ทั้งสองคนสนทนากันอยู่ตลอด ตี้ฝูอีหยิบยกเอาความเคยชินที่ไม่ค่อยดีบางอย่างของนางในอดีตมาหยอกล้อนาง นางก็หยอกเย้ากลับเช่นกัน ล้อเลียนความจุกจิกของเขา โรคย้ำคิดย้ำทำของเขา…
ฉากยามที่อยู่ด้วยกันชวนอบอุ่นยิ่งนัก เสมือนชีวิตประจำวันของพวกเขาสามีภรรยา
ไม่ทันรู้ตัวทั้งสองคนก็เดินมาถึงห้องนอนแล้ว การตกแต่งภายในห้องยิ่งเรียบง่ายสง่างามขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นฉากกั้นลมไม้วาดลาย หรือว่าเตียงหลังใหญ่ที่ห้อยม่านแพรบงกชหมึก ล้วนทำให้ตี้ฝูอีมองด้วยความชื่นชม
เดิมทีภายในห้องมืดสลัวอยู่บ้าง กู้ซีจิ่วดีดนิ้วทีหนึ่ง แสงเทียนในห้องก็ส่องสว่างขึ้นมา
สายตาของตี้ฝูอีร่อนลงบนเล่มเทียนที่ถูกจุดขึ้นมา ชะงักไปแวบหนึ่ง
เทียนมิใช่เทียนไขทั่วไป แต่เป็นเทียนมงคลที่สลักลวดลายมังกรหงส์ แน่นอน เทียนมงคลของที่นี่ก็แตกต่างไปจากเทียนมงคลทั่วไปเช่นกัน
เทียนมงคลทั่วไปปกติแล้วจะแกะลายมังกรหงส์นูนเด่นออกมาเท่านั้น แต่บนเทียนคู่นี้ได้สลักอย่างอื่นเพิ่มเติมไว้ด้วย บนเทียนหงส์แกะสลักหงส์สีรุ้งตัวหนึ่งที่สยายปีกโผบินอยู่ท่ามกลางนภาดารา ดวงดาวเหล่านั้นประดับอยู่บนเทียน ส่องประกายเล็กน้อยดูราวกับเป็นของจริง
ส่วนบนเทียนมังกรก็เป็นผังภูมิศาสตร์ฟ้าดิน ขุนเขาธารา มนุษย์ เซียน มาร สัตว์ร้าย…ครบถ้วนสมบูรณ์ มังกรตัวนั้นวนขนดคดเคี้ยว ราวกับเหินทะยานอยู่เหนือหกภพภูมิ
เทียนหงส์มังกรเช่นนี้มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นของชั้นเลิศ ยามที่ลุกสว่างขึ้นมา แสงไฟเป็นสีแดงทอง ส่องสะท้อนทั่วห้องให้แดงก่ำอยู่บ้าง ดุจห้องหอก็มิปาน
ตี้ฝูอีมองเทียนมงคลคู่นั้น จากนั้นก็มองนาง “สิ่งนี้หาได้ยากนัก! เจ้าไปได้มาจากไหน?” แล้วกวาดตามองภายในห้องแวบหนึ่ง ถอนหายใจ การตกแต่งของห้องนี้ค่อนข้างคล้ายเรือนหอของบ่าวสาวนะ“”
“เจ้าชอบไหม?” กู้ซีจิ่วถาม
“ชอบ!” แววตาตี้ฝูอีวูบไหว แสงเทียนไหวระริกอยู่ในดวงตาเขา เลื่อมแสงพร่างพราว
กู้ซีจิ่วยิ้มแล้ว เป็นรอยยิ้มแห่งความพอใจ รอยยิ้มของนางบริสุทธิ์ยิ่งนัก ราวกับความชอบของเขาก็คือเรื่องน่ายินดีที่สุดของนาง “อันที่จริงตอนที่เราแต่งงานกันข้าก็อยากจะตกแต่งห้องหอเช่นนี้มานานแล้ว น่าเสียดายที่ไม่สมปรารถนา ไม่นึกเลยว่าจะมาสมปรารถนาเอาที่นี่ รูปแบบของที่นี่คือรูปแบบของเรือนหอที่ข้าตั้งตารอเสมอมา”
นางกางสองแขนออกแล้วหมุนเป็นวงอยู่ตรงนั้น อาภรณ์โบกพลิ้วไปตามเงาร่างของนาง ภายในแสงเทียนดูราวกับภาพฝันมายา
ตี้ฝูอีคล้ายจะมองจนเซ่อไปแล้ว สายตาจับนิ่งอยู่ที่นาง
เท้านางพลันสะดุดชายกระโปรง จู่ๆ ก็โผเข้ามาหาอ้อมแขนเขา
ตี้ฝูอียื่นมือไปพยุงนางไว้ “เป็นยังไงบ้าง?”
