บทที่ 1441 : ข่าวคราวของหนิงหลิงยู่
“ซิงเฉินเซี่ยนเอ๋อ พวกเจ้าสองคนไปที่ยอดเขาเทียนเฟิง หาทางบีบบังคับให้ตี๋เสี่ยวเจินโอนแต้มหน่วยนภาของสำนักกระบี่เทียนซานออกมาให้หมด!”
จากทรัพยากรในการฝึกฝนมากมายของสำนักกระบี่เทียนซานที่อยู่ในโกดังบ่งบอกได้ถึงแต้มหน่วยนภาจำนวนมากมายที่อยู่ในมือของตี๋เสี่ยวเจิน ในเมื่อสำนักกระบี่เทียนซานสิ้นชื่อแล้ว และตี๋เสี่ยวเจินก็น่าจะมีชีวิตได้อีกเพียงแค่เจ็ดวัน หลิงหยุนจึงมิต้องการให้แต้มหน่วยนภาจำนวนมากมายนี้ต้องถูกฝังไปอย่างไร้ประโยชน์ พร้อมกับร่างไร้วิญญาณของนางด้วย
เย่ซิงเฉินเป็นถึงธิดาพรรคมารและดูแลองค์กรนักฆ่าอยู่ในเวลานี้ ย่อมต้องมีวิธีทรมานที่หลากหลาย..
เช่นเดียวกับไป๋เซียนเอ๋อซึ่งเวลานี้หางที่สี่ได้งอกออกมาแล้ววิชาลวงตาของนางจึงย่อมแข็งแกร่ง ถึงขั้นสามารถสร้างภาพลวงตาให้แก่ผู้บ่มเพาะในขั้นพลังชี่ระดับเริ่มต้นได้เลยทีเดียว
หากทั้งคู่ร่วมมือกันบีบคั้นรีดเค้นตี๋เสี่ยวเจินแล้วล่ะก็ยากนักที่นางจะปากแข็งได้..
“เรื่องนั้นเจ้ามิต้องกังวลปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราสองคน ข้าเองก็ต้องการจัดการกับนางมานานแล้วเช่นกัน!”
เย่ซิงเฉินตอบยิ้มๆพร้อมกับเหลือบมองไปทางยอดเขาเทียนเฟิง“ส่งเครื่องมือสื่อสารของเจ้ามาให้ข้า!’
“ไม่จำเป็น”
หลิงหยุนส่ายหน้าปฏิเสธ“ให้นางโอนเข้าบัญชีของเจ้า เจ้าเป็นภรรยาของข้า มีเจ้าจัดการเรื่องนี้ให้ ข้ายังต้องกังวลสิ่งใดอีก!”
เย่ซิงเฉินหน้าแดงและตอบโต้หลิงหยุนกลับไปทันที“เพ้อเจ้อ.. แต้มของหน่วยนภาหาได้มีความสำคัญกับข้าไม่ เอาล่ะ.. ไว้ข้าจะโอนคืนให้กับเจ้า!” หลังจากพูดจบเย่ซิงเฉินยังคงแบมืออยู่เช่นนั้นจนหลิงหยุนต้องถามกลับไปว่า “เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก”
“จะอะไรอีกเล่า..ก็ธาราแดนใต้น่ะสิ!”
เย่ซิงเฉินทำสายตาค้อนใส่หลิงหยุนพร้อมพูดต่อทันที“เจ้าคงไม่คิดที่จะปล่อยให้นังหญิงชั่วช้าผู้นั้นอยู่อย่างสบายไปตลอดเจ็ดวันหรอกนะ!”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าดูเหมือนเย่ซิงเฉินจะโกรธแค้นตี๋เสี่ยวเจินยิ่งนัก ถึงกับคิดที่จะใช้ธาราแดนใต้กับนางเลยทีเดียว เพราะแม้แต่หลิงหยุนเอง ตั้งแต่ที่ได้มาเขายังมิเคยคิดที่จะใช้มันสักครั้งด้วยซ้ำไป..
“ตกลง..แต่เจ้าใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นนะ อย่าให้นางตายเร็วนัก!”
แม้ปากหลิงหยุนจะบอกกับเย่ซิงเฉินเช่นนั้นแต่เขากลับไม่รอช้า และรีบเรียกธาราแดนใต้ขวดใหญ่ออกมาแบ่งใส่ขวดเล็กให้กับเย่ซิงเฉินทันที หลิงหยุนเทจนเต็มขวดแล้วจึงมอบให้กับนางพร้อมกับเอ่ยเตือน “เจ้าต้องระมัดระวังให้มาก อย่าให้โดนตัวเองเข้าล่ะ!”
“ข้ารู้!”
จากนั้นเย่ซิงเฉินก็หันไปพยักหน้าให้กับไป๋เซียนเอ๋อ“น้องเซียนเอ๋อ พวกเราไปกันดีกว่า!”
