บทที่ 1450 : หลอมอาวุธ
  หลิงหยุนเรียกหินมณีไฟที่อยู่บนพื้นเข้าไปเก็บไว้ในแหวนจักรวาลจากนั้นจึงพาไป๋เซียนเอ๋อเหาะออกไปจากยอดเขาทันที
  หลิงหยุนเหาะกลับไปด้วยความเร็วเหนือเสียงถึงหกเท่าเขาจึงสามารถเหาะกลับไปที่สำนักกระบี่หลิงหยุนได้ในเวลาไม่ถึงแปดนาที
  เวลานี้เป็นเวลาแปดโมงเช้าพอดีภายในสำนักกระบี่หลิงหยุนค่อนข้างครึกครื้นมีชีวิตชีวา บนยอดเขามนุษย์เวลานี้ ศิษย์สำนักกระบี่หลิงหยุนหลายคนออกไปฝึกวิชาอยู่ที่ตีนเขาบ้าง ในขณะที่บางส่วนก็เข้าครัวทำอาหารควันโขมง
  ภายในสำนักกระบี่หลิงหยุนเงียบสงบและภาพบรรยากาศก็ดูผ่อนคลาย ดูเหมือนทุกอย่างจะกลับสู่ร่องรอยเดิมแล้ว
  หลิงหยุนเหาะไปยังหน้าผาบนยอดเขาเทียนเฟิงและเดินตรงเข้าไปทักทายนางฉินจิวยื่อทันที “ท่านแม่..”   ฉินจิวยื่อพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบ“หลิงหยุน.. มาแล้วรึ”
  ในระหว่างที่เฝ้าห้องเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของหนิงเทียนหยานั้นฉินจิวยื่อซึ่งอยู่ในขั้นเซียงเทียนก็มิได้นั่งเฉยๆ นั่งหมั่นทำสมาธิฝึกฝนวิชาอยู่อย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจึงฟื้นคืนเป็นปกติได้ค่อนข้างรวดเร็ว และเวลานี้ผิวพรรณของนางก็เริ่มมีสีแดงระเรื่อมิซีดเซียวเหมือนก่อนแล้ว
  “พี่ใหญ่..เมื่อคืนพี่ไปไหนมารึ”
  หนิงหลิงยู่เห็นหลิงหยุนมาจึงรีบวิ่งมาหาพร้อมกับเอ่ยถามทันที..
  “เมื่อคืนข้าออกไปหาสถานที่ฝึกฝนวรยุทธ..”
  หลิงหยุนพินิจมองหนิงหลิงยู่อย่างละเอียดอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) ได้ แต่กลับพบว่าตนเองมิสามารถมองทะลุภายในร่างของนางได้
  และแน่นอนว่า..หลิงหยุนมิอาจมองเห็นภายในของหนิงหลิงยู่ได้ หนิงหลิงยู่ก็มิอาจมองเห็นภายในของหลิงหยุนได้เช่นกัน ต่างคนต่างก็มองไม่เห็นกันและกัน
  ความจริงหลิงหยุนต้องการเอ่ยถามหนิงหลิงยู่ถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับเย่ซิงเฉินเมื่อวานนี้แต่หลังจากใคร่ครวญแล้ว เขาจึงล้มเลิกความตั้งใจ เพราะรู้ว่าคำตอบที่ได้คงจะไม่ต่างจากเย่ซิงเฉินนัก
  หลังจากสนทนากับหนิงหลิงยู่เพียงแค่เล็กน้อยหลิงหยุนก็หันไปบอกกับฉินจิวยื่อ “ท่านแม่.. ข้ามาที่นี่เพื่อบอกกับท่านว่า สองสามวันนี้ข้าจะเก็บตัวมิออกไปไหน..”
  “ดีมาก!”
  ฉินจิวยื่อมิได้เห็นแย้ง“ที่นี่มีข้ากับหลิงยู่อยู่แล้ว หลายวันนี้เจ้าเองก็เหน็ดเหนื่อยมามาก อย่างไรก็หาเวลาพักผ่อนบ้าง มิต้องมาที่นี่ทุกวันก็ได้”
  “ขอบคุณท่านแม่”
  หลิงหยุนรู้ดีว่าฉินจิวยื่อเป็นห่วงตนมากเพียงใดหลังจากตอบกลับไปเพียงแค่สั้นๆ เขาก็เหาะออกจากหน้าผาบนเขาเทียนเฟิงทันที!