กู้ซีจิ่วคล้ายคาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่เข้าใจสถานการณ์ถึงขนาดนี้ จึงเหยียบเท้าเขาไปทีหนึ่งเสียเลย “คนโง่!”
ตี้ฝูอีนิ่งไป…
เขาหลุบตามองนาง “ความหมายของเจ้าคือ?”
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มนิดๆ “ข้ารู้สึกว่าสามารถใช้ที่นี่เป็นเรือนหอของพวกเราได้ เจ้าว่าดีไหม?”
ตี้ฝูอีคล้ายจะไม่เข้าใจอยู่บ้าง “เสี่ยวจิ่ว พวกเราก็แต่งกันนานแล้วนะ ลูกโตจนเหินเมฆาไปซื้อซีอิ๊วได้หมดแล้ว”
กู้ซีจิ่วนิ่งไปแวบหนึ่ง ค่อนข้างชิงชังที่ไม่อาจเปลี่ยนเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ “ก็ถือเสียว่าพวกเราแต่งกันอีกครั้งไง ถึงอย่างไรพวกเราก็แยกจากกันไปนานมิใช่หรือ?”
ตี้ฝูอีหลุบตาลง “นี่ก็ใช่ พวกเราแยกจากกันไปกว่าสองเดือนแล้ว…”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “ฝูอี ท่านจำผิดกระมัง พวกเราแยกจากกันไปแค่ยี่สิบแปดวันชัดๆ ใช่สองเดือนที่ไหนล่ะ?”
ตี้ฝูอีชะงักไปเล็กน้อย มองนางด้วยดวงตาที่ลึกล้ำดั่งมหาสมุทร “เจ้าจดจำได้แม่นยำขนาดนี้ช่างหาได้ยากนัก เฮ้อ ไม่พบหน้ากันหนึ่งวันเสมือนจากกันสามปี พวกเราไม่ได้พบหน้ากันกว่ายี่สิบวันแล้ว ก็เหมือนกับแยกจากกันไปยี่สิบปี”
น้ำเสียงเขาอ่อนโยนทรงเสน่ห์ เอ่ยถามเธออีกครั้ง “เสี่ยวจิ่ว ในเมื่อจะแต่งกันอีกครั้ง เช่นนั้นก็ต้องยิ่งใหญ่อลังการกว่าเดิมถึงจะถูก น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เตรียมชุดวิวาห์เอาไว้…”
————————————————————————————-
บทที่ 3006 จิตมาร 3
“ข้าเตรียมไว้แล้ว” กู้ซีจิ่วดึงชุดเจ้าสาวชุดหนึ่งออกมาจากร่างดั่งเล่นมายากล “ข้าอยากสวมชุดนี้มาตั้งนานแล้ว”
สายตาตี้ฝูอีร่อนลงบนชุดเจ้าสาวชุดนั้น ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจพลันไหววูบ รู้สึกรางๆ ว่าชุดเจ้าสาวชุดนี้ค่อนข้างคุ้นตา…
วัตถุดิบหลักของชุดเจ้าสาวชุดนั้นคือถักทอขึ้นจากไหมชาวเงือก บนชุดประดับอัญมณีสีฟ้าสดใสเอาไว้ กระจายตัวดุจดวงดาว ร้อยเรียงกันเป็นผังนภาดาราฉากหนึ่ง งามวิจิตรเลิศหรูยิ่งและสง่างามทรงอำนาจอย่างเห็นได้ชัด งดงามจนทำให้คนละสายตาไปไม่ได้
ตี้ฝูอีกลั้นหายใจ ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเห็นชุดเจ้าสาวชุดนี้ ในใจเขาเสมือนถูกทิ่มแทงด้วยเข็มเล่มเล็กๆ เจ็บปวดร้าวระบม
เขาอดใจไม่อยู่ยื่นมือไปลูบเนื้อผ้าดูเล็กน้อย อ่อนละมุนดุจวารี เมื่อถือไว้ในมือแล้วราวกับคว้าจับแสงจันทร์อันอ่อนโยนสายหนึ่ง
“ข้าสวมให้เจ้าดูเอาไหม?” กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างคาดหวัง ในดวงตาที่ส่องประกายของนางราวกับมีดวงดาวนับไม่ถ้วนควบรวมอยู่ สั่นคลอนจิตใจคนได้
“…ได้!” ตี้ฝูอีพยักหน้า ราวกับถูกสะกดจิต
….
