที่เขานอนไม่ได้สติ ไทเฮากลัวยิ่ง ดึงดันให้คนไปตามหมอหลวงมา
ท่าป๋าหั่นหลินทำได้เพียงเล่าเรื่องวันนี้ให้นางฟัง สุดท้ายหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “วันก่อน ท่านแม่ยายมอบแผนที่ให้ข้าแผ่นหนึ่ง ข้ายังคิดไม่ตก ว่าเอามาทำสิ่งใด วันนี้เพิ่งได้รู้ ว่าเพื่อให้ข้าหลบหนีนั่นเอง”
ไทเฮาได้ยินดังนั้น จึงได้วางใจ ยื่นมือออกมา ตบไหล่ของเขาเบาๆ “เช่นนี้ แม่ก็วางใจแล้ว”
บริเวณที่นางตบ ตรงกับจุดที่ท่าป๋าหั่นหลินถูกทำร้ายพอดี กัดปากร้องเสียงดัง “เสด็จแม่ ข้าเป็นลูกของท่าน เบามือสักหน่อยได้หรือไม่ขอรับ”
ไทเฮายิ้มออก จงใจตบที่เดิมสองครั้ง “เจ้าไม่ต้องพูดดังเช่นนี้ก็ได้ แม่ได้ยินแล้ว หากเจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่ บัดนี้แม่คงนั่งเป็นไทเฮาอยู่ที่วังหลวงของรัฐอิง มีเหตุใดต้องมาอยู่ที่นี่ เป็นกังวลเรื่องของเจ้าอยู่ทุกวันคืน”
ท่าป๋าหั่นหลินไม่ร้องอีกแล้ว เผยสีหน้ารู้สึกผิดออกมา “เสด็จแม่ ขออภัยขอรับ เพื่อลูก ทำให้ท่านต้องลำบากด้วย”
ไทเฮาเพียงแต่เอ่ยลอยๆ ไม่ได้หมายความเช่นนั้น เมื่อได้ยิน จึงจงใจตบไหล่ของเขาแรงกว่าเดิม “ในเมื่อเจ้ารู้สึกผิดกับแม่ เช่นนั้น ก็จงรีบรับเย่ว์เอ๋อร์กลับไปโดยเร็ว”
กล่าวจบ จึงได้ยิ้มพร้อมหันหลังเดินออกไป
ด้านหลังมีเสียงของท่าป๋าหั่นหลินดังตามมา “เสด็จแม่ ข้าต้องไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่านเป็นแน่”
วันที่สอง ท่าป๋าหั่นหลินไปยังจวนอ๋องอีกครั้ง เพียงแต่ว่า ครั้งนี้ในจวนมีทหารจำนวนมาก
นายประตูเข้ามารับหน้าดังเดิม เพียงแต่ครั้งนี้เปลี่ยนคำพูด “ซื่อจื่อเฟยบอกเอาไว้ว่า ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีประตูบานหนึ่ง ไม่มีผู้ใดดูแล ท่านสามารถเข้าไปจากทางนั้นได้ขอรับ”
ท่าป๋าหั่นหลินพยักหน้าเล็กน้อย จงใจเดินหน้าต่อไป
ทหารเห็นดังนั้น จึงได้กรูเข้ามา แสดงอาวุธ หัวหน้าเอ่ยว่า “ท่านอ๋องสั่งว่า ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าออก ผู้ฝ่าฝืนให้ตัดหัวได้เลย”
ท่าป๋าหั่นหลินลังเลเล็กน้อย ถอยหลังอย่างจนปัญญา หันหลังขึ้นม้า มายังประตูข้าง ผูกม้าเอาไว้กับต้นไม้ กระโดดข้ามประตูไปอย่างง่ายดาย บ่าวในจวนมายังเรือนหลักด้วยสายตาประหลาดใจ
เกิดเหตุชุลมุนขึ้นอีกครั้ง เสียงร้องของท่าป๋าหั่นหลินดังขึ้นยิ่งกว่าวันก่อน
หวงฝู่เย่าเย่ว์ได้ยิน รีบวางงานในมือลง หยิบผ้าบางขึ้นมา คลุมหัวตัวเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งให้ชิงหลวนและจูหลีไล่เขาออกไปอีกครั้ง
วันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้า…ท่าป๋าหั่นหลินต่างได้รับการชี้แนะ ให้เข้าไปในจวนด้วยวิธีต่างๆ
กระทั่งเยียลี่ว์อาเป่าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมเขา ถามหวงฝู่สือเมิ่งว่า “เจ้าว่า เหตุใดท่าป๋าหั่นหลินผู้นี้จึงได้คุ้ยชินกับทางในจวนเช่นนี้หรือ รู้ชัดเสียงยิ่งกว่าข้าที่อาศัยอยู่ในจวนเสียอีก”
หวงฝู่สือเมิ่งเม้มปากไม่พูดจา ทหารในจวนอ๋องฉีมีจำนวนมาก อย่าว่าแต่ขวางท่าป๋าหั่นหลินคนเดียวเลย ต่อให้แมลงวันบินเข้ามาก็ต้องถูกพบ เหตุที่ท่าป๋าหั่นหลินสามารถเข้ามาในจวนจากที่ต่างๆ แสดงว่ามีคนจงใจปล่อยเขาเข้ามา ส่วนคนนั้น นอกจากแม่แท้ๆ ของนางแล้ว ไม่มีผู้อื่นเป็นแน่
หลายวันติดต่อกัน ที่เสียงร้องของท่าป๋าหั่นหลินดังขึ้นในจวนอ๋อง ดังมากขึ้นทุกวัน น่าสงสารขึ้นทุกวัน ทำเอาหวงฝู่เย่าเย่ว์ที่ยามนอน ยังฝันถึงเสียงร้องของเขา
ผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดหวงฝู่เย่าเย่ว์ทนไม่ไหวอีกแล้ว เช้ามาวันนี้ จึงได้ไปยังประตูจวน รอการมาถึงของท่าป๋าหั่นหลิน หวังจะจัดการกับเขาด้วยตัวเอง ให้เขาไสหัวกลับรัฐอิงไป
เมิ่งเชี่ยนโยวได้รับรายงาน มุมปากยิ้มออกมา เรียกชิงหลวน สั่งนางสองสามคำ
ชิงหลวนได้รับคำสั่ง ย่องเดินออกไปจากประตูข้างจวน ขวางท่าป๋าหั่นหลินกลางทาง นำคำของเมิ่งเชี่ยนโยวบอกแก่เขา
ท่าป๋าหั่นหลินไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไม่ได้ไปที่ประตูของจวนอ๋อง แต่ไปอีกทางหนึ่ง เข้าไปในจวนอ๋องผ่านประตูข้าง
เมื่อเสียงร้องของท่าป๋าหั่นหลินดังขึ้นในจวนอีกครั้ง หวงฝู่เย่าเย่ว์โกรธจนหน้าดำ ไปยังเรือนหลักโดยไม่คิดชีวิต เพื่อห้ามท่านอ๋อง หยิบไม้ในมือของเขามา “ท่านปู่ ข้าเอง!”
