บทที่ 1448 : ภูเขาเพลิง
“เซียนเอ๋อ..ยังพอมีเวลา ข้าจะพาเจ้าไปในที่แห่งหนึ่ง!”
เวลานี้เป็นเวลาตีสองยี่สิบนาทีหลิงหยุนเรียกเครื่องมือสื่อสารของหน่วยนภาออกมา และเปิดหาตำแหน่งของสถานที่แห่งหนึ่ง
จากนั้น..หลิงหยุนจึงเอื้อมมือไปจับแขนเรียวงามของไป๋เซียนเอ๋อไว้ และพานางเหาะขึ้นไปบนท้องนภาด้วยความสูงหนึ่งหมื่นเมตร และได้สร้างโล่ลมปราณปกป้องร่างกายไว้ด้วย หลิงหยุนพาไป๋เซียนเอ๋อเหาะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วเหนือเสียงสี่เท่า
“โอ้โห..พี่หลิงหยุนพาข้าออกมาเหาะเล่นเช่นนี้ ข้ามีความสุขมากจริงๆ!”
สถานที่ที่หลิงหยุนจะพาไป๋เซียนเอ๋อไปนั้นค่อนข้างไกลมากเขาจึงต้องเหาะไปด้วยความเร็วสูง ไป๋เซียนเอ๋อถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างมีความสุข “พี่หลิงหยุน..พวกเราจะไปที่ใดกันรึ”
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้พร้อมตอบกลับไปว่า“เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เองล่ะ!”
เพียงแค่สิบนาทีหลิงหยุนกับไป๋เซียนเอ๋อก็เหาะมาได้ไกลกว่าแปดร้อยกิโลเมตรแล้ว หลิงหยุนจึงค่อยๆชะลอความเร็วลง ก่อนจะร่อนลงสู่พื้นดินในอีกหนึ่งกิโลเมตรข้างหน้า
บนยอดเขาแห่งนี้สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นจากเบื้องล่างได้อย่างชัดเจนอีกทั้งยังทีเทือกเขาสุดลูกหูลูกตา ภาพขุนเขาลดหลั่นสูงต่ำเป็นผืนกว้างตัดกับขอบฟ้าดูช่างงดงามยิ่งนัก..
“ที่นี่ล่ะ!!”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับร้องบอกไป๋เซียนเอ๋อ..
“โอ้โห..ที่นี่อบอุ่นสบายยิ่งนัก!”
แม้ว่าจะอยู่บนยอดเขาสูงและเป็นเวลาตีสองครึ่งยามเช้าซึ่งควรจะเป็นช่วงที่เย็นที่สุด แต่อุณหภูมิที่นี่ยังสูงถึงยี่สิบห้าองศาเลยทีเดียว
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นที่นี่นับเป็นสถานที่ที่ร้อนที่สุดในประเทศจีน แถบนี้เรียกว่าโห่วเยี่ยนซาน หรือภูเขาเพลิง..”
หลิงหยุนอธิบายให้ไป๋เซียนเอ๋อฟังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..
ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของอูรัมชีห่างไปราวสองร้อยกิโลเมตรคือเมืองถู่หลู่ฟ่านและภูเขาเพลิง!
ภูเขาเพลิงนั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบริเวณที่ร้อนที่สุดของประเทศจีน!
แต่ก็มิรู้ว่าหลิงหยุนพาไป๋เซียนเอ๋อมาที่นี่ด้วยเหตุผลใด
“เซียนเอ๋อ..เจ้าจดจำสถานที่แห่งนี้ไว้ให้ดี ในวันข้างหน้าที่เจ้าพัฒนาสู่ขั้นที่สูงขึ้นไป ที่นี่จะเป็นสถานที่ฝึกฝนวิชาที่ดีมากสำหรับเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าร้อน!”
