บทที่ 736 ราชาเทพมารหกปรารถนา

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

หลังจากได้มาเยือนเขตแดนอุดรทมิฬ สมาชิกครอบครัวของหลิงตู้ฉิงก็รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้นั้นเปิดหูเปิดตาพวกเขาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหลิงฟ่างหัวที่คิดว่าการที่นางดึงดันขอติดตามมาด้วยนั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องที่สุด

หลักจากมนุษย์ต้นไม้ทำการโยนศพของมนุษย์หมาป่าลงไปที่ข้างทางแล้ว มันก็เดินเข้ามาหากลุ่มของหลิงตู้ฉิงในทันที ซึ่งทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกประหม่า

แต่แล้วเมื่อมนุษย์ต้นไม้เดินมาถึง มันกลับไม่ได้สนใจหลิงตู้ฉิงและคนของเขา แต่มันกลับเดินมาที่อุลบาและส่งยิ้มให้

“เจ้าทึ่ม ทำไมเจ้าถึงได้ร่วมกลุ่มกับพวกมนุษย์แบบนี้กัน?” มนุษย์ต้นไม้ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

อุลบาหัวเราะและตอบว่า “พวกเขาเป็นแขกของสำนักข้าและมาจากสำนักเทพปีศาจเก้าอเวจี พวกเขาต้องการมาที่เมืองศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปิดหูเปิดตา เอาล่ะทุกคนข้าขอแนะนำ นี่คือพี่สาวเจียงหวง นางคือเผ่ามนุษย์ต้นไม้ เอ่อ…ว่าแต่ข้าไม่รู้จักชื่อพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าแนะนำตัวกับนางเองก็แล้วกัน!”

หลิงฟ่างหัวมองไปที่เจียงหวงด้วยสีหน้าตกตะลึง และถามว่า “นี่เจ้าเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ?”

เจียงหวงหัวเราะและตอบกลับ “ร่างกายของพวกเราไม่เหมือนกับพวกเจ้าเผ่ามนุษย์ แต่แน่นอนว่าข้าเป็นผู้หญิง!”

คนอื่น ๆ ต่างมองมาที่เจียงหวงด้วยสายตาแปลกประหลาด เนื่องจากร่างกายของนางนั้นไม่ต่างอะไรจากต้นไม้ที่ลำต้นขนาดหนึ่งคนโอบและสูงราว 3 เมตร ซึ่งมีแขน 2 ข้าง ดวงตา จมูกและปากคล้ายของมนุษย์แปะอยู่ที่ส่วนบนของลำต้น แต่ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกเป็นเอกลักษณ์ให้พวกเขารู้เลยว่านางเป็นเพศชายหรือหญิง!

หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นอธิบายกับคนของเขาว่า “พวกเจ้าสามารถสังเกตเพศของเผ่ามนุษย์ต้นไม้ได้จากบนหัวของพวกเขา หากบนหัวของพวกเขามีดอกไม้งอกอยู่นั่นก็แปลว่าพวกเขาเป็นเพศหญิง แต่ถ้าหากมีพุ่มไม้งอกขึ้นแทนก็แปลว่าพวกเขาเป็นเพศชาย”

หลงเฉินพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “ถ้างั้นพวกเพศชายเผ่ามนุษย์ต้นไม้ก็มีสีเขียวอยู่เต็มหัวทุกตนเลยน่ะเหรอ?”

หวงเจียงมองไปที่หลงเฉิน และตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นก็ถูกแล้ว ยิ่งเพศชายตนไหนมีพุ่มไม้สีเขียวขึ้นหนามากเท่าไหร่ก็แปลว่ามนุษย์ต้นไม้ผู้นั้นยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น”

หลงเฉิน และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันด้วยสายตาแปลกประหลาด

โม่หยูถังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือนหลงเฉิน “พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่ต่างจากเรา หัวสีเขียวของพวกเขาไม่ได้มีความหมายแบบที่เจ้าเข้าใจ!”

(หัวสีเขียวที่หลงเฉินพูดถึง หมายถึงสำนวนของจีนที่มีอยู่ว่า หากชายใดถูกสวมหมวกสีเขียวให้นั่นก็แปลว่าภรรยาของเขามีชู้ : ผู้แปล)

เจียงหวงไม่เข้าใจในความหมายของหลงเฉินและโม่หยูถังที่พูดกัน ตามที่นางเข้าใจ นางก็ไม่เห็นว่าเผ่าของนางจะมีปัญหาอะไรเลยนี่นา?

“พวกเจ้ามีที่พักกันแล้วรึยัง? ตอนนี้มันใกล้จะถึงกำหนดการคัดเลือกทูตศักดิ์สิทธิ์แล้ว ดังนั้นที่พักส่วนใหญ่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์น่าจะเต็มจนหมด หากพวกเจ้ายังไม่มีที่พัก พวกเจ้าสามารถมาพักรวมอยู่พวกของข้าก็ได้นะ” เจียงหวงพูดขึ้น

อุลบาหัวเราะ “ไม่เป็นไร สำนักของเรามีที่พักส่วนตัวอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว แต่ถ้าหากที่พักฝั่งของท่านแน่นเกินไป พวกท่านจะแบ่งมาพักกับพวกเราก็ได้นะพี่สาว!”