  ……
  จากนั้นหลิงหยุนก็เหาะไปหาฉินตงเฉวี่ยตี้เสี่ยวอู๋ และหวังชงเซียว หลิงหยุนบอกกับทุกคนว่าเขากำลังจะหลอมอาวุธ ผู้ใดต้องการอาวุธชนิดใดบ้าง
  ฉินตงเฉวี่ยต้องการกระบี่เหินตี้เสี่ยวอู่ต้องการขวานยักษ์ ส่วนหวังชงเซียวส่งกระบี่เหินของตนให้กับหลิงหยุน เพื่อให้หลิงหยุนช่วยหลอมให้ใหม่..
  หวังชงเซียวได้แต่ยกมือขึ้นเกาศรีษะเขาอยากจะบอกหลิงหยุนไปว่าอยากได้หอกเหมือนเช่นหลิงหยุน แต่ก็ไม่กล้า..
  หลิงหยุนยิ้มให้กับทุกคนจากนั้นจึงพาไป๋เซียนเอ๋อไปยังยอดเขาปฐพีพร้อมกัน..
  ในเมื่อที่นี่เป็นสำนักที่ฝึกฝนเพลงกระบี่ย่อมต้องมีเตาหลอมกระบี่ของตนเองอย่างแน่นอน และเตาหลอมนี้ก็อยู่ห่างจากยอดเขามนุษย์ไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพียงแต่การหลอมอาวุธของหลิงหยุนครั้งนี้มิจำเป็นต้องใช้ไฟจากเตาหลอม..
  แต่ก่อนที่หลิงหยุนจักทำการหลอมอาวุธนั้นเขาได้เดินตรงไปยังดวงตาค่ายกลที่เคยใช้ปกป้องขุนเขาแห่งนี้ จากนั้นจึงเรียกกระบี่สีเขียวเข้มออกมา
  หลิงหยุนถือกระบี่สีเขียวเข้มเดินวนรอบดวงตาค่ายกลอย่างรวดเร็ว..
  หลิงหยุนเดินวนอยู่เช่นนั้นและกำลังใช้พลังวิเศษของตนปลุกพลังของค่ายกลแห่งนี้อีกครั้ง หลิงหยุนเปลี่ยนใจที่จะซ่อมแซมค่ายกล..
  ค่ายกลของสำนักกระบี่เทียนซานนั้นอาศัยพลังแห่งธาราและขุนเขากลั่นกระบี่ลมปราณขึ้น หากต้องการจะทำลายค่ายกลนี้ก็เพียงแค่ทำลายดวงตาค่ายกล และหากจะซ่อมแซมค่ายกลก็ต้องปลุกพลังของค่ายกลขึ้นมา..   ระหว่างที่หลิงหยุนวิ่งวนอยู่รอบดวงตาค่ายกลด้วยความรวดเร็วนั้นกระบี่สีเขียวเข้มในมือของเขาก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า และในระหว่างนั้นเองหลิงหยุนก็ปล่อยกระบี่สีเขียวเข้มในมือออก
  “ไปได้!”
  บูม!
  กระบี่เล่มใหญ่สีเขียวเข้มพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภาก่อนที่จะหมุนกลับเอาปลายกระบี่ชี้ลงพื้น และพุ่งปักลงไปยังตำแหน่งดวงตาค่ายกลเช่นเดิม
  ภายในชั่วพริบตา..ยอดเขาทั้งสามก็สั่นสะเทือนขึ้นพร้อมๆกัน ในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถซ่อมแซมค่ายกลที่ใช้ปกป้องขุนเขาทั้งสามได้สำเร็จ!
  และค่ายกลที่หลิงหยุนซ่อมแซมขึ้นใหม่นี้ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องจับกระบี่สีเขียวเข้มนี้ไว้อีก สามารถควบคุมได้ด้วยพลังจิตของตนได้..   จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปบอกกับไป๋เซียนเอ๋อว่า“เซียนเอ๋อ.. จากนี้ไปอีกหกวัน พวกเราจะต้องอยู่หลอมอาวุธกันที่นี่!”
  หลิงหยุนเรียกลูกเหล็กขนาดใหญ่ออกมาหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ลูกและจัดการวางเป็นค่ายกลวราหก..
  หลังจากหลิงหยุนสร้างค่ายกลวราหกขึ้นแล้วในรัศีมีหนึ่งร้อยเมตรนี้ จึงปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันสีขาวที่แม้แต่จิตหยั่งรู้ก็มิอาจมองทะลุได้
  “พี่หลิงหยุน..จะเริ่มเลยหรือไม่”
  “ยังมิต้องรีบร้อนนัก!”