ไป๋เซียนเอ๋อเป็นจิ้งจอกไฟและที่นี่ก็คือภูเขาเพลิง ที่แห่งนี้จึงอุดมไปด้วยพลังชีวิตธาตุไฟ ซึ่งเหมาะ และเป็นประโยชน์ต่อการฝึกวิชาของไป๋เซียนเอ๋อเป็นที่สุด
“ได้..ข้าจะจำไว้! ภูเขาเพลิงเมืองถู่หลู่ฟ่าน..” ไป๋เซียนเอ๋อร้องตะโกนออกมาด้วยความดีอกดีใจ
ระหว่างที่สองคนกำลังสนทนากันนั้นหลิงหยุนก็พาไป๋เซียนเอ๋อเหาะไปบนยอดเขา พร้อมกับเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจรอบๆบริเวณ
หลิงหยุนรู้ดีว่าบริเวณซินเจียงซึ่งเป็นแนวชายแดนนั้นล้วนอุดมไปด้วยถ่านหินมากมาย อุณหภูมิบริเวณนี้จึงค่อนข้างร้อน ซึ่งเกิดจากการสันดาปของถ่านหินตามธรรมชาตินั่นเอง
และเวลานี้หลิงหยุนก็กำลังสำรวจหาบริเวณที่ร้อนที่สุด..
หลิงหยุนพาไป๋เซียนเอ๋อเหาะสำรวจไปตามรอยแยกของภูเขาและไม่นานนักเขาก็พบสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีควันร้อนระอุพวยพุ่งออกมาอยู่ด้านหน้า “พบแล้ว..ตรงนั้น!”
แววตาของหลิงหยุนเป็นประกายขึ้นมาทันทีและรีบเหาะตรงเข้าไปในบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
เขาแห่งนี้มีความสูงราวสี่ร้อยเมตรผืนดินทางตอนใต้ของเขาเป็นสีน้ำตาลแดง และมีความลาดชันค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีควันสีขาวร้อนระอุพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก แต่เนื่องจากในยามค่ำคืนมีลมแรง จึงได้พัดพากลุ่มควันออกไปทำให้มิอาจมองเห็นได้ในระยะไกล
หลิงหยุนและไป๋เซียนเอ๋อเหาะไปหยุดห่างจากเขาแห่งนี้ราวห้าสิบเมตรและพบว่ามีเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้อยู่ตลอดเวลา ในบางคราก็มีลมรุนแรงโหมพัดเข้าใส่เป็นระยะๆ
“ไม่แปลกเลยที่มีชื่อว่าภูเขาเพลิง..นับว่าการมาครั้งนี้คุ้มค่ายิ่งนัก!”
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงไอร้อนจึงหันไปถามไป๋เซียนเอ๋อว่า “เซียนเอ๋อ ที่นี่เป็นเช่นใดบ้าง” ไป๋เซียนเอ๋อบิดกายเล็กน้อยแล้วจึงเหาะไปด้านหน้าอีกหลายสิบกิโลเมตร ก่อนจะร่อนลงบนหินข้างเปลวเพลิง นางมิได้หวาดกลัวอุณหภูมิที่สูงนับพันๆองศารอบกายเลยแม้แต่น้อย
“พี่หลิงหยุนข้าชอบที่นี่มาก ขอบคุณพี่มากจริงๆ!”