“อ๋อ ถ้างั้นก็ดีแล้ว” เจียงหวงพูดขึ้น “เจ้าทึ่ม การคัดเลือกครั้งนี้พวกเราต่างก็เข้าร่วมกันทั้งคู่ ดังนั้นไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะต้องประลองกัน เจ้าก็เตรียมตัวให้ดี ๆ ก็แล้วกัน พี่สาวผู้นี้ไม่ออมมือให้เจ้าหรอกนะ!”

“ได้เลยพี่สาว ข้าจะไม่ออมมือให้ท่านแน่นอน!” อุลบาพยักหน้า

เจียงหวงหัวเราะ “ก็ดี ครั้งนี้ข้าจะต้องทะลวงการป้องกันของเจ้าให้ได้เลย! เอาล่ะข้าขอตัวก่อน”

เมื่อพูดจบ เจียงหวงก็ถอนรากของนางออกจากพื้นดินและมัดรวมรากทั้งหลายให้กลายเป็นขา 2 ข้างและเดินจากไป

อุลบาหันมาหาหลิงตู้ฉิงกับคนอื่น ๆ และพูดว่า “พี่สาวเจียงหวงเชี่ยวชาญวิชาหนามพรากชีวิตเป็นอย่างมาก พวกเจ้าทุกคนจำเป็นต้องระวังอย่าทำให้นางโกรธเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าอาจจะถูกหนามของนางสูบเอาเลือดและเนื้อออกไปจากร่างจนหมดได้ง่าย ๆ แต่ก็ช่างเถอะ พวกเจ้าไม่ได้เข้าร่วมการคัดเลือกอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเจ้าคงไม่มีปัญหาอะไรกับนางหรอก”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอย่างจนใจ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป

หลักจากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังที่พักส่วนตัวของสำนักเงามายาในทันทีโดยไม่หยุดแวะที่ไหนอีก

ต้องรู้ว่าเมืองศักดิ์สิทธิ์เป็นเมืองที่สำคัญอันดับต้น ๆ ในเขตแดนอุดรทมิฬและที่พักของที่นี่ก็หายากและราคาแพงเป็นอย่างมาก ดังนั้นการที่สำนักเงามายาสามารถมีที่พักส่วนตัวอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นก็นับว่าพวกเขาเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

หลังจากมาถึงที่พักแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับหยูเจิ้นไห่และคนอื่น ๆ ว่า “พวกเจ้าทั้งหมดพักผ่อนที่นี่กันไปก่อน เดี๋ยวข้าจะออกไปตรวจสอบสถานการณ์ต่าง ๆ ในเมือง”

“สามี พาหมิงยู่ไปกับท่านด้วยสิ!” จ้าวเหมิงลู่รีบพูดขึ้น

“แน่นอน!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็บินออกไปจากเรือนพร้อมกับหมิงยู่

หลังจากที่ออกมาจากเรือน ที่แรกที่หลิงตู้ฉิงมุ่งหน้าไปก็คือหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่อยู่ประจำเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

เมื่อหลิงตู้ฉิงเข้าไปด้านในหอการค้าเชื่อมสวรรค์ หลิงตู้ฉิงก็ทำเช่นเดิมคือแสดงมุทราของตำหนักเทพโชคลาภให้กับคนในหอการค้าดู ซึ่งในรอบนี้มันไม่ง่ายเหมือนรอบก่อน ๆ ที่เขาจะสามารถหลอกคนในหอการค้าเชื่อมสวรรค์ได้ง่าย ๆ เพราะในสาขานี้มีทั้งคนของตำหนักโชคลาภ ตำหนักหอมรัญจวน และ หมู่บ้านซิงหัว ประจำอยู่ด้วย ตัวตนของเขาจึงถูกเปิดเผยในทันที.

“ทำไมท่านถึงรู้มุทราปรมาจารย์ตำหนักเทพโชคลาภของพวกเราได้?” คนที่มาจากตำหนักเทพโชคลาภถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าที่ข้ามาในครั้งนี้ก็เพราะต้องการหาข่าวว่าทำไมเมืองศักดิ์สิทธิ์ถึงต้องการคัดเลือกทูตศักดิ์สิทธิ์คนใหม่แบบนี้”

เขาไม่อธิบายเรื่องเกี่ยวกับมุทรา แต่หลิงตู้ฉิงกลับเลือกที่จะโยนโอสถสงบวิญญาณให้กับคนของตำหนักเทพโชคลาภแทนเพื่อจ่ายราคาที่เขาถามไป