  หลิงหยุนส่ายหน้ายิ้มๆพร้อมกับเอ่ยต่อว่า “เจ้าหาที่ฝึกฝนวิชาไปก่อน หากข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าเมื่อใด ข้าจะเรียกเจ้าเอง..”
  ไป๋เซียนเอ๋อพยักหน้าและที่หลิงหยุนมิรีบร้อนหลอมอาวุธนั้น ก็เพราะเขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ..   หลิงหยุนเรียกธงวายุที่ตอนนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือออกมาถือไว้จากนั้นจึงใช้จิตหยั่งรู้และเนตรหยิน–หยางสำรวจธงวายุในมืออย่างละเอียด เพื่อหาค่ายกลและผนึกที่อยู่ภายในธงผืนนี้..
  นี่นับเป็นของวิเศษที่จ้าวหมิงถังซึ่งเป็นศิษย์คุนหลุนใช้เป็นอาวุธและพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก หลิงหยุนจึงต้องการหาวิธีนำมาใช้ประโยชน์ให้ได้
  ของวิเศษล้ำค่าเช่นนี้แน่นอนว่าคุนหลุนต้องทำการผนึกไว้ประกอบกับมีโลหิตของจ้าวหมิงถังหยดอยู่ หลิงหยุนซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) ก่อนหน้านี้ จึงยังมิอาจถอนผนึกและลบรอยเลือดของจ้าวหมิงถังออกได้
  แต่เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) ได้แล้ว ถึงกระนั้น.. แม้หลิงหยุนจะพยายามอยู่นานแต่ก็ยังมิอาจแกะผนึกของคุนหลุน และลบรอยโลหิตของจ้าวหมิงถังได้ อาจเป็นเพราะจ้าวหมิงถังอยู่ในด่านสุดท้ายขั้นก่อสร้างรากฐานซึ่งเหนือกว่าหลิงหยุนเวลานี้หลายเท่า เขาจึงมิอาจลบรอยโลหิตนั้นได้
  แต่หลิงหยุนเป็นปรมาจารย์ด้านหลอมกลั่นยุทธภัณฑ์!!
  ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง..ในที่สุดความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของเขา หลิงหยุนฉีกยิ้มออกมาอย่างพอใจ..
  บูม!
  หลิงหยุนเผาเสินหยวนสร้างพลังวิเศษขึ้นทันทีจากนั้นจึงปลดปล่อยเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางออกจากร่าง และใช้ไฟทั้งเจ็ดสีห่อหุ้มธงวายุไว้ ค่อยๆหลอมกลั่นไปเรื่อยๆ
  บูม!
  หลิงหยุนเผาเสินและทำการหลอมธงวายุต่ออีกราวหนึ่งชั่วโมงจนกระทั่งโลหิตของจ้าวหมิงถังค่อยๆเลือนหายไป
  หลังจากที่มั่นใจว่ามิมีโลหิตของจ้าวหมิงถังหลงเหลืออยู่แล้วหลิงหยุนจึงได้กัดปลายลิ้นของตนให้เลือดออก ก่อนจะพ่นโลหิตลงไปที่ผืนธง จากนั้นจึงทำการเผาเสินหยวนอีกครั้ง และใช้พลังวิเศษนี้ทำลายผนึกของคุนหลุนที่อยู่บนผืนธง!
  ขั้นตอนนี้นับว่าสำคัญและซับซ้อนยิ่งคุนหลุนเกรงว่าธงวายุนี้อาจตกไปอยู่ในมือผู้ใดก็ได้ จึงได้ทำการผนึกธงไว้อย่างซับซ้อน หลิงหยุนจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการทำลายผนึกนี้เป็นอย่างมาก
  หลิงหยุนขบฟันแน่นและเวลานี้เหงื่อก็ออกท่วมกายเขาเต็มไปหมด!
  หลิงหยุนใช้เวลานานร่วมสามชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าที่จะสามารถทำลายผนึกของคุนหลุนออกได้!
  “เฮ้อ..ทำให้ข้าถึงกับเหนื่อยล้าเลยทีเดียว!”
  หลิงหยุนถึงกับบ่นพึมพำเมื่อสามารถแกะผนึกได้เพราะเขาใช้เวลาไปทั้งหมดร่วมสี่ชั่วโมง และต้องเผาเสินหยวนไปมากถึงห้าหมื่นหยด  แต่ถึงอย่างนั้นหลิงหยุนก็ไม่นึกเสียดายนั่นเพราะเสินหยวนนั้นเขาสามารถกลั่นใหม่ได้ แต่สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ยากนักที่จะพบเจอได้ง่ายๆ
  หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็ได้ใช้พลังจิตของตนควบคุมธงวายุจากขนาดเท่าฝ่ามือ ให้เล็กลงเหลือขนาดเท่าเข็ม และเก็บเข้าไปบ่มเพาะอยู่ภายในจุดซือไห่ของตน
  หลิงหยุนใชเ้วลาไปกับการซ่อมแซมค่ายกลและหลอมธงวายุไปหลายชั่วโมงแล้วเวลานี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะเริ่มหลอมอาวุธอย่างจริงจังเสียที
  หลังจากนั่งหลับตานิ่งนานอยู่ราวหนึ่งชั่วโมงในที่สุดการหลอมอาวุธจึงได้เริ่มต้นขึ้น..