“นางเป็นตัวปลอม!” กู้ซีจิ่วนั่งยองๆ อยู่ท่ามกลางผืนทรายเหลืองอร่าม มองดูภาพสะท้อนที่ปรากฏขึ้นบนท้องนภาด้วยสีหน้าซีดขาว นิ้วมือกำแน่น
เธอรู้สึกว่าตัวเองฝันร้ายอยู่แน่นอน ซ้ำยังเป็นแบบที่ไม่อาจลืมตาตื่นได้
หลังจากเธอรอดพ้นจากวังน้ำวนใหญ่ยักษ์นั้นแล้ว ก็พบว่ายังไม่ได้ออกไปจากทะเลทราย แต่ร่อนลงบนทุ่งน้ำแข็งที่มีพายุหมุนนับไม่ถ้วนหมุนวนอยู่ ทุ่งน้ำแข็งนั้นหนาวจนทำให้คนตายได้ ทันทีที่เธอร่วงลงไปก็แทบจะแข็งค้างไปแล้ว ต้องรีบโคจรพลังวิญญาณถึงจะขับไล่ความหนาวเย็นออกไปได้
เธอมองซ้ายมองขวา ไม่พบตัวบุตรชาย และไม่เห็นฟั่นเชียนซื่อด้วยเช่นกัน ยามที่กัดฟันหมายจะออกไปค้นหาดูรอบๆ ก็พบกับกระท่อมน้ำแข็งหลังหนึ่ง
สตรีชุดขาวนางหนึ่งนั่งอยู่ในกระท่อมน้ำแข็ง
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง จำได้ว่าสตรีชุดขาวนางนี้คือมารเทพที่คุ้มดีคุ้มร้ายในทะเลทรายคนนั้น เพียงแต่ยามนี้บนร่างนางอวลด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ปรากฏไอมารเลยสักนิด
สตรีนางนั้นคล้ายกำลังรอคอยผู้ใดอยู่ในกระท่อมน้ำแข็งหลังนี้ มองออกไปนอกกระท่อมน้ำแข็งเป็นระยะๆ
ในไม่ช้ากู้ซีจิ่วก็พบปัญหาอย่างหนึ่งแล้ว เธอยืนอยู่นอกกระท่อมน้ำแข็งชัดๆ ทว่าสตรีชุดขาวนางนั้นกลับมองไม่เห็นเธอเลย สายตาเหม่อมองออกไปไกล ยืนอยู่ตรงนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความหงอยเหงาผ่านอากาศได้
กู้ซีจิ่วก้าวเข้าไปสองก้าว แทบจะยืนอยู่ตรงหน้านางแล้ว นางก็ยังคงมองไม่เห็นเธอ เพียงทอดถอนใจอยู่พักหนึ่ง “เห็นทีว่าเขาคงไม่มาแล้ว…”
น้ำเสียงนางแผ่วหวิว เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง จากนั้นก็กลับเข้าไปในกระท่อม ไม่ทราบว่าหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากไหน จรดพู่กันขีดเขียนอักษรลงไป…
กู้ซีจิ่วมองนางอย่างตะลึงงัน รู้สึกอยู่เสมอว่าเหตุการณ์นี้ช่างคุ้นตาเหลือเกิน ราวกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอมาก่อน...
หลังจากเธอมองสตรีนางนี้เขียนอักษรไปได้ไม่กี่แถวก็ขยำกระดาษจนเป็นก้อนด้วยความหงุดหงิด โยนไว้ตรงนั้น มองพายุหิมะด้านนอกหน้าต่างทึ่มทื่อเหม่อลอย ผ่านไปพักหนึ่งก็ถอนหายใจอีก “อันที่จริง เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว มาตัวเปล่า ไปตัวเปล่า ไร้ห่วงอาลัย แต่ว่า ข้าทรมานเหลือเกิน…ทำไมในใจถึงทรมานขนาดนี้กันล่ะ? อยากจะพบหน้าเขาอีกสักครั้งจริงๆ แม้จะเป็นเพียงการดื่มสุราสักมื้อก็ยังดี…”
สตรีนางนั้นดูสิ้นหวังยิ่งและอ้างว้างนัก กู้ซีจิ่วที่มองอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าหัวใจจะเจ็บแปลบขึ้นมาเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความรู้สึกเหมือนได้เผชิญมาเองกับตัว อยากจะเข้าไปกอดนางไว้
แต่หลังจากเธอก้าวเข้าไป เบื้องหน้าเธอก็หมุนคว้างละลานตาขึ้นมาเสมือนกล้องสลับลาย คล้ายว่าเธอจะก้าวเข้าสู่วังน้ำวนอีกครั้งแล้ว!
หลังจากสีสันละลานตาเบื้องหน้าล่าถอยไป เธอพบว่าตัวเองอยู่ในเหลาสุราสไตล์โบราณเก่าแก่แห่งหนึ่ง ด้านล่างมีคนเดินกันขวักไขว่ เสื้อผ้าของผู้สัญจรดูโบราณเก่าแก่ ไม่เหมือนรูปแบบของโลกใดๆ ที่เธอรู้จักเลย
————————————————————————————-