ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 45 ว่าวกระดาษสองตัว (2)

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

เห็นได้ว่าเฉินฉางเซิงแค่ฝืนเถียง ฝืนยิ้ม ฝืนสงบนิ่ง เสี่ยวเต๋อก็คิดเช่นนี้ ดังนั้นความเย้ยหยันบนใบหน้าจึงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

เฉินฉางเซิงอธิบาย “หากข้าสังหารเขาด้วยตัวเองก็ดีที่สุด แต่ต่อให้ข้าไม่อาจทำเช่นนั้น ข้าสามารถขับไล่เขาออกไปจากที่แห่งนี้ได้ก็ไม่ได้แย่นัก”

เสี่ยวเต๋อไม่อาจเข้าใจเหตุผลของเขา พวกยอดฝีมือหลายสิบคนในที่แห่งนี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

ต่อให้เป็นอย่างที่เฉินฉางเซิงบอก กับดักที่โจวทงวางไว้ได้ทำให้เขากลายเป็นสุนัขจรจัดจริง ทว่าทำไมสุนัขจรจัดถึงได้ใกล้ตายเล่า

กลางฤดูร้อนหรือลึกเข้าไปในฤดูหนาว สุนัขจรจัดก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไปในจิงตู แม้ว่าชีวิตของพวกมันอาจไม่ดีเท่าไร กระนั้นก็ไม่ได้ตายง่ายนัก และหากโจวทงเป็นสุนัข เขาก็ไม่ใช่สุนัขธรรมดา เขามีฟันที่แหลมคมที่สุดในโลกและยังเคลือบเอาไว้ด้วยยาพิษที่น่ากลัวที่สุด

แต่ย่อมเป็นเพราะโจวทงเป็นสุนัขจรจัดที่เฉินฉางเซิงเชื่อว่าใกล้ตายแล้ว

สุนัขจรจัดต้องมีชีวิตอย่างกระวนกระวาย สุดท้ายพวกหนูที่คั่งแค้นบนถนนย่อมบุกออกมาร้องหาหัวของมัน

เสี่ยวเต๋อเข้าใจแล้วจากนั้นก็มองไปที่เฉินฉางเซิงราวกับว่าเขาเป็นเด็กคนหนึ่ง “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะมีคนมาช่วยพวกเจ้าสองคนสังหารโจวทง”

ในสายตาของเขาและคนมากมาย การที่หวังผ้อกับเฉินฉางเซิงยืนกรานจะฆ่าโจวทงนั้นเป็นเรื่องที่บ้าบิ่นที่สุดในโลก จะมีคนบ้าเช่นนี้ในโลกอีกอย่างนั้นหรือ

เฉินฉางเซิงตอบอย่างจริงใจมาก “ข้าไม่รู้ว่าใครจะมาช่วยเราฆ่าโจวทง”

จากนั้นก็กล่าวเสริม “แต่ข้ามีความศรัทธาว่าจะต้องมีคนออกมา”

มีคนมากมายเกินไปที่ปรารถนาให้โจวทงตาย

เมื่อโจวทงไปจากลานบ้านที่มีต้นไห่ถังแห่งนี้ ออกไปจากตรอกกองทัพเหนือซือเจิ้ง ก็ไม่มีที่ใดในโลกอันกว้างใหญ่จะซ่อนตัวเขาเอาไว้ได้

คนพวกนั้นที่ต้องการให้เขาตายย่อมฉวยโอกาสนี้โจมตีเขาด้วยวิธีที่รุนแรงที่สุด

การมีอยู่ของซางสิงโจวทำให้คนส่วนใหญ่ที่ต้องการให้โจวทงตายไม่เคลื่อนไหว แต่ก็ยังมีบางคนที่จะลงมือ

และที่เรียกว่า ‘คนส่วนใหญ่’ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยเหลือโจวทง พวกเขาจะอยู่ด้านข้างมองดูโจวทงตายอย่างเย็นชา

ก็เหมือนกับที่ซูหลีได้ประสบตอนที่เดินทางกลับสู่แดนใต้ ที่เขาประสบในเมืองสวินหยาง

แต่เสี่ยวเต๋อไม่เชื่อข้อสันนิษฐานนี้ เขากล่าวอย่างสมเพช “ตอนที่คนใกล้ตาย จิตใจย่อมปั่นป่วน แล้วพูดมากไปจะมีความหมายอะไร”

……

……

เมื่อสู้กับเสี่ยวเต๋อยอดฝีมือบนประกาศเซียวเหยากับยอดฝีมือขั้นรวบรวมดวงดาวหลายสิบคน เฉินฉางเซิงดูเหมือนต้องตายเท่านั้น สถานการณ์ของหวังผ้อยิ่งเลวร้ายกว่า แม้ว่าเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านแล้ว แต่ก็แขนขาดได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งเส้นลมปราณยังได้รับความเสียหาย อย่าว่าแต่ต้องต่อสู้อีกเลย แค่เดินผ่านแม่น้ำมาก็เป็นเรื่องยากลำบากมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเผชิญหน้ากับทหารม้าหลายร้อยนาย ขุนพลเทพสองท่านกับประมุขรองตระกูลถัง ห่าฝนลูกศรที่ปกคลุมไปทั่วฟ้า

ท้องฟ้าถูกฉีกด้วยสายฝนลูกศรