บทที่ 3009 แยกจิตมาร 2
ยามนี้เห็นได้ชัดว่าจิตมารของสตรีนางนี้ก็กำลังสะกดจิตล่อลวงสารพัดวิธีการอยู่ในสมองนาง เป็นเหตุให้นัยน์ตาดำสนิทของนางเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดง…
สตรีชุดขาวนางนั้นร่ายอาคมใส่ร่างตนอย่างต่อเนื่อง คาดว่าต้องการจะกดข่มจิตมารลงไป จนปัญญาที่ไม่สำเร็จ เงาบิดเบี้ยวที่อยู่บนพื้นนั้นหมุนวนหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ปีนป่ายลัดเลาะขึ้นมาที่ปลายเท้านาง คืบคลานขึ้นไปถึงช่วงเอวนาง…
กู้ซีจิ่วรู้ดีว่า เมื่อเงาดำนี้คืบคลานขึ้นไปถึงบริเวณหน้าของนาง ก็จะบงการร่างกายนี้อย่างสมบูรณ์ได้แล้ว
เธอทนไม่ไหวก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง พลันได้ยินบทสนนทนาหนึ่งแว่วขึ้นในหู
‘เจ้าชอบเขาแล้ว! เหตุใดจึงไม่บอกกับเขาไปตรงๆ เล่า? เหตุใดต้องยอมให้เขาเพิกถอนสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์กับเจ้า? ชักนำด่านเคราะห์อัสนีมา?’
“ไม่ ข้าไม่อาจชอบเขาได้! เดิมทีข้าก็ใกล้ตายอยู่แล้ว ก็แค่เร็วขึ้นมาปีสองปีเท่านั้น บอกเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่อยากใช้อายุขัยเพียงปีสองปีมาทำลายความไว้ใจของเขา…‘’
‘เจ้าดีต่อเขาถึงเพียงนี้ เขากลับปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเย็นชาเช่นนี้ เจ้าเพียงช่วยชีวิตศิษย์จนทำให้พิธีวิวาห์ล่าช้าไปแค่ครึ่งชั่วยาม เขาก็ไม่ยอมอภัยให้เจ้าเสียแล้ว ไม่กี่ปีมานี้ไม่ยอมมาพบหน้าเจ้าเลย เมื่อพบหน้ากันก็ถูกเขาบีบคั้นให้เพิกถอนสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์กับเขาเจ้าไม่เคยบอกผู้ใดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับเขาเลยชัดๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเจ้าเลย ไม่อยากเป็นศิษย์ของเจ้าแม้เพียงเค่อเดียว สุดท้ายก็คร้านจะสนใจเจ้าด้วยซ้ำ แม้แต่สุราเลี้ยงส่งก็ไม่ยอมดื่มกับเจ้า เขาไม่ไยดีเจ้าเลยสักนิด…’
“…ข้าไม่ได้อยากให้เขามาไยดี เขาไม่ชอบข้าก็ดีแล้ว เช่นนี้เมื่อข้าดับขันธ์ไปเขาจะได้ไม่เสียใจ อันที่จริงข้ายินดียิ่งนัก…”
‘โป้ปด! เจ้าทรมานยิ่งนักชัดๆ! หัวใจของเจ้ากำลังเจ็บปวด! เจ็บปวดเหมือนโดนเพลิงผลาญ!’
“ไม่ใช่! ข้าถูกฟ้าผ่าจนหัวใจบาดเจ็บต่างหาก ดังนั้นถึงได้เจ็บปวดเช่นนี้…”
‘เหอะๆ แม้แต่ความคิดที่แท้จริงของตัวเองก็ยังไม่กล้ายอมรับ เจ้ายังใช่เทพผู้สร้างโลกอยู่อีกหรือ?’
วาจาประโยคนี้สำหรับกู้ซีจิ่วแล้ว ส่งผลกระทบมหาศาลเหลือเกิน เธอค่อนข้างมึนงงไปชั่วขณะ
เทพผู้สร้างโลก?! ชาติก่อนตนเป็นเทพผู้สร้างโลก?! ตี้ฝูอีคือศิษย์ของตนหรือ?
