เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1906 เขาคือฟางหยวน
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
เฉินกงเจิ้งบินเข้าไปหาปีศาจอมตะและแสดงออกด้วยความตื่นเต้น
“ในที่สุดข้าก็พบท่าน บรรพชนเฉินซาน!” เฉินกงเจิ้งตะโกนเสียงสั่น
แรงจูงใจที่แท้จริงของเขาในการมาที่นี้คือการช่วยเฉินซาน
เฉินซานเป็นผู้อมตะที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลเฉิน เขาเป็นอัจฉริยะที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน เมื่อเขายังเป็นผู้อมตะระดับหก ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งปัญญากล่าวว่าเขาจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีพลังถึงระดับเก้า เขาจะเป็นผู้นําของทะเลตะวันออกเป็นเวลาหลายร้อยปี
อย่างไรก็ตามเฉินซานที่ไล่ล่าความแข็งแกร่งกลับเดินเข้าสู่เส้นทางสายปีศาจและเริ่มทําสิ่งชั่วร้าย
แม้ตระกูลเฉินจะลงโทษเขาแต่มันก็ไม่ใช่การลงโทษที่รุนแรง พวกเขาปกป้องเฉินซานมาตลอด
เฉินซานไม่ได้เปลี่ยนแปลงตนเอง เขายังเป็นผู้อมตะของฝ่ายธรรมะแต่ทําตัวเหมือนปีศาจ
ตระกูลเฉินช่วยปกปิดความจริงแต่พวกเขาไม่สามารถซ่อนมันจากเทพอมตะสวรรค์พิภพ
เทพอมตะสวรรค์พิภพปราบปรามเฉินซานแต่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขาต่อสาธารณชน
ตระกูลเฉินไม่กล้าเปิดเผยความจริงเช่นกัน พวกเขาประกาศออกไปว่าเฉินซานเสียชีวิตจากภัยพิบัติ
หลังจากเฉินกงเจิ้งจับฟางเจิ้ง วังสวรรค์ติดต่อเขาและบอกข้อมูลเกี่ยวกับเฉินซานเพื่อแลกเปลี่ยนกับฟางเจิ้ง
ด้วยเหตุนี้เฉินกงเจิ้งจึงได้เรียนรู้ว่าเฉินซานยังมีชีวิตอยู่และถูกขังไว้ในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า
เพื่อเข้าสู่ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เฉินกงเจิ้งระดมกําลังพลทั้งหมดของตระกูลเฉินเพื่อตรวจสอบและค้นหามันอย่างลับๆ
ในเวลานั้นเหรินซิ่วผิงกําลังต่อต้านเดี่ยวหมิงเฉิน เขาเปิดเผยเบาะแสเกี่ยวกับวาฬมังกรฟ้าออกไป
ตระกูลเฉินได้รับข่าวนี้ ดังนั้นเฉินกงเจิ้งจึงบังคับให้เหรินซิ่วผิงยอมจํานน
เมื่อเมี่ยวหมิงเฉินรวบรวมผู้อมตะและเดินทางมาค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เฉินกงเจิ้ง และเหรินซิ่วผิงจึงลอบติดตามมา
หลังจากนั้นมันก็นําไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ
เฉินกงเจิ้งพยายามทุกวิถีทางเพื่อค้นหาตําแหน่งของเฉินซาน หลังจากทําภารกิจไม่กี่ครั้ง เฉินฉีได้รับข้อมูลเกี่ยวกับทะเลปีศาจร่ําไห้
เฉินกงเจิ้งคาดเดาว่าปีศาจอมตะที่ถูกขังอยู่ในทะเลปีศาจร่ําไห้ก็คือเฉินซาน
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถมีความสุขได้นานนักเมื่อเขาได้ยินข่าวที่น่าสะพรึงกลัว
ชูอิงรับภารกิจฆ่าเฉินซาน!
