บทที่ 735 ความวุ่นวายในเมืองศักดิ์สิทธ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ระหว่างที่เดินทางไปเมืองศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงมองดูการกระทำต่าง ๆ ของอุลบาด้วยสีหน้าสนุกสนาน

เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่า สวรรค์นั้นไม่ลำเอียงเลยจริง ๆ ที่ถึงแม้จะสร้างให้ไอ้เจ้าทึ่มผู้นี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือเผ่าพันธุ์ทั่วไป แต่ก็ปรับให้สมองของไอ้เจ้าผู้นี้ด้อยลงเพื่อความสมดุล

ความคิดอ่านของไอ้เจ้าผู้นี้มันไม่ต่างอะไรกับเด็ก 5 ขวบ!

และสิ่งที่ทำให้หลิงตู้ฉิงยิ่งพูดไม่ออกก็คือ บรรดาผู้คนของสำนักเงามายากลับแสดงสีหน้าพอใจที่อุลบาเป็นแบบนี้อีกต่างหาก!

ในระหว่างทางตั้งแต่ที่หลิงตู้ฉิงยืนยันว่าเขาและคนของเขาไม่ได้สนใจจะเข้าร่วมคัดเลือกของเมืองศักดิ์สิทธิ์ อุลบาก็เปลี่ยนท่าทีกลายเป็นมิตรกับหลิงตู้ฉิงอย่างเห็นได้ชัด

แต่ในทางกลับกัน บรรดากลุ่มคนของสำนักเงามายากลับมองไปที่หยูเจิ้นไห่และหยูคงหมิงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความข้องใจ

หากไม่คิดจะเข้าร่วมการคัดเลือก แล้วทำไมถึงต้องพาผู้ติดตามขอบเขตราชันมาถึง 2 คน? และอีกอย่าง สมาชิกในกลุ่มบางคนก็มีระดับการบ่มเพาะที่สูงละลิ่ว แต่บางคนกลับมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำจนไม่เข้าพวก ไม่ว่าจะมองแบบไหนมันก็น่าสงสัยชัด ๆ!

หลิงตู้ฉิงไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่ากลุ่มคนของสำนักเงามายาจะคิดว่ายังไง ในระหว่างทางหากเขาเจอเผ่าพันธุ์ไหนที่ดูแปลกประหลาด หลิงตู้ฉิงจะอธิบายข้อมูลของเผ่านั้น ๆ ให้กับคนของเขาฟังทันทีเพื่อเป็นความรู้ติดตัว

อย่าไรก็ตาม ภาพของมนุษย์แท้ ๆ ที่เดินทางในเขตแดนอุดรทมิฬแบบนี้มันก็ดึงดูดความสนใจของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เช่นกัน

แต่ในทุก ๆ ครั้งที่มีพวกเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เข้ามายุ่มย่ามด้วย หลิงตู้ฉิงจะเรียกอุลบาให้มาช่วยขับไล่ไปทุกครั้ง

ด้วยการมีอุลบาอยู่ข้างกาย มันทำให้หลิงตู้ฉิงสามารถหลีกเลี่ยงเรื่องราวน่ารำคาญในระหว่างการเดินทางไปได้เยอะมาก

หลังจากผ่านไป 2 เดือน ในที่สุดเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ในระยะสายตาของทุกคน ซึ่งในเวลานี้หลิงตู้ฉิงยังคิดวิธีการดี ๆ ที่จะเอาตัวรอดจากอาณาเขตเงานิรันดร์ไม่ได้เลย เนื่องจากตอนนี้เขาอ่อนแอเกินไป หากเขาเข้าไปในอาณาเขตเงานิรันดร์ด้วยตัวเองในตอนนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับแกะที่เดินเข้าถ้ำเสือ

หลิงตู้ฉิงลอบถอนหาย แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันหันไปพูดกับหลิงเทียนหยุนเรื่องอาณาเขตเงานิรันดร์ จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “อ่า! เนื้อสดมากมายเต็มไปหมดเลย!”