งานวิวาห์ล่าช้า? ชาติก่อนตนเกือบได้แต่งกับตี้ฝูอีแล้วใช่ไหม?
ถ้างั้นศิษย์อีกคนของตนในชาติก่อนคือใครกันล่ะ?
ตนไปช่วยชีวิตศิษย์จนทำให้งานวิวาห์เลื่อนออกไปครึ่งชั่วยาม ตี้ฝูอีก็เลยแตกหักกับเธอหรือ? แตกหักกันง่ายดายขนาดนี้เชียว?
เธอรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าสามมุมมองของตนได้รับความกระทบกระเทือนอยู่บ้าง เธอยังไม่ทันแยกแยะต้นสายปลายเหตุจากบทสนทนานี้อย่างสมบูรณ์ได้ ก็มองเห็นจิตมารที่เป็นเงาดำสายนั้นปีนป่ายขึ้นไปถึงบริเวณหน้าอกของสตรีชุดขาวนางนั้นแล้ว
‘ให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ…ให้ข้าควบคุมร่างนี้ จากนั้นค่อยไปหาเขาแล้วบอกความคิดที่แท้จริงของเจ้าแก่เขา เจ้าชอบเขาถึงขนาดนี้ เดิมทีพวกเจ้าสมควรจะได้แต่งงานครองคู่กันอยู่แล้ว มิใช่หรือไง?’ น้ำเสียงของจิตมารสายนั้นเต็มไปด้วยการล่อลวง ปีนป่ายขึ้นไปทีละนิดๆ
แววตาของสตรีชุดขาวนางนั้นทื่อไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าถูกควบคุมไว้บ้างแล้ว
เดิมทีนางกำลังร่ายวิชาเพื่อสะกดข่มจิตมารไปส่วนหนึ่งแล้ว ยามนี้นิ้วมือกลับนิ่งไป สองแขนลู่ต่ำลง คล้ายจะยอมรับชะตากรรมแล้ว เอ่ยพึมพำประโยคหนึ่ง “ใช่หรือ? แต่ว่าข้ามีภารกิจของข้า…”
‘ลืมภารกิจของเจ้าไปซะ ลืมไอ้ฟั่นเชียนซื่อศิษย์คนนั้นไปเสีย! เจ้าถางถนนสร้างหนทางไว้ให้เขามากมายพอแล้ว มอบไข่มังกรประทีปให้เขา ให้เขาได้เรียนรู้ผังนภาดารา ทักษะวิชาทั้งหมดก็ถ่ายทอดให้เขาไปหมดแล้ว แถมยังทิ้งทักษะยุทธ์ทั้งหมดสำหรับเทพผู้สร้างโลกไว้ในแดนต้องห้ามสำหรับทวยเทพเพื่อให้เขาสืบทอดตำแหน่งอย่างสมบูรณ์อีก…เจ้าดีต่อเขามามากพอแล้ว เจ้าควรจะคิดเพื่อตัวเองได้แล้ว ต้องดับขันธ์ไปเช่นนี้เจ้ายินยอมหรือ?’
“ไม่ยินยอมแล้วอย่างไรเล่า? ยังไงข้าก็ต้องดับขันธ์แล้ว ไยจะต้องให้เขามารับรู้เรื่องพวกนี้ด้วย? จะทำให้เขาเสียใจทำไม?”