ร่างงดงามทั้งสองร่างในชุดขาวและชุดดำทะยานพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา และมุ่งตรงไปยังยอดเขาเทียนเฟิงอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ..ในโลกใบนี้คงมิมีพิษใดที่ร้ายกาจไปกว่าจิตใจของหญิงสาวอีกแล้ว..” หลิงหยุนพึมพำออกมา ในระหว่างที่จ้องมองร่างของหญิงสาวทั้งสองที่เหาะหายไปกลางอากาศ
“พี่หยุน..ระวังปากจะนำปัญหามาให้พี่นะ!” ตี้เสี่ยวอู๋รีบร้องเตือนทันที
“…”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกแต่แล้วก็ไปทางตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับทำสีหน้าขึงขัง “นี่เจ้าคิดว่าคนอย่างพี่หยุนของเจ้ากลัวเมียหรือยังไงกัน”
ตี้เสี่ยวอู๋ได้แต่ยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า“ก็ถ้าพี่ไม่กลัว ก็ลองพูดดังๆดูสิ!”
“นี่ๆๆมาคุยกันเรื่องส่งคนไปตระกูลหนิงกันต่อได้แล้ว!”
“เสี่ยวอู๋..เจ้าไปหาหลี่เพียวหยางที่ยอดเขามนุษย์ บอกกับเขาว่าข้าสั่งให้จัดหาคนที่ไว้ใจได้สองคน เดินทางไปที่ตระกูลหนิงแจ้งข่าวที่เกิดขึ้นที่นี่ให้พวกเขารู้”
“ครับพี่หยุน!”
หลังจากที่รับปากหลิงหยุนแล้วตี้เสี่ยวอู๋ก็รีบหนีออกไปในทันที เพราะเกรงว่าหลิงหยุนจะจัดการเรื่องที่ตนพูดเมื่อครู่
“วิชามังกรพรางร่างของเจ้าเด็กนี่นับวันยิ่งก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังเหาะเหินได้รวดเร็วไม่น้อยทีเดียว..”
หลิงหยุนได้แต่พึมพำออกมาและอดที่จะชื่นชมตี้เสี่ยวอู๋ไม่ได้
หลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋เข้าสู่ระดับกลางขั้นอู่เฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-5) ได้แล้ว เขาก็สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ เพียงแต่ที่ผ่านมาหลิงหยุนยังมิได้มีเวลาสอนตี้เสี่ยวอู๋มากนัก เขาจึงเหาะไปตามความเข้าใจของตนเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็รวดเร็วไม่น้อยทีเดียว..
การที่ตี้เสี่ยวอู๋หยอกล้อตนเช่นนั้นหลิงหยุนหาได้ถือสาไม่ เพราะนั่นเป็นการสร้างความสนิทสนมระหว่างพี่น้อง
หลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋จากไปแล้วหลิงหยุนจึงยืนสงบจิตสงบใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียกเครื่องมือสื่อสารของตนเองออกมา แล้วกดโทรหาเหล่ากุ่ย และดูเหมือนอีกฝ่ายจะรอการติดต่อจากหลิงหยุนอยู่เช่นกัน จึงกดรับสายในทันที
“เหล่ากุ่ยข้าได้รับข้อมความที่เจ้าส่งมาให้ข้าแล้ว เจ้ามั่นใจนะว่าข้อมูลทั้งหมดที่รายงานข้านั้นถูกต้อง!”
หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากหลิงหยุนให้ไปสืบเรื่องชีวิตประจำของหนิงหลิงยู่แล้วเขาก็มิกล้ารอช้า และรีบไปจัดการตามที่หลิงหยุนสั่งทันที เขาใช้แหล่งข่าวทั้งหมดที่ตนมีอยู่ในมือ และออกไปสืบหารายละเอียดด้วยตนเองตลอดทั้งวัน ก่อนจะสรุปและส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับหลิงหยุนทราบ
และผลก็คือ..ทุกอย่างตรงกับที่หนิงหลิงยู่บอกทั้งหมด!
หลิงหยุนได้รับข้อความจากเหล่ากุ่ยตั้งแต่เช้าแล้วเพียงแต่เขายังยุ่งอยู่มากจึงยังไม่มีเวลาติดต่อกลับไปถามให้มั่นใจ
แต่อีกไม่นานหนิงหลิงยู่ก็จะมาถึงที่นี่แล้วเขาจึงต้องการถามให้มั่นก่อนที่นางจะมาถึง.. เพราะนั่นหมายถึงท่าทีของหลิงหยุนที่จะมีต่อหนิงหลิงยู่นับจากนี้
หากสิ่งที่หนิงหลิงยู่เล่ามาก่อนหน้านี้เป็นความจริงทั้งหมดหลิงหยุนก็จะปล่อยวางเรื่องนี้ไป และทำตัวเช่นปกติดังเดิม แต่หากพบว่าหนิงหลิงยู่เปลี่ยนไปจริงๆ เขาก็จะต้องวางเรื่องอื่นลง และจัดการแก้ปัญหาเรื่องหนิงหลิงยู่เสียก่อน
“เรียนท่านผู้นำตระกูลจากที่ข้าไปสืบมา ในคืนนั้นหนิงหลิงยู่อยู่ที่มหาวิทยาลัยหยานจิง และกำลังเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ส่วนภาพยนตร์ที่นำมาเปิดก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับอวกาศ..”