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วทันทีและหันกลับไปมองด้านหลัง

แน่นอนว่าคำว่า ‘เนื้อสด’ ต่อพวกเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในเขตแดนอุดรทมิฬนั้นเอาไว้ใช้เรียกแทนตัวพวกมนุษย์ เนื่องจากมีหลายเผ่าพันธุ์ที่ชอบกินมนุษย์เป็นพิเศษ

เมื่อหลิงตู้ฉิงหันหลังไปมอง เขาก็เห็นว่าตัวที่เรียกพวกของเขาว่าเนื้อสดนั้นรูปร่างของมันคล้ายมนุษย์ ยกเว้นก็แต่มันมีหัวที่โตกว่าตัวถึง 2 เท่า และมีปากที่กว้างเกือบเท่าความกว้างของหัวและมีดวงตากลมโตสีดำทมิฬสองดวง

“ไอ้เจ้าพวกนั้นมันคือเผ่าปีศาจจอมเขมือบ” หลิงตู้ฉิงอธิบายให้กับคนของเขาฟัง “พวกมันเป็นเผ่าที่น่ารังเกียจและกินได้ทุกอย่าง พวกมันน่ารังเกียจจนถึงขนาดที่ในเขตแดนอุดรทมิฬก็ยังไม่มีเผ่าไหนที่ชอบพวกมันเลยด้วยซ้ำ”

เมื่อได้ยินที่หลิงตู้ฉิงพูดถึงเผ่ามันแบบนี้ ปีศาจจอมเขมือบก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาในทันทีและตะโกนขึ้นว่า “ปากดีนักนะไอ้เนื้อสด! ไว้รอถึงเวลาที่ข้าแล่เนื้อของพวกเจ้าออกทีละส่วนมากินเมื่อไหร่ ข้าอยากจะรู้นักว่าตอนนั้นเจ้ายังปากดีได้แบบนี้อยู่อีกรึเปล่า!”

ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะทันได้ตอบอะไรกลับไปอีกรอบ อุลบาก็เดินมาบังหลิงตู้ฉิงเอาไว้และตะคอกกลับทันที “พวกเจ้าทั้งหลายจงไสหัวไปให้พ้นเดี๋ยวนี้! มนุษย์กลุ่มนี้เป็นสหายของข้าและอยู่ในความคุ้มครองของข้า หากพวกเจ้าบังอาจแตะต้องพวกเขาแล้วล่ะก็พวกเจ้าได้เจอกับกำปั้นของข้าแน่!”…

หนึ่งในปีศาจจอมเขมือบตะคอกกลับเช่นกัน “เจ้าคืออุลบาสินะ ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาก่อน ตัวข้าคือนายน้อยแห่งเผ่าปีศาจจอมเขมือบ! ข้าคิดว่าเจ้าเองก็คงจะได้ยินแล้วว่าสหายของเจ้าดูหมิ่นเผ่าของข้าก่อนหาว่าเผ่าของข้าน่ารังเกียจ ดังนั้นไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่ยอมปล่อยพวกมันไปแน่ ๆ อย่าคิดว่าการที่เจ้ามีสำนักเงามายาคอยหนุนหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้ เจ้าควรจะรู้เอาไว้ว่าเผ่าปีศาจจอมเขมือบของข้านั้นเป็นพันธมิตรกับเผ่าปีศาจสวรรค์ หากมีปัญหากับพวกข้าขึ้นมา เจ้าแน่ใจว่าเจ้าจะแบกรับผลที่ตามมาไหวเหรอยังไง?”

อุลบาพ่นลมออกจมูกด้วยสีหน้าเย็นชา “ก็แค่เป็นพันธมิตรกับเผ่าปีศาจสวรรค์แค่นั้นอย่ามาขู่ข้าซะให้ยากเลย ทำอย่างกับว่าข้าไม่เคยสู้กับไอ้พวกเผ่าปีศาจสวรรค์มาก่อน! แต่ก็พอดีเลยข้าได้ยินมาว่านายน้อยของเผ่าปีศาจสวรรค์โม่หยุนจะมาในครั้งนี้ด้วย ข้าเองก็อยากสู้กับมันอยู่พอดี!”

“สรุปแล้วเจ้าต้องการจะสู้กับพวกข้าให้ได้เลยใช่ไหม?” ปีศาจจอมเขมือบตะโกนถามกลับด้วยสีหน้าเดือดดาล

กล้ามเนื้อของอุลบาเปล่งประกายเป็นสีดำเงายิ่งจากกว่าเดิม จากนั้นเขากวักมือท้าทายพวกปีศาจจอมเขมือบทันทีและตะโกนว่า “ก็ถ้าพวกเจ้าไม่ไสหัวไปซะ ถ้างั้นก็มาสู้กันดีกว่า!”