————————————————————————————-
บทที่ 3010 แยกจิตมาร 3
‘อันที่จริงแล้ว เจ้าไม่ต้องดับขันธ์ก็ได้ ขอเพียงเจ้าสังหารฟั่นเชียนซื่อได้ภายในสองชั่วยาม กินหัวใจของเขาซะ ก็สามารถยืดอายุขัยให้ยืนยาวได้แล้ว ถึงยังไงเขาก็เป็นศิษย์ของเจ้า และเจ้าก็ทำเพื่อเขามามากพอแล้ว ชีวิตเขาเป็นเจ้าที่ช่วยเอาไว้ ตอนนี้ตอบแทนเจ้าด้วยชีวิตก็เป็นเรื่องชอบธรรมตามเหตุผลแล้ว…กินหัวใจของเขาสิ เจ้าจะได้มีชีวิตต่อไปอีกสิบปี สามารถครองคู่โบยบินกับตี้ฝูอีได้อีกสิบปี…มิใช่ว่าเจ้าอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาเตรียมไว้ให้คนในดวงใจชุดนั้นหรอกหรือ? มิใช่ว่าอยากเห็นว่าชุดเจ้าบ่าวที่แท้จริงที่เขาจะสวมใส่หน้าตาเป็นอย่างไรหรอกหรือ? ขอเพียงเจ้าทำตามที่ข้าบอก ความปรารถนาเหล่านี้ของเจ้าล้วนจะสมประสงค์…’
อาจเป็นเพราะการขัดขืนดิ้นรนของสตรีชุดขาวเบาลงแล้ว และไม่ควบคุมมันอีกต่อไป น้ำเสียงจิตมารจึงกำเริบเสิบสานขึ้น คืบคลานขึ้นไปเร็วขึ้นเรื่อยๆด้วย
พร้อมๆ กับที่มันพูดจบ ไอดำที่หมุนวนสายนั้นก็คืบคลานขึ้นไปถึงปลายคางของนางแล้ว
กู้ซีจิ่วกลั้นหายใจ…
ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะอะไร ทุกอย่างที่เธอเห็นในครั้งนี้ล้วนเป็นจิตมารสายนั้นที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ในใจของเธอกลับรับรู้ได้รางๆ ว่าสตรีชุดขาวคนนั้นยังมีท่าไม้ตายอยู่…
และใช่จริงๆ ความคิดเธอเพิ่งจะแล่นมาถึงตรงนี้ ก็พบว่าสตรีชุดขาวที่ดูเหมือนจะถูกควบคุมเอาไว้อย่างสมบูรณ์แล้วจู่ๆ ก็เคลื่อนไหวขึ้นมา! พลันตวัดนิ้วกรีดผ่าบริเวณทรวงอกของตนอย่างรวดเร็วยิ่ง!
เสียงกรีดร้องสายหนึ่งแว่วเข้าหู เงาร่างสีขาวอ่อนจางสายหนึ่งที่ห่อหุ้มไปด้วยไอทมิฬที่อยู่ภายในร่างของสตรีชุดขาวนางนั้น ถูกฉีกกระชากออกมาทั้งเป็น!
เสียงกรีดร้องแว่วดังไม่หยุด สตรีชุดขาวนางนั้นขยับนิ้วกรีดเฉือนอย่างต่อเนื่อง ปราการแสงสีเหลืองสายหนึ่งครอบคลุมเงาร่างขาวซีดร่างนั้นเอาไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้มันออกมาไม่ได้อีก…
ชัดเจนยิ่งนักว่าเงาร่างขาวซีดนั้นก็คือจิตมาร หน้าตาของมันยังค่อนข้างพร่าเลือนอยู่ แต่เรือนร่างกลับเหมือนกับสตรีชุดขาวนางนั้นทุกประการแล้ว
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้คาดคิดถึงทุกอย่างนี้ไว้เลย ไม่อยากจะเชื่อ เสียงหวีดแหลม ‘เจ้า…ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะแยกข้าออกมาได้! เป็นไปได้ยังไงกัน?!’