เฉินกงเจิ้งตกใจมาก เขารีบติดต่อฟางหยวนและโกหกว่ากําลังตามหาวิญญาณอมตะตอบสนอง เขายังมอบทรัพยากรอมตะมากมายเพื่อแสดงความปรารถนาดีของเขา
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงนําเฉินกงเจิ้งมายังทะเลปีศาจร่าให้
เฉินกงเจิ้งรอคอยอย่างอดทนก่อนจะโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะในจังหวะที่สุดท้ายและปลดปล่อยเฉินซานออกมา
การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ทุกคนนอกจากสมาชิกตระกูลเฉินตกตะลึง
การแสดงออกของเมียวหมิงเฉินและคนอื่นๆกลายเป็นมืดมน หัวใจของพวกเขาจมดิ่งลง
เฉินกงเจิ้งเป็นผู้อมตะระดับแปด เฉินซานก็เป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นกัน ย้อนกลับไปเขาถูกปราบปรามโดยเทพอมตะสวรรค์พิภพเป็นการส่วนตัว นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถมองข้ามของเขา
ด้วยการคงอยู่ของเฉินซาน ความแข็งแกร่งของตระกูลเฉินจะเพิ่มขึ้นอีกมาก ไม่เพียงในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้าแต่กระทั่งทะเลตะวันออกก็ยังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ
ตระกูลเฉินจะกลายเป็นกองกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดของทะเลตะวันออก
สิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากและนําผลประโยชน์มหาศาลมาสู่ตระกูลเฉิน
นี่คือเหตุผลที่เฉินกงเจิ้นปล่อยฟางเจิ้งให้วังสวรรค์ทันทีโดยไม่สนใจบรรพชนทะเลปราณ
“เจ้าเป็นทายาทตระกูลเฉินของข้างั้นหรือ?” เฉินซานมองเฉินกงเจิ้งด้วยดวงตาส่องประกายและพยักหน้า “เจ้าเป็นสมาชิกตระกูลเฉินจริงๆ มันนานเท่าใดแล้ว?”
เฉินซานกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง
เขาอยู่ในชุดคลุมสีเทาที่ขาดเป็นชิ้นๆ ใบหน้าของเขาซีดขาว เส้นผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่า กลิ่นอายระดับแปดแผ่พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาอย่างรุนแรง
เฉินกงเจิ้งตอบคําถามของเฉินซานและบอกว่าเทพอมตะสวรรค์พิภพเสียชีวิตไปนานแล้ว
“เวลาผ่านไปนานมากแล้ว” เฉินซานถอนหายใจ “ท่านเทพอมตะสวรรค์พิภพเสียชีวิตแล้ว…”
ทัศนคติของเฉินซานที่มีต่อเทพอมตะสวรรค์พิภพค่อนข้างแปลก แม้เทพอมตะสวรรค์พิภพจะปราบปราม และยังเขาไว้ แต่เขายังเรียกฝ่ายหลังว่าท่านเทพ
หลังจากถอนหายใจ เฉินซานก็มองไปทางฟางหยวนและคนอื่นๆ
เขาเข้าใจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว “ดี ดูเหมือนตระกูลเฉินของข้าจะมีอัจฉริยะมากมาย”
เขาหยุดสายตาที่ฟางหยวนและกล่าวด้วยน้ําเสียงอบอุ่น “สหาย ข้าสามารถหลบหนีออกมาได้เพราะเจ้า เจ้าต้องการเข้าร่วมตระกูลเฉินและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกของเราหรือไม่?
เขาเชิญฟางหยวน!
แน่นอนว่าฟางหวนแสดงคุณค่าของเขาออกมาเพียงพอแล้ว
สถานะปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนคือสิ่งที่ตระกูลเฉินต้องการและเมื่อพิจารณาความสําเร็จกับอายุของเขา มันมีความเป็นไปได้ที่เขาจะบรรลุเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลหลังจากนี้
เฉินกงเจิ้งป้องหมัดและกล่าวเสริม “ชูอิง ก่อนหน้านี้ข้าต้องโกหกแต่ข้าไม่มีทางเลือก การช่วยชีวิตบรรพชนเฉินซานมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อตระกูลเฉิน ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
ฟางหยวนพยักหน้าเบาๆและเผยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าข้าเข้าใจ หากเป็นข้า ข้าก็จะทําเช่นเดียวกัน”
“แต่ตระกูลเฉินต้องการรับสมัครข้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะและส่ายศีรษะ
เฉินกงเจิ้งกล่าวเสียงเย็น “สหาย เหตุใดเจ้าจึงหัวเราะ?”
ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “ตระกูลเฉินของเจ้าพยายามรับสมัครข้าด้วยรากฐานใด? พวกเจ้ามีคุณสมบัติไม่เพียงพอ!”
สายตาของเฉินกงเจิ้งกลายเป็นเย็นชา
ตระกูลเฉินเป็นกองกําลังใหญ่ของทะเลตะวันออก พวกเขาครอบครองทะเลขนาดใหญ่เจ็ดแห่งและทะเลขนาดกลางและทะเลขนาดเล็กอีกหลายพันแห่ง ตอนนี้พวกเขายังมีผู้อมตะระดับแปดถึงสองคน ด้วยความแข็งแกร่งนี้ พวกเขายังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะรับสมัครผู้บ่มเพาะสันโดษระดับเจ็ดเพียงคนเดียวงั้นหรือ?
