มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 809
บริเวณใกล้เคียงหุบเขาหินดำสั่นสะท้านเล็กน้อย บุรุษในชุดคลุมยาวสีเทาขาวผู้หนึ่งก้าวเท้าเดินออกมา

“พี่ถัง ศิษย์น้องเหมียว ไม่เจอกันเสียนาน” ชายผู้นี้ยิ้มอ่อน ๆ ประสานมือทักทาย ท่าทางมีมารยาทยิ่งนัก ไม่ได้แสดงความโอหังของแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ออกมา

หลัวซิวสังเกตถึงผลการฝึกตนของอีกฝ่าย การเคลื่อนไหวอันเรือนร่างของพลังจิตแท้ บ่งบอกถึงผลการฝึกตนแดนเจ้ายุทธจักรช่วงปลายของอีกฝ่าย

“ศิษย์ที่หวู ข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จัก ท่านนี้คือซิวหลัว เป็นยอดฝีมือที่กล้ามาแดนดารานอกเพียงลำพัง”

ถังอันหัวเราะชอบใจ กล่าวแนะนำ: “พี่ซิวหลัว ท่านนี้ก็คือศิษย์พี่หวูที่ข้าเอ่ยถึง หวูเจิ้ง”

เมื่อได้ยินว่าหลัวซิวมาที่ แดนดารานอกเพียงลำพัง ดวงตาของหวูเจิ้งก็เป็นประกายขึ้นมา จากผลการฝึกตนแดนเจ้ายุทธจักรช่วงปลายของเขา แม้จะนับว่าร้ายกาจมากแล้วในแดนดารานอก แต่ก็ไม่กล้าเดินทางเพียงลำพัง

“พี่ซิวหลัว” หวูเจิ้งประสานมือทักทาย

“พี่หวู” หลัวซิวประสานมือทักทายกลับ

หลังจากที่พูดคุยตามมารยาทอยู่สักพัก หวูเจิ้งก็ได้เข้าสู่ประเด็นสำคัญทันที หันไปกล่าวกับถังอัน: “ในเมื่อพี่ถังได้เชิญข้ามา และยังได้เชิญพี่ซิวหลัว บ่งบอกได้ว่าสถานที่ที่ท่านพบเข้านั้นไม่ธรรมดา ยอดฝีมือยิ่งมากยิ่งดี”

“พอดีข้ายังมีสหายอยู่ในที่นี้อีกคน หากพี่ถังไม่รังเกียจ เดินทางร่วมกันเป็นอย่างไร?”

กล่าวไป ภายในการชี้นำของหวูเจิ้ง ทุกคนก็ได้เข้าสู่ค่ายกลแห่งหนึ่ง มาถึงด้านในของหุบเขาหินดำ

ที่นี่คือสถานที่ฝึกตนของหวูเจิ้งสร้างเป็นถ้ำขึ้นด้วยหินประหลาดสีดำ หลังจากที่ทุกคนได้เข้ามาในถ้ำ ก็พบว่ายังมีอีกคนอยู่ด้านใน

ชายผู้นี้มีหนวดขาวผมขาว ดูท่าจะมีอายุไม่น้อย รัศมีของผลการฝึกตนสูงกว่าหวูเจิ้งอีกในระดับหนึ่ง

“ศิษย์พี่หวูเย๋?” เมื่อเห็นคนผู้นี้ ถังอันและเหมียวยี่หรงก็ได้เข้ามาทักทาย เห็นได้ชัดว่ารู้จักกันมาก่อน

เมื่อหวูเย๋ผู้นี้ได้ยินว่าหลัวซิวเป็นผู้แข็งแกร่งที่เดินทางเพียงลำพัง แสงแพรวพราวได้แวบเข้ามาในดวงตาขุ่นมัวของเขา “ไม่ทราบสหายเป็นศิษย์สำนักใดหรือ?”

ระหว่างที่กล่าว คนผู้นี้ก็ได้แผ่ซ่านรัศมีของตนเองออกมา กลายเป็นแรงกดดันมหาศาล เหมือนว่ามีความคิดที่จะประลองกับหลัวซิวสักหน่อย

เมื่อเห็นว่าหวูเย๋ใช้กระแสพลังทดสอบหลัวซิวอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ และถังอันยังเป็นคนที่พาหลัวซิวมาเอง นี่ทำให้ถังอันมีสีหน้าประหม่าเล็กน้อย

เพียงแต่หวูเย๋และหวูเจิ้งต่างเป็นผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ตระกูลยุทธ์ เขาก็ไม่อาจพูดอะไรที่ล่วงเกินได้

นอกจากนี้แล้วเขาก็มองไม่ออกว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวอยู่ในระดับใดกันแน่ ให้หวูเย๋ทดสอบดูสักหน่อย ก็พอที่จะรู้ความตื้นลึกหนาบางของคนผู้นี้ได้บ้าง

“นี่สหายหมายความเช่นไรหรือ?” หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แผ่ซ่านพลังจิตแท้ของตนเองออกมา แต่ได้สร้างแรงกดดันขึ้นด้วยกระแสพลังแห่งกฎ

รัศมีพลังของทั้งสองฝ่ายพึ่งจะกระทบกัน รัศมีพลังของหวูเย๋ก็สลายไปทันที ถูกกระแสพลังแห่งกฎจู่โจมจนแตกสลายไป

“กฎความตาย?”

สีหน้าของหวูเย๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย “สหายยุทธ์ซิวหลัวเป็นผู้สืบทอดของนิกายมารศักดิ์สิทธิ์”

เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า นิกายมารศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ที่มีความสำเร็จสูงสุดในกฎความตาย และมีเพียงผู้แข็งแกร่งของนิกายมารศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถฝึกฝนกฎความตายให้บรรลุในแดนที่สูงเช่นนี้ได้

หลัวซิวสีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่ได้ตอบกลับใด ๆ เลย ความให้สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายประหม่าเล็กน้อย

ถังอันรีบประนีประนอมทันที ยิ้มกกล่าว: “ทั้งสองท่านอย่างได้ผิดใจกันเลย ครั้งนี้ทุกคนจะเอาผลทิพย์แท้มาได้หรือไม่ จะต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่ถถึงจะได้”

“ว่าอย่างไรนะ? ผลทิพย์แท้?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวูเจิ้งและหวูเย๋ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองคน ต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

ที่พวกเขาตกตะลึง เพราะเมื่อก่อนหน้านี้ถังอันได้บอกเพียงว่าค้นพบสถานที่ที่มีสมบัติวิเศษแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้พวกว่าในนั้นมีผลทิพย์แท้

สำหรับคนที่อยู่ในแดนเจ้ายุทธจักร ผลทิพย์แท้ของล้ำค่าอย่างแน่นอน สาเหตุที่ถังอันไม่กล่าวตั้งแต่แรก เพราะกลัวว่าข้ามูลจะกระจายไปเข้าหูคนอื่น