เหล่ากุ่ยเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่ตนสืบมาได้ให้หลิงหยุนฟังจนหมด..
“อืมม..ข้าเข้าใจแล้ว!”
หลิงหยุนพยักหน้าและรู้ว่าหนิงหลิงยู่มิได้โกหกตนเอง จึงค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาในทันที..
จากนั้นจึงได้ยินน้ำเสียงที่ตื่นเต้นของเหล่ากุ่ยดังอยู่ปลายสาย“ท่านผู้นำตระกูล นายผู้เฒ่าบอกกับข้าว่าท่านสามารถทำลายสำนักกระบี่เทียนซานได้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ข้าฟังแล้วตื่นเต้นอย่างมากทีเดียว ไม่ทราบท่านผู้นำตระกูลจะกลับปักกิ่งเมื่อใด”
หลิงหยุนตอบกลับทันที“คงจะไม่ใช่เร็วๆนี้แน่ ท่านแม่ต้องการอยู่ส่งดวงวิญญาณของท่านลุงหนิงที่นี่เจ็ดวัน ข้าจึงต้องอยู่กับนางด้วย!”
“อ่อ..สำนักกระบี่เทียนซานได้เปลี่ยนเป็นสำนักกระบี่หลิงหยุนแล้ว ที่นี่ยังมีเรื่องให้ข้าต้องจัดการอีกมากมาย”
“สำนักกระบี่หลิงหยุนงั้นรึชื่อสำนักไม่เลวเลยทีเดียว..” เหล่ากุ่ยยิ้มกว้างในขณะที่ตอบกลับไป
“อ่อ..เหล่ากุ่ย ข้ายังมีเรื่องต้องให้เจ้าช่วย!”
“ท่านผู้นำตระกูลได้โปรดสั่งการได้เลย..”
“เวลานี้ที่ปักกิ่งมีหญิงสาวผู้หนึ่งชื่อว่าเหออวี้ฉงเจ้าช่วยส่งคนไปดูแลความปลอดภัยให้นางที หลังจากนี้หกวันจึงค่อยส่งนางไปที่จิงฉู เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“ส่วนที่อยู่ของนางนั้นเจ้าไปถามถังเมิ่งได้เลย..” เหล่ากุ่ยรีบตอบกลับในทันที“ข้าเข้าใจ! ท่านผู้นำตระกูลได้โปรดวางใจ ข้าจะรีบไปจัดการตามคำสั่งของท่าน!”
“อ่อ..อย่าลืมบอกท่านปู่ด้วยว่า เวลานี้ข้าเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) แล้ว อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ท่านปู่และคนอื่นๆจะได้ไม่เป็นห่วงข้ามาก..”
หลิงหยุนสนทนากับเหล่ากุ่ยต่ออีกเพียงเล็กน้อยแล้วจึงวางสายไป..
“เฮ้อ..ข้าคงจะกังวลมากเกินไป หลิงยู่หาได้โกหกข้าไม่ คงจะไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ!” หลิงหยุนพึมพำออกมาหลังจากกดวางสายไปแล้ว
หลิงหยุนเลิกครุ่นคิดเรื่องนี้อีกและกำลังรอให้หนิงหลิงยู่มาถึง และเขาจะค่อยๆสังเกตดูด้วยตัวเองอีกครั้ง..
“ในเมื่อยังมิมีสิ่งใดต้องทำระหว่างที่รอหนิงหลิงยู่มา ข้าคงต้องใช้เวลาฝึกฝนเพื่อให้สามารถเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่โดยเร็ว!” จากนั้น..ร่างของหลิงหยุนก็เหาะตรงไปยังยอดเขาเจงิชโชกูซูในทันที!
ยอดเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เคยผนึกกระบี่ฟ้าไว้แม้เวลานี้จะมิมีกระบี่ฟ้าอยู่แล้ว แต่ยังคงมีปราณกระบี่หลงเหลืออยู่มากกว่าบริเวณอื่น
หลิงหยุนนั่งขัดสมาธิปิดทวารการรับรู้ทั้งห้าของตน และเริ่มเข้าสู่สมาธิแน่วแน่ทันที จากนั้นจึงเริ่มเดินวิชาพลังลับหยิน–หยาง ดูดซับเอาปราณกระบี่เข้าไปในร่างของตนเองทันที
จนกระทั่งเวลาบ่ายโมงตรงฉินชุนเฟิงซึ่งเป็นลูกชายคนโตของตระกูลฉิน ก็เดินทางมาถึงสำนักกระบี่หลิงหยุนพร้อมกับฉินเหว่ยลูกชายของเขา
กระทั่งบ่ายสามโมงตรงคนของตระกูลหนิงก็เดินทางมาถึงด้วยท่าทางเร่งรีบ..
และเวลาหกโมงเย็นร่างงดงามไร้ที่ติก็กำลังเหาะมาจากฟากฟ้า ผ่านเทือกเขายาวทางด้านใต้ และกำลังมุ่งตรงมายังสำนักกระบี่หลิงหยุนเช่นกัน
และในที่สุด..หนิงหลิงยู่ก็มาถึง!