ทางด้านของพวกปีศาจจอมเขมือบเมื่อเห็นว่าอุลบาเอาจริง พวกมันก็แสดงสีหน้าหวาดหวั่นและเดินหนีไปยังทิศทางของเมืองศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับตะโกนด้วยสีหน้าเคียดแค้นว่า “พวกข้ามีธุระสำคัญที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่างมาบ้ากับเจ้าหรอก!”

เมื่อเห็นว่าพวกปีศาจจอมเขมือบหนีไป อุลบาก็ตะโกนไล่หลังด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ไอ้พวกตาขาวเอ้ย!”

จากนั้นอุลบาก็เดินมาหาหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ด้วยการคุ้มครองของข้า เจ้าและพวกของเจ้าไม่ต้องไปกลัวไอ้พวกเผ่าปีศาจจอมเขมือบพวกนั้น แต่ว่าหลังจากนี้พวกเจ้าควรจะอยู่ใกล้ข้าให้มาก ไม่อย่างนั้นพวกมันอาจจะลอบเล่นงานพวกเจ้าทีเผลอก็ได้!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างเหนื่อยใจและตอบกลับ “อ๋อก็ได้ รบกวนเจ้าด้วยก็แล้วกัน!”

โม่หยูถังที่เห็นเช่นนี้ก็ส่ายหัวอย่างจนใจ และเดินเข้ามาพูดกับหลิงตู้ฉิงเสียงเบา “นายท่าน ข้าต้องขออภัยแทนเขาด้วยจริง ๆ ที่เขาทำไปเช่นนั้นก็เพราะเขาไม่ค่อยมีความคิดอ่านสักเท่าไหร่”

เนื่องจากอุลบาเป็นคนของสำนักเงามายา ซึ่งสำนักเงามายาก็คือพันธมิตรของสำนักของเขา ดังนั้นโม่หยูถังจึงต้องพยายามพูดให้หลิงตู้ฉิงไม่ถือสาหาความอะไรกับอุลบา

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ข้ากลับคิดว่าไอ้เจ้าทึ่มยักษ์นี่มันน่าเอ็นดูดีเหมือนกัน”

คนอย่างเขาเนี่ยนะต้องการให้ใครปกป้อง? แค่หลิงตู้ฉิงคิดแค่นี้เขาก็รู้สึกว่ามันตลกแล้ว

ถึงแม้ว่าเมื่อครู่พวกเขาจะมีปัญหากับกลุ่มของเผ่าปีศาจจอมเขมือบ แต่มันก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับการเดินทางของพวกเขาทั้งนั้น เมื่อออกเดินทางต่อไปได้สักพักในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงหน้าประตูเมืองศักดิ์สิทธิ์

แต่แล้วในทันทีที่พวกเขาเดินผ่านซุ้มประตูเมืองเข้าไปด้านในเมือง พวกเขาทั้งหมดก็เห็นภาพที่มนุษย์ต้นไม้ ซึ่งมีดอกไม้สีชมพูประดับหัวกำลังต่อสู้อยู่กับมนุษย์หมาป่า

โดยไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าในตอนนี้มนุษย์หมาป่ากำลังเสียเปรียบเป็นอย่างมาก เนื่องจากในตอนนี้ร่างกายของมันถูกรากของมนุษย์ต้นไม้ตรึงไว้จนไม่สามารถขยับไปไหนได้

และท้ายที่สุดก็เป็นแบบที่ทุกคนคาด มนุษย์ต้นไม้ซึ่งกำลังได้เปรียบก็ใช้กิ่งของมันแทงเข้าไปที่ร่างของมนุษย์หมาป่าและดูดทั้งเลือดทั้งเนื้อของมนุษย์หมาป่าจนแห้งขอด จากนั้นมันก็โยนศพของมนุษย์หมาป่าทิ้งไปที่ข้างทางอย่างไม่ใยดี

หลังจากที่มนุษย์ต้นไม้ทิ้งศพของมนุษย์หมาป่าไปเพียงครู่เดียว ดอกไม้อีกดอกก็บานขึ้นที่บนหัวมัน ซึ่งดอกใหม่ที่บานขึ้นนั้นมีสีสันที่สวยงามกว่าดอกเดิมเสียอีก

บรรดาผู้คนที่ดูเหตุการณ์อยู่ เมื่อเห็นว่าการต่อสู้ลงเอยแบบนี้แล้วพวกเขาก็แยกย้ายกันไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้คนของกลุ่มหลิงตู้ฉิงยืนงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพลางคิดในใจว่า สถานที่แห่งนี้มันช่างแปลกดีจริง ๆ!

——————————————