ระหว่างที่พูดนั้นมือของไป๋เซียนเอ๋อก็วาดไปมาราวกับกำลังร่ายรำ นางกำลังสำแดงใช้ไฟโลกันต์ เปลวไฟสีแดงลุกโชนขึ้นบนฝ่ามือและรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นไป๋เซียนเอ๋อจึงได้ซัดลูกไฟนี้ไปยังพื้นเบื้องหน้า ผืนดินกลายเป็นเปลวไฟขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นสูงกว่าสิบเมตรในทันที
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบเหาะตรงเข้าไปยืนอยู่ตรงกลางเปลวเพลิงสูงใหญ่ทันที โดยมิได้หวาดกลัวต่อความร้อนของมันเลยแม้แต่น้อย
และหากหวาดกลัว..เขาก็คงจะไม่มาที่นี่เป็นแน่! หลิงหยุนผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์เทียนจิ่วมาแล้วซึ่งมีทั้งอสุนีบาตห้าธาตุ และหนึ่งในนั้นก็คืออสุนีบาตธาตุไฟที่ร้อนแรงกว่าเปลวเพลิงนี้หลายเท่านัก ฉะนั้นแล้วไม่เพียงเขาจะไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อเปลวเพลิงตรงหน้าเวลานี้ แต่กลับคิดว่ามีประโยชน์และคุณค่าต่อตนเองอย่างมากด้วย
และเวลานี้หลิงหยุนก็กำลังฝึกวิชาหงส์เล่นไฟซึ่งเป็นหนึ่งในวรยุทธบ่มเพาะสำหรับฝึกธาตุทั้งห้าอีกด้วย
“พี่หลิงหยุนเก่งจริงๆ!!”
ไป๋เซียนเอ๋อเห็นหลิงหยุนยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงร้อนแรงโดยมิสะทกสะท้านเช่นนั้นนางก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจราวกับเด็กน้อย พร้อมกับขยับฝ่ามือเร่งเร้าเปลวเพลิงให้ลุกโชนยิ่งขึ้น
“เซียนเอ๋อ..อย่ามัวแต่เล่นสนุก!”
หลิงหยุนก้าวเดินออกมาจากเปลวเพลิงพร้อมกับร้องบอกไป๋เซียนเอ๋อ“ข้าพาเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะถ่ายทอดวิชาให้กับเจ้านะรู้หรือไม่”
จากนั้นหลิงหยุนจึงได้ใช้พลังจิตของตนถ่ายทอดเคล็ดวิชาหงส์เล่นไฟให้กับไป๋เซียนเอ๋อ และเมื่ออีกฝ่ายจดจำได้อย่างแม่นยำแล้ว หลิงหยุนจึงเอ่ยขึ้นว่า
“เซียนเอ๋อ..เจ้าเองก็ได้ฝึกฝนวิชาตามคัมภีร์ปีศาจเก้าดวงดาวมาแล้ว และธาตุที่โดดเด่นในตัวเจ้าก็คือธาตุไฟ จึงเหมาะที่จะฝึกวิชาที่เกี่ยวกับธาตุนี้โดยเฉพาะ”
“ข้าได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาหงส์เล่นไฟนี้ให้กับเจ้าแล้วจากนี้ไปเจ้าต้องฝึกฝน และต้องคอยสังเกตเอาเองว่าวิชานี้จักส่งผลต่อความก้าวหน้าในการฝึกฝนของเจ้าหรือไม่”
วิชาหงส์เล่นไฟนี้เป็นวิชาบ่มเพาะของเผ่าพันธุ์มนุษย์หลิงหยุนจึงเกรงว่า จะส่งผลอันใดต่อความก้าวหน้าของไป๋เซียนเอ๋อหรือไม่ เขาจึงต้องให้นางเฝ้าสังเกตตนเองดู
ไป๋เซียนเอ๋อยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมตอบกลับไปว่า“พี่หลิงหยุน ข้าเข้าใจดี พี่อย่าได้กังวลใจไป!” “ข้ามีของขวัญให้กับเจ้าด้วย!”
ระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกผลึกหินสีแดงก้อนใหญ่ออกมาจากแหวนมากมาย และเมื่อกระทบเข้ากับเปลวไฟสีแดง มันก็ยิ่งเป็นประกายสุกสว่างมากขึ้นกว่าเดิมหลายร้อยเท่า
และนี่คือหินพลังชีวิตธาตุไฟที่ล้ำเลิศยิ่งนัก!