เห็นได้ชัดว่าการแยกจิตมารออกมาส่งผลร้ายต่อสตรีชุดขาวนางนั้นยิ่งนัก สีหน้าของนางซีดขาวจนน่ากลัว อาภรณ์ขาวบนร่างก็ถูสีสันของโลหิตย้อมจนแดงฉานไปหมด นางยืนส่ายโงนเงนอยู่ตรงนั้น ทว่าสายตาที่มองจิตมารกลับเฉียบคมยิ่ง “เปิ่นจุนเป็นถึงเทพผู้สร้างโลกเชียวนะ ไหนเลยจะติดกับจิตมารกระจอกอย่างเจ้าได้? เปิ่นจุนทราบถึงการมีตัวตนของเจ้ามานานแล้ว รู้ว่าพอข้าอ่อนแอลง เจ้าจะต้องออกมาแผลงฤทธิ์แน่ ดังนั้นจึงคิดวิธีกำราบเจ้าเอาไว้ก่อนแล้ว วาดอักขระอาคมของอาคมบทนี้เอาไว้บนชุดนานแล้ว อย่างไรก็ตาม อักขระอาคมนี้มีแต่ต้องรอให้เจ้าคืบคลานขึ้นมาถึงจุดเหรินจง[1]ของเปิ่นจุนแล้วถึงจะเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเปิ่นจุนจึงเฝ้ารอให้เจ้าเข้ามาหาอยู่ตลอด…”
จิตมารตะลึงไปแล้ว
‘เมื่อครู่ข้าทราบความคิดทั้งหมดของเจ้าแล้วชัดๆ ยามที่เจ้าวางแผนต่อข้าเหตุใดจึงไม่มีความคิดเลยสักนิดเล่า?’ จิตมารไม่พอใจและฉงนงงงวย
“อาคมนี้ยามที่เปิ่นจุนอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็จะลองฝึกฝนดู คุ้นเคยคล่องแคล่วยิ่งมานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องขบคิดเลย เมื่อครู่เจ้าไม่สังเกตเห็นเลยหรือว่าความคิดของเปิ่นจุนว่างเปล่ามาโดยตลอด?”
จิตมารเงียบไปครู่หนึ่ง ‘…ข้าเพียงนึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้…’
“ข้าโหดเหี้ยมต่อทุกคน รวมถึงตัวข้าเองด้วย” สุ้มเสียงของสตรีชุดขาวเรียบเฉย ทว่าแฝงความห้าวหาญอันไร้รูปลักษณ์เอาไว้ “เอาล่ะ! เจ้าก็สงบใจอยู่ที่นี่ไปให้ดีเถอะ ตราบจนถึง…วันที่เจ้าจะสลายหายไปอย่างสมบูรณ์”
สตรีชุดขาวกล่าวจบแล้วก็เริ่มร่ายอาคม กรีดแยกอากาศให้เป็นรู แล้วโยนเขตแดนสีเหลืองที่ห่อหุ้มจิตมารเอาไว้เข้าไป!
กู้ซีจิ่วที่ถูกบังคับให้รับชมอยู่ด้านข้างพูดไม่ออกเลย…
ดูเหมือนว่าตอนนี้มุมมองของเธอจะผูกติดอยู่กับจิตมารตนนั้น หลังจากจิตมารถูกโยนออกไปแล้ว เบื้องหน้าของเธอก็ดับมืดลงทันที
ยามที่มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองยังคงอยู่ในทะเลทราย
ตี้เฮ่า ฟั่นเชียนซื่อล้วนอยู่กันทั้งสิ้น สตรีชุดขาวนางนั้นที่มีไอดำพัวพันอยู่ก็ยืนตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าพิลาสแสดงความภาคภูมิใจออกมา “ซีจิ่วเอ๋ย ได้เห็นฉากเหล่านี้แล้วเจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างเล่า? ชาติก่อนเจ้าหักใจข่มกลั้นความเจ็บปวดแยกข้าออกมาอย่างรุนแรง ซ้ำยังกักขังข้าเอาไว้ในทะเลทรายผุพังแห่งนี้หลายแสนปี ทำให้ข้าต้องรับสายลมพัดโกรกแสงแดดแผดเผา คิดบ้างไหมว่าจะมีวันนี้? วันนี้ในที่สุดเจ้าก็ตกอยู่ในกำมือข้าแล้ว!”
————————————————————————————-
[1] จุดเหรินจง คือ บริเวณร่องที่เชื่อมระหว่างริมฝีปากไปหาปลายจมูก