“ชูอิง อย่ายโสให้มากนัก”
“ตระกูลเฉินของข้ากําลังให้โอกาสเจ้า นี่คือความเอื้อเฟื้อของบรรพชนเฉินซานของเรา”
“อย่าประเมินตนเองสูงเกินไป”
เฉินเซียวกับเฉินฉีเร่งกล่าวและบินเข้าไปรวมตัวกับเฉินซานกับเฉินกงเจิ้ง
ดวงตาของเฉินซานปรากฏเจตนาสังหาร เขามองไปที่ฟางหยวนและกล่าวเสียงเย็น “ชูอิง? ข้าขอเดือนเจ้า แม้การจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพจะไม่อนุญาตให้ผู้อมตะภายนอกต่อสู้กันเอง แต่ข้าติดอยู่ที่นี้มานานแล้ว ข้าไม่ถูกจํากัดด้วยสิ่งนี้ ดังนั้นข้าสามารถโจมตีพวกเจ้า”
การแสดงออกของเมี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆเปลี่ยนแปลงไป ฝันร้ายของพวกเขากลายเป็นจริงในที่สุด
ขณะที่พวกเขากําลังหวาดกลัวและไม่รู้ว่าควรทําอย่างไร เสียงหัวเราะของฟางหยวนกลับดังขึ้น เขาชี้นิ้วไปที่เฉินซานและยั่วยุให้อีกฝ่ายโจมตี
เมี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆตกตะลึง
นี่คือความกล้าหาญหรือความโง่เขลา?
พวกเขาไม่สามารถบอกได้
เฉินซานกล่าวด้วยความโกรธ “เจ้ากําลังรนหาที่ตาย เช่นนั้นก็ไปตายซะ!”
หลังกล่าวจบคํา เขาเปิดปากและส่งคลื่นเสียงพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนทันที
คลื่นเสียงเคลื่อนที่ผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง
“บึม!”
ค่ายกลเสริมพังทลายลงในพริบตา
แรงระเบิดทําให้เกิดคลื่นยักษ์สูงหลายสิบเมตร สภาพแวดล้อมได้รับผลกระทบอย่างหนัก กลุ่มของเมียวหมิงเฉินรีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยใบหน้าซีดเผือด
นี่เป็นการโจมตีระดับแปดที่แท้จริง มันน่ากลัวเกินไป จากมุมมองของพวกเขา มีโอกาสน้อยมากที่ชอิงจะรอดชีวิตจากสิ่งนี้
ในความเป็นจริงพวกเขาไม่สนใจสถานการณ์ของชองแต่กังวลเกี่ยวกับตนเองมากกว่า
เนื่องจากเฉินซานพิสูจน์คํากล่าวของเขาก่อนหน้านี้ด้วยการกระทํา เขาสามารถโจมตีกลุ่มของเมียวหมิงเฉินได้จริงๆ
“บรรพชนแข็งแกร่งมาก!” เฉินกงเพิ่งรู้ว่าเฉินซานไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงเป็นเส้นทางหลัก การโจมตีบนเส้นทางแห่งเสียงก่อนหน้านี้ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา
“ชูอิงกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว!”
“ดี เขาตายแล้ว ข้าไม่ชอบเขาตั้งแต่แรก”
“เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่กลับท่าตัวหยิ่งยโสเพียงเพราะเขารู้ความลับบางอย่างของถ้ําสวรรค์วาฬ มังกรฟ้า ก่อนหน้านี้เขาไม่แยแสพวกเราแม้แต่น้อย
“เขากล้ายัวยผู้อมตะระดับแปด เขาสมควรตายจริงๆ…”
เฉินเซียวเริ่มกล่าวตะกุกตะกักเมื่อแสงสีเงินส่องประกายขึ้นท่ามกลางกลุ่มไอน้ําและหมอก
ชองยื่นมือไพล่หลังอยู่บนดาดฟ้าเรือสีเงินและเผยรอยยิ้มบาง
รูม่านตาของเฉินซานหดเล็กลง เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!?”