หลิงหยุนได้หินมณีไฟเหล่านี้มาจากใต้บ่อมังกรภายในทะเลสาบผอหยางเขามีหินมณีไฟอยู่มากมายนับหมื่นก้อน เพียงแค่ให้ไป๋เซียนเอ๋อไว้ฝึกวิชาสักห้าร้อยก้อน เขาก็ยังเหลืออยู่อีกมากมาย
และหลิงหยุนก็ไม่เคยเสียดายกับสิ่งที่มอบให้เพื่อการฝึกฝนวิชาของไป๋เซียนเอ๋อ!
“โอ้โห..งดงามมากจริงๆ!”
ดวงตามีเสน่ห์อย่างสุนัขจิ้งจอกหรี่ลงเล็กน้อยในขณะที่แววตาทั้งสองข้างเป็นประกายแวววาวเมื่อสะท้อนกับแสงของหินมณีไฟจำนวนมาก!
“เซียนเอ๋อขอบคุณพี่หลิงหยุนยิ่งนัก!”
“เอาล่ะเก็บหินมณีไฟเข้าไปในแหวนของเจ้าได้แล้ว..”
หลิงหยุนตบบ่าไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับย้ำว่า“อย่าได้นึกเสียดายที่จะใช้หินมณีไฟในการฝึกวิชาของเจ้า หากหมดเมื่อไหร่ ข้ายังมีให้เจ้าอีกมากมาย”
ไป๋เซียนเอ๋อรีบเรียกหินมณีไฟเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ของตนทันที..
จากนั้น..หลิงหยุนก็เรียกหินมณีไฟออกมาจำนวนหนึ่ง และสร้างค่ายกลหลุมพลังขึ้นทันที
“เซียนเอ๋อเจ้าเข้าไปด้านใน และคืนนี้เจ้าก็ฝึกฝนวิชาอยู่ที่นี่!”
ไป๋เซียนเอ๋อพยักหน้าและกระโดดเข้าไปภายในค่ายกลหลุมพลังอย่างว่าง่าย จากนั้นจึงนั่งลงขัดสมาธิและเริ่มฝึกฝนวิชาตามคำสั่งของหลิงหยุนทันที หลังจากที่ไป๋เซียนเอ๋อเริ่มฝึกฝนวิชาอยู่ภายในค่ายกลแล้วหลิงหยุนจึงเหาะไปสำรวจรอบเขาเพื่อหาสถานที่ฝึกวิชาเช่นกัน และเมื่อพบแล้วเขาก็ร่อนลง แล้วจึงนั่งขัดสมาธิจดจ่อมุ่งมั่นอยู่กับการฝึกวิชาของตนเอง!บทที่1449 : หงส์ไฟ
กายที่ล้ำเลิศของหลิงหยุนเวลานี้หลังจากที่เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) แล้วก็ยิ่งมิจำเป็นต้องตั้งใจฝึกปรืออีก นั่นเพราะร่างกายของเขาสามารถดูดซับพลังชีวิตรอบตัวเข้าไปได้เองอยู่ตลอดเวลา และความเร็วในการดูดซับก็รวดเร็วเหนือกว่าผู้บ่มเพาะพลังในขั้นเดียวกันด้วย
อีกทั้งวรยุทธบ่มเพาะที่หลิงหยุนใช้อย่างวิชาพลังลับหยิน–หยางนั้นก็เป็นวิชาที่ล้ำเลิศอย่างมากด้วยเช่นกัน
หลิงหยุนนั่งขัดสมาธิปิดทวารการรับรู้ทั้งห้าและเข้าสู่สภาวะที่สงบนิ่ง และเริ่มโคจรลมปราณ..
บูม!!