คนของตำหนักเทพโชคลาภมองโอสถสงบวิญญาณในมือ จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมาตอบหลิงตู้ฉิงด้วยรอยยิ้มว่า “ขอเรียนตามตรง คำตอบที่ข้ากำลังจะตอบท่านนั้นมันไม่มีมูลค่าเพียงพอกับโอสถสงบวิญญาณที่ท่านส่งมาให้ ดังนั้นหลังจากที่ข้าตอบคำถามไปแล้ว ท่านสามารถถามคำถามอื่นเพิ่มเติมได้อีกเพื่อที่ท่านจะได้ไม่เสียเปรียบในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้”

“สำหรับเรื่องเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการคัดเลือกทูตใหม่นั้น อันที่จริงเหตุผลของพวกเขาคือต้องการที่จะตามหาคน ๆ หนึ่ง ส่วนพวกเขาหาใครอยู่นั้นอันนี้ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะพวกเขาเองก็ไม่ได้แจ้งออกไป แต่เท่าที่ข้าดูจากท่าทีของพวกเขาเมื่อพูดถึงคนที่พวกเขากำลังตามหาแล้ว ในตอนนั้นพวกเขาแสดงสีหน้าอาฆาตเป็นอย่างมาก มันก็เดาได้เพียงอย่างเดียวว่าคนที่พวกเขากำลังตามหาคือศัตรูตัวฉกาจ”

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและพยักหน้า “พวกเขากำลังตามหาคนงั้นเหรอ? ถ้างั้นเจ้าพอจะรู้ไหมว่าตอนนี้ใครรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลกิจการภายนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์?”

“ราชาเทพมารหกปรารถนา!” คนของตำหนักหอมรัญจวนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณ!”

จากนั้นเขารีบเดินออกจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์ในทันทีอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นท่าทีของหลิงตู้ฉิงแบบนี้ หมิงยู่จึงถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “นายท่าน ทำไมดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีอะไรกวนใจท่านอยู่ เป็นราชาเทพมารหกปรารถนารึเปล่า?”

หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าหนักใจ “ราชาเทพมารหกปรารถนานั้นเป็นตัวตนที่เชี่ยวชาญในการควบคุมความปรารถนาของผู้คน ซึ่งสำหรับข้าแล้วเขาเป็นคู่ต่อกรที่ข้ารับมือได้ยากมาก ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าเวลานี้ราชาเทพมารหกปรารถนาจะได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลเรื่องราวต่าง ๆ นอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทุกอย่างมันจะยิ่งยุ่งยากขึ้นเป็นอย่างมาก”

ในตอนแรกปัญหามันก็ยากอยู่แล้ว เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าไปด้านในอาณาเขตเงาทมิฬด้วยตัวเองได้ แต่ตอนนี้มันกลับเป็นราชาเทพมารหกปรารถนาอีกที่คอยดูแลสถานการณ์ต่าง ๆ อยู่ด้านนอก ซึ่งคราวนี้มันทำให้เขายิ่งไม่ปลอดภัยถึงแม้ว่าจะอยู่ด้านนอกอาณาเขตเงาทมิฬก็ตาม

แต่แน่นอนว่าถึงแม้ราชาเทพมารหกปรารถนาจะคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ที่ด้านนอกอาณาเขตเงาทมิฬ หลิงตู้ฉิงก็ยังตั้งใจว่าต่อให้มันจะมีอันตรายเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน เขาก็ยังต้องเดินหน้าต่อไปอยู่ดี

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมิงยู่ก็รู้สึกหนักใจตามไปด้วยเพราะนางไม่เคยได้ยินหลิงตู้ฉิงพูดว่ามีใครคนไหนที่เขารับมือได้ลำบากเหมือนแบบตอนนี้

หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ยังคงไม่กลับไปที่เรือนของสำนักเงามายา เขาเลือกที่จะมุ่งไปที่จัตุรัสของเมืองต่อ ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่ตั้งของประตูทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์

หลังจากดูสถานการณ์ต่างได้สักพัก ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็กลับไปที่เรือนของสำนักเงามายา จากนั้นเขาตรงดิ่งไปหาอุลบาทันทีและพูดว่า “ไอ้เจ้าทึ่มยักษ์ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า!”

อุลบาแยกเขี้ยว “อย่ามาเรียกข้าแบบนี้ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้เป็นข้าที่ปกป้องเจ้ามาโดยตลอด และที่สำคัญข้าไม่ได้สนิทกับเจ้าขนาดนั้น!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “เจ้าจะว่ายังไงหากข้าจะบอกเจ้าว่า ข้าสามารถทำให้เจ้าเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่…เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างให้ข้าเพื่อเป็นการตอบแทน!”

“เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรให้?” อุลบาถามขึ้น “ไม่สิ อันที่จริงเจ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงมั่นใจว่าเจ้าสามารถทำให้ข้าเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้?”