อ๋องฉีหยุดฝีเท้าลง มอบท่อนไม้ให้นาง
ในที่สุดก็ได้เห็นนางแล้ว สายตาของท่าป๋าหั่นหลินยินดีขึ้นมา เอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า “เย่ว์เอ๋อร์”
ดวงตาของหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ขยับแม้แต่น้อย โบกท่อนไม้ทุบมาทางเขา
ท่าป๋าหั่นหลินไม่ขยับ ปล่อยให้นางทุบตีตามร่างกายของตน ใบหน้ามีเพียงรอยยิ้ม
คิดถึงแผนการณ์ที่เขามีต่อนาง คิดถึงที่ตนถูกเฉยเมยยามครั้งแรกที่เข้าวังมา คิดถึงยามเขาค้างคืนกับตำหนักอื่น ความลำบากที่ตนได้พานพบ คิดถึงยามที่เขาบอกความจริงอันโหดร้ายกับตน บังคับให้ตนดื่มยาขับเลือดลงไป หวงฝู่เย่าเย่ว์ควบคุมมือไม่ได้ ทุบตีไปบนร่างของท่าป๋าหั่นหลินอย่างเสียสติ
ในจวนเงียบสงัด ทุกคนมองภาพตรงหน้าเงียบๆ
ไม่รู้ว่านานเท่าใด หวงฝู่เย่าเย่ว์หมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้ม ยังคงไม่ยั้งมือ
ท่าป๋าหั่นหลินปวดใจยิ่ง ยื่นมือออกมา โอบกอดนาง “เย่ว์เอ๋อร์ ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ…”
“เจ้าอย่ามาแตะต้องตัวข้า!”
หวงฝู่เย่าเย่ว์กรีดร้องออกมา ท่อนไม้ในมือโบกขึ้นมาอีกครั้ง
“ปัง!” เสียงดังขึ้นจากศีรษะของท่าป๋าหั่นหลิน
ขณะนั้น เลือดแดงสดไหลออกมาจากหน้าผากเขา บาดตาหวงฝู่เย่าเย่ว์ยิ่งนัก
ดวงตาท่าป๋าหั่นหลินมืดลง ร่างโอนอ่อน ยังคงยิ้มพร้อมเอ่ย “เย่ว์เอ๋อร์ ข้ามิเป็นไร เจ้าอย่ากังวล…”
“อยากให้ข้าอภัยให้ มีทางเดียวคือไปตายเสีย!” หลังหวงฝู่เย่าเย่ว์ตะโกนออกมาสุดเสียง ทิ้งท่อนไม้ลง หันหลังเดินออกไป
ท่าป๋าหั่นหลินยิ้มเวทนา ถามด้วยเสียงอ่อนแรง “เย่ว์เอ๋อร์ เจ้าต้องการให้ข้าตายจริงๆ หรือ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์หยุดฝีเท้า หันหลัง กล่าวอย่างดุร้ายว่า “ใช่ ข้าอยากให้เจ้าตาย ตายบัดนี้เลย”
เลือดสดไหลไม่หยุด ปิดตาของท่าป๋าหั่นหลิน ดวงตาเขาพร่ามัว มองหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ชัด แต่ยังคงยิ้มพร้อมพยักหน้า “ได้ เช่นนั้น ข้าจะทำให้เจ้าพอใจ”
พูดจบ ลุกขึ้น พุ่งชนต้นไม้ด้วยความรวดเร็ว
ปัง! ต้นไม้สั่นคลอน ร่างท่าป๋าหั่นหลินนอนราบที่พื้น เลือดไหลไม่หยุด
“ท่าป๋าหั่นหลิน!”
ได้ยินเสียงหวงฝู่เย่าเย่ว์ตะโกนขึ้นมาด้วยความตระหนก
ท่าป๋าหั่นหลินยิ้มอ่อน สูญเสียความรู้สึกสุดท้ายไป