กระแสวนหยิน–หยางที่หมุนอย่างรวดเร็วนั้นได้พวยพุ่งออกจากร่างและรัศมีของกระแสวนหยิน–หยางนี้ก็ได้ขยายใหญ่กว่าเก้าเมตรเลยทีเดียว แต่แล้วก็หยุดอยู่เพียงเท่านั้น และกำลังหมุนวนรอบๆร่างของหลิงหยุน
กระแสวนหยิน–หยางได้หมุนอย่างรวดเร็วจนดูเสมือนหนึ่งพายุหมุนทอร์นาโดร่างของหลิงหยุนนั่งอยู่ตรงกลาง โดยมีพายุหมุนที่พัดเอาเศษดินปลิวเข้าไปด้านใน และกระแสที่รุนแรงของพายุหมุนนี้ก็ได้บีบหินใหญ่จนแตกละเอียดเป็นผง
พลังธาตุไฟรอบร่างกายของหลิงหยุนเวลานี้ก็ได้ถูกกระแสวนหยิน–หยางนี้ดูดเข้ามาด้วยเช่นกัน ก่อนจะถูกร่างกายของหลิงหยุนดูดซับเข้าไปเช่นกัน
“โอ้โห..พี่หลิงหยุน!!”
ไป๋เซียนเอ๋อที่กำลังนั่งฝึกวิชาอยู่ภายในค่ายกลหลุมพลังนั้นสัมผัสได้ถึงพลังรุนแรงที่เกิดขึ้นจนถึงกับต้องลืมตาขึ้นมอง และเมื่อได้เห็นพายุหมุนสีเทาลูกใหญ่หมุนรอบตัวหลิงหยุนเช่นนั้น นางถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ!
–เซียนเอ๋อ..จดจ่ออยู่กับการฝึกของตนเอง มิต้องสนใจข้า!- เสียงตำหนิของหลิงหยุนดังขึ้นในใจของไป๋เซียนเอ๋อนางถึงกับแลบลิ้นออกมา แล้วรีบหลับตาลงและฝึกฝนวิชาของตนเองต่อทันที
หลิงหยุนเริ่มสำรวจเข้าไปภายในร่างกายของตนเอง..
ภายในจุดตันเถียนอันน่าอัศจรรย์ของเขาเวลานี้กำลังหมุนอย่างรวดเร็วดวงตาปลาหยิน และปลาหยางปรากฏลำแสงสีดำและสีขาวพวยพุ่งออกมาอัดแน่นอยู่ภายในจุดตันเถียน
นี่หาใช่พลังหยินและหยางที่ร่างกายดูดซับเข้ามาหรือเป็นการแปรเปลี่ยนจากพลังชนิดอื่นไม่ แต่เป็นพลังหยินและหยางที่จุดตันเถียนอันน่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนสร้างขึ้นมาได้เองโดยมิต้องอาศัยสิ่งใด เกิดจากการฝึกวิชาพลังลับหยิน–หยางนั่นเอง!
นี่นับเป็นความล้ำเลิศอย่างน่าอัศจรรย์และนี่คือเหตุผลที่หลิงหยุนสามารถฝึกฝนก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วกว่าผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ และคือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดเขาจึงมีพลังอย่างเต็มเปี่ยมแทบจะตลอดเวลา
แม้แต่หนิงหลิงยู่ซึ่งมีกายอัปสรนั้นยังต้องอาศัยการดูดซับเอาพลังชีวิตภายนอกเข้าไป เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง ในขณะที่ร่างกายของหลิงหยุนกลับสามารถสร้างพลังหยินและหยางขึ้นได้เอง!
และนี่นับเป็นอีกหนึ่งความลับที่ยิ่งใหญ่ของหลิงหยุนนั่นเพราะการสร้างสรรสิ่งหนึ่งจากความไม่มีนั้น เป็นเรื่องที่ยากจะหาผู้ที่ทำเช่นนี้ได้!
เช่นเดียวกัน..เมื่อเดินพลังหยินและหยางเข้าสู่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้ว จุดซือไห่ของหลิงหยุนก็จะกลั่นเสินหยวนอย่างรวดเร็วราวกับห่าฝน และเวลานี้ภายในจุดซือไห่ของเขาก็ราวกับกำลังเกิดพายุฝนอยู่ภายใน!