ผู้อมตะทั้งหมดตกตะลึง
พวกเขาคุ้นเคยกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ ในความเป็นจริงไม่มีผู้อมตะของห้าภูมิภาคคนใดไม่รู้จักมัน
“นี่คือ…เรือรบหมื่นปี!” เหรินซิ่วผิงกรีดร้อง
“ชูอิงมีเรือรบหมื่นปี เขาเป็นผู้ใดกันแน่?” เฉินเซียวรู้สึกพูดไม่ออก
กลุ่มผู้อมตะจ้องมองฟางหยวนขณะที่เขาค่อยๆเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
หลังจากรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาปรากฏ หัวใจของกลุ่มผู้อมตะต่างสันสะท่านขึ้นอย่างรุนแรง
ฮวาซืออุทาน “เขาคือฟางหยวน!”
นางตกใจมาก นางรู้สึกว่าฟางหยวนสูงส่งเกินไป เขาอยู่ห่างไกลจากคนเช่นนางและไม่มีโอกาสที่จะได้พบกัน
นางไม่คาดหวังว่านางจะได้พบฟางหยวนจริงๆ
“เขาคือฟางหยวน!” กลุ่มผู้อมตะตระกูลเฉินกรีดร้อง
“เป็นเช่นนี้” เมี่ยวหมิงเฉินกลืนน้ําลายและเข้าใจเรื่องราวในที่สุด
ตอนนี้ไม่มีผู้ใดแปลกใจอีกต่อไปว่าเหตุใดชูอิงจึงมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้น ทางแห่งค่ายกลในความเป็นจริงนี้ยังเป็นเพียงเศษเสียวความแข็งแกร่งของฟางหยวนเท่านั้น
ทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้ว
ใบหน้าของเฉินกงเจิ้งกลายเป็นซีดขาว เขากัดฟันแน่น เหงือเริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของเขา
นี่คือจักรพรรดิปีศาจที่ยิ่งใหญ่แห่งยุค ฟางหยวน!
เฉินกงเจ๋งไม่แปลกใจอีกต่อไปว่าเหตุใดชูอิงจึงมีทัศนคติที่ไม่แยแสเมื่ออยู่ต่อหน้าสองผู้อมตะระดับแปด และยังแสดงความรังเกียจต่อตระกูลเฉิน
นี่เป็นเรื่องปกติ
ความโกรธทั้งหมดของเขาที่มีต่อความยโสของชูอิงหายไปอย่างสมบูรณ์
ฟางหยวนกลายั่วยุวังสวรรค์และฆ่าสมาชิกวงสวรรค์หลายคนขณะที่ตระกูลเฉินไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์
หลังจากความโกรธสงบลง ความรู้สึกหวาดกลัวก็เข้าแทนที่
เขายั่วยุฟางหยวน เขากลายเป็นฝ่ายที่กําลังมีปัญหา
เฉินกงเจิ้งลอบถอนหายใจกับตนเอง เวลานี้พลังการต่อสู้ระดับแปดของเขาไม่สามารถมอบความมั่นใจให้กับเขาได้อีกต่อไป เขากําลังตื่นตระหนก
เป็นเพียงเวลานี้ที่เฉินซานเปิดปากถาม “ผู้ใดคือฟางหยวน?”
เฉินซานรู้สึกแปลกใจ ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายระดับเจ็ดออกมาอย่างชัดเจน แต่เหตุใดทุกคนจึงหวาดกลัวเขา?
เฉินซานมองเฉินกงเจิ้งและตั้งคําถามด้วยสายตา เจ้าเป็นผู้อมตะระดับแปด เหตุใดเจ้าต้องกลัวผู้อมตะระดับเจ็ด?
แม้ฟางหยวนจะเปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา แต่เขาไม่ได้เปิดเผยกลิ่นอายระดับแปด
เฉินกงเจิ้งไม่สามารถรักษาความสงบ เขาไม่สามารถตัดสินฟางหยวนด้วยตรรกะทั่วไป ระดับการบ่มเพาะไม่สามารถบอกความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคนผู้นี้
ฟางหยวนเป็นปีศาจที่กลําเหยียบย่าวงสวรรค์ เขาทําลายคฤหาสน์วิญญาณอมตะหกหลังของวังสวรรค์ เขาสังหารผู้อมตะมากมายของวังสวรรค์!
เขาโหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ กระทั่งวังสวรรค์ก็ยังไม่สามารถทําสิ่งใดกับเขา
ตอนนี้ตระกูลเฉินสร้างความขุ่นเคืองให้กับฟางหยวน แม้พวกเขาจะมีผู้อมตะระดับแปดสองคน แต่เฉินกงเจิ้งยังไม่รู้สึกปลอดภัย