  กระบี่
  กระบี่เหินเงาธนูพุ่งออกมาจากกลางหน้าผากของหลิงหยุนในขณะเดียวกันก็เรียกกระบี่ฑูตสวรรค์ที่ประมูลได้จากโรงประมูลตระกูลเย่ออกมาจากแหวน และเวลานี้กระบี่ทั้งสองเล่มก็กำลังลอยอยู่กลางอากาศเคียงคู่กัน
  “เซียนเอ๋อ..ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าแล้ว!”
  ทันทีที่หลิงหยุนร้องเรียกไป๋เซียนเอ๋อที่เฝ้ารอเวลานี้ก็รีบเหาะมาหาอย่างรวดเร็ว
  “เอาล่ะ..เริ่มได้!” หลิงหยุนเอ่ยบอกยิ้มๆ
  แขนทั้งสองข้างของไป๋เซียนเอ๋อร่ายรำไปมาจากนั้นไฟโลกันต์ก็ได้พุ่งออกจากฝ่ามือของนางเข้าใส่กระบี่ทั้งสองเล่ม ทำการชะล้างสิ่งไม่บริสุทธิ์ที่ปะปนอยู่ออก
  แต่ดูเหมือนไฟโลกันต์ของไป๋เซียนเอ๋อจะไม่เพียงพอ..
  บูม!
  หงส์ไฟปรากฏขึ้นและขยายร่างออกขนาดสองเมตรปีกทั้งสองข้างกระพือไปมา พร้อมกับพ่นไฟร้อนแรงเข้าใส่กระบี่เหินเงาธนูและกระบี่ฑูตสวรรค์ในทันที
  ในขณะเดียวกันหลิงหยุนก็เรียกธงวายุออกมาและขยายให้มีขนาดเท่ากับพัด เขาจับที่ด้ามธง และเริ่มพัดโหมเข้าใส่เปลวไฟทั้งสองเบาๆ
  ลมจากธงวายุพัดให้เปลวไฟทั้งสองยิ่งลุกโหมรุนแรงขึ้นยิ่งกว่าเดิมและเวลานี้กระบี่เหินเงาธนูกับกระบี่ฑูตสวรรค์ก็เริ่มหลอมละลาย
  หลิงหยุนเรียกหม้อเสินหนงออกมาในขณะเดียวกันก็ใช้พลังจิตของตนควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ และเวลานี้กระบี่ลมปราณภายในเขาปฐพีก็เริ่มปรากฏขึ้น
  หลิงหยุนใช้พลังจิตของตนหลอมรวมกระบี่เหินเงาธนูและกระบี่ฑูตสวรรค์ที่ละลายแล้วนี้ ให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และค่อยๆดูดซับเอาปราณกระบี่ภายในหม้อเสินหนงนี้เข้าไป
  เวลายังคงล่วงเลยไปเรื่อยๆ
  หลังจากที่กระบี่ทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งและดูดซับเอาปราณกระบี่เข้าไปจนมากพอแล้ว หลิงหยุนและเซียนเอ๋อจึงหยุดทำการพ่นเปลวไฟใส่
  ฟิ้ว..
  กระบี่กังฉีพุ่งออกมา..หลิงหยุนใช้พลังจิตควบคุมกระบี่กังฉี และทำการสลักค่ายกลไว้บนตัวกระบี่ถึงยี่สิบสี่ชั้น!
  และในที่สุด..หลิงหยุนก็ได้กระบี่เหินเงาธนูที่หลอมใหม่แล้ว ซึ่งมีความยาวสี่ฟุต และกว้างสามนิ้วมือ!
  “อาวุธระดับสมบัติขั้นสูงสุดนี้สามารถทำลายเกราะป้องกันของยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นก่อสร้างรากฐานได้เลยทีเดียว!”
  หลิงหยุนเอ่ยออกมาด้วยความพึงพอใจและนี่คืออาวุธระดับสูงสุดที่หลิงหยุนจะสามารถหลอมได้ในเวลานี้แล้ว!