เวลานี้หลิงหยุนสามารถกลั่นเสินหยวนได้มากกว่าหนึ่งร้อยหยดต่อวินาทีและนั่นมากกว่าหกพันหยดต่อชั่วโมง!
‘เกือบแล้วสินะ!!’ หลิงหยุนคิดอยู่ในใจขณะที่ริมฝีปากของเขาถึงกับเผยอยิ้มออกมา..
ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนที่หลิงหยุนต่อสู้กับคนของสำนักเทียนซานมาจนถึงวันนี้หลิงหยุนได้ใช้เสินหยวนไปกับเรื่องต่างๆอีกมากมายนอกเหนือจากที่ใช้ในการต่อสู้ แต่เวลานี้กลางจุดซือไห่ของเขานั้นได้กลั่นเสินหยวนเป็นจำนวนเกือบเจ็ดแสนหยดแล้ว ซึ่งเป็นเพียงครึ่งเดียวที่จุดซือไห่ของเขาสามารถรองรับได้
ด้วยจำนวนเสินหยวนที่มากมายถึงเพียงนี้หลิงหยุนสามารถทำการทะลวงเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้ในทันที แต่เขาก็มิได้รีบร้อนที่จะทำเช่นนั้น หลิงหยุนยังคงบ่มเพาะร่างกายที่แข็งแกร่งของตนด้วยเปลวไฟห้าธาตุหยินหยาง และฝึกฝนวิชาต่อไปอย่างมุ่งมั่น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป..
สามชั่วโมงผ่านไป..
จนกระทั่งเข้าล่วงเลยเข้าสู่เวลาหกโมงครึ่งและท้องฟ้าเริ่มทอประกายสดใส.. ฟรึบ..
หลิงหยุนดึงกระแสวนหยิน–หยางกลับเข้าสู่จุดตันเถียนของตนดังเดิมก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น และเวลานี้ดวงตาของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวและสีดำ!
เนตรหยิน–หยาง!!
“กลั่นเสินหยวนได้มากถึงเจ็ดแสนหยดเชียวรึ..”
ต่อมา..หลิงหยุนได้เริ่มทำการเผาเสินหยวนจำนวนหกพันหยดให้เปลี่ยนเป็นพลังวิเศษ และทำการขยายจุดซือไห่ของตนทันที!
บูม!
ภายใต้พลังวิเศษที่แข็งแกร่งนี้หลิงหยุนได้ทำการขยายจุดซือไห่ของตนได้สำเร็จ และเวลานี้จุดซือไห่ของเขาก็มีพื้นที่เพิ่มจากเดิมอีกยี่สิบส่วน อีกทั้งภายในจุดซือไห่ยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า..
โดยมิต้องอาศัยโอสถใดๆเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสภาพที่พร้อม หลิงหยุนก็สามารถเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้อย่างง่ายดาย!
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ของตนออกดูและพบว่าเวลานี้จิตหยั่งรู้ของตนมีรัศมีครอบคลุมถึงเก้ากิโลเมตรแล้ว อีกทั้งยังเห็นรายละเอียดทุกอย่างได้ชัดเจนยิ่ง..
“สังหาร!”
กระบี่เหินเงาธนูพุ่งเป็นสายสีเขียวออกไปอย่างรวดเร็วและเพียงแค่พริบตาเดียว หินก้อนใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปถึงหกกิโลเมตร ก็ถูกตัดขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย
“เยี่ยมมาก..!!”
หลิงหยุนพยักหน้าและพึมพำออกมาอย่างมีความสุขเมื่อพบว่า ตนเองสามารถกลั่นเสินหยวนได้ถึงเจ็ดพันสองร้อยหยดในหนึ่งชั่วโมง และสามารถบังคับกระบี่เหินเงาธนูให้สามารถจู่โจมในรัศมีที่ไกลถึงหกกิโลเมตรได้
นี่เพียงแค่กระบี่เหินเงาธนูหากเป็นกระบี่กังฉีจักมีพลังจู่โจมที่แข็งแกร่งกว่านี้มาก.. แทบมิต้องไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นหลิงหยุนรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของตนเวลานี้ นับว่าเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่ในขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) เสียอีก!
“หากข้าเผชิญหน้ากับยอดฝีมือด่านสุดท้ายขั้นก่อสร้างรากฐานอีกล่ะก็เพียงแค่กระบี่เหินข้าก็สามารถจัดการกับมันได้แน่!”
หลิงหยุนมั่นใจอย่างยิ่งกับพลังจิตที่แข็งแกร่งมากขึ้นของตนเขาหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างมีความสุข เมื่อรู้สึกว่าการใช้พลังจิตบังคับควบคุมอาวุธนั้น เกือบจะแข็งแกร่งเท่ากับการควบคุมด้วยกายเนื้อแล้ว..
อธิบายง่ายๆก็คือ..เวลานี้หลิงหยุนสามารถใช้พลังจิตควบคุมอาวุธได้แข็งแกร่งราวกับใช้มือนั่นเอง!
หลังจากทะลวงขั้นพลังได้แล้วหลิงหยุนก็ยังคงฝึกฝนต่ออีกครู่ใหญ่ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับขั้นพลังใหม่ของตน..
และเวลานี้..พลังบ่มเพาะในระดับเริ่มต้นขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ของหลิงหยุนก็มั่นคงดีแล้ว!
จนกระทั่งเวลาเจ็ดโมงครึ่งซึ่งท้องฟ้าเริ่มสว่างจ้ามากขึ้นแล้วหลิงหยุนจึงหยุดฝึกวิชา และเหาะกลับไปหาไป๋เซียนเอ๋อ
“พี่หลิงหยุน..ท่านทะลวงขั้นได้แล้วหรือไม่”
ไป๋เซียนเอ๋อซึ่งกำลังรอหลิงหยุนอยู่รีบวิ่งออกมาจากค่ายกลหลุมพลัง และเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เขามาถึง
“ได้สิ!”
หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆเขาพินิจมองไป๋เซียนเอ๋ออย่างละเอียดก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “เซียนเอ๋อ.. ดูเหมือนเจ้าเองก็พัฒนาขึ้นมากเช่นกัน!”
ไป๋เซียนเอ๋อยิ้มเอียงอายพร้อมกับส่ายหน้า“ไม่หรอก.. ข้ายังห่างไกลพี่หลิงหยุนนัก!”
หลิงหยุนหันมองไปรอบๆตัวแล้วจึงหันกลับมาบอกกับไป๋เซียนเอ๋อว่า “เซียนเอ๋อ ที่นี่มีพลังชีวิตธาตุไฟค่อนข้างสมบูรณ์ยิ่งนัก ยากที่จะหาที่ใดในโลกเหมือนเช่นที่นี่อีกแล้ว เจ้าฝึกวิชาต่อไปก่อน..”
ยังมิทันจะสิ้นเสียงพูดดีร่างของหลิงหยุนก็เหาะออกจากยอดเขาไปในทันที..
เมื่อเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) แล้ว อัตราความเร็วในการเหาะของหลิงหยุนก็เพิ่มขึ้นด้วย และเวลานี้เขาก็สามารถเหาะได้เร็วกว่าเสียงถึงหกเท่าเลยทีเดียว..
ระหว่างทางที่เหาะไปนั้นหลิงหยุนได้กางแขนออกพร้อมกับดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟเข้าไปทั่วร่าง แต่ยังมิได้แปลงเป็นพลังหยินและหยาง..
ในระหว่างที่ดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟเข้าไปนั้นหลิงหยุนก็ได้เดินวิชาหงส์เล่นไฟไปทั่วร่าง ไม่นานนักหงส์สีแดงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนศรีษะของหลิงหยุน จากร่างที่เป็นเงาเลือนลางค่อยๆกลายเป็นหงส์สีแดงซึ่งมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำอยู่รอบตัว.. หงส์ไฟ!!
“โจมตี!”
ทันทีที่เงาของหงส์ขนาดใหญ่ค่อยๆก่อตัวจนกลายเป็นหงส์ไฟที่เห็นได้ด้วยตาเนื้อหลิงหยุนจึงได้ใช้พลังจิตสั่งหงส์ไฟที่ดูราวกับมีชีวิตจริงๆนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วหงส์ไฟขนาดใหญ่ก็บินตรงเข้าไปที่หินก้อนใหญ่ด้านหน้า พร้อมกับพ่นไฟใส่ทันที!
หินสีน้ำตาลสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดสองเมตรถูกเปลวเพลิงลุกท่วมเผาผลาญในทันที ก่อนจะกลายเป็นเพียงถ่านหินที่ติดไฟก้อนหนึ่งเท่านั้น
“หงส์ไฟ!!นับว่าการฝึกวิชาหงส์เล่นไฟของข้าสำเร็จขึ้นเล็กน้อยบ้างแล้วสินะ..”
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจนั่นเพราะเพียงแค่เปลวเพลิงจากหงส์ไฟ และไฟโลกันต์จากไป๋เซียนเอ๋อ ก็เพียงพอที่เขาจะหลอมอาวุธได้แล้ว..
จากนั้นหลิงหยุนก็ให้หงส์ไฟบินร่อนไปรอบๆและเริ่มดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟเข้าไปจนกระทั่งเห็นว่าพอสมควรแล้ว จึงสั่งให้มันบินกลับมา
“พี่หลิงหยุน..หงส์นั่นงดงามมากทีเดียว!!”
ไป๋เซียนเอ๋อที่อยู่ไกลออกไปนั้นเมื่อได้เห็นหงส์ไฟที่ดูราวกับมีชีวิตจริงๆและงดงามเช่นนั้น ก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ
“นี่คือหงส์ที่เกิดจากการใช้วิชาหงส์เล่นไฟ..ชื่อของมันก็คือหงส์ไฟ!”
หลิงหยุนเหาะกลับไปหาไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับอธิบายให้นางฟัง..
“แล้วมันมีชีวิตจริงๆหรือไม่พี่หลิงหยุน”
ไป๋เซียนเอ๋อจ้องมองหงส์ไฟขนาดหกเมตรที่กระพือปีกบินร่อนไปมาราวกับมีชีวิตและอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาเช่นนั้น
“ภายใต้พลังจิตของข้ามันย่อมมีชีวิต!!”
หลิงหยุนเดินวิชาหงส์เล่นไฟอีกครั้งเพื่อควบคุมให้ร่างของมันค่อยๆหดเล็กลง จนกระทั่งเหลือเพียงลูกไฟที่มีขนาดเท่าลูกเทนนิสเท่านั้น ก่อนจะกลืนมันลงจุดตันเถียนไป
ทันทีที่หงส์ไฟเข้าไปในจุดตันเถียนของหลิงหยุนนั้นมันก็ถูกเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางห่อหุ้มไว้ทันที และถูกบ่มเพาะอยู่ภายในจุดตันเถียนเช่นนั้น
จากนั้นหลิงหยุนจึงเปิดเนตรหยินหยางและจิตหยั่งรู้ของตนออกสำรวจพื้นที่โดยรอบเพื่อค้นหาหินพลังชีวิตธาตุไฟ
“น่าเสียดายนัก..มิมีหินพลังชีวิตธาตุไฟอยู่เลย!” หลิงหยุนเอ่ยออกมาอย่างนึกเสียดาย
แต่ถึงอย่างนั้นการที่สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) และหล่อหงส์ไฟได้สำเร็จเช่นนี้ ก็นับว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว หลิงหยุนจึงค่อนข้างพอใจอย่างมาก
“เซียนเอ๋อ..กลับกันได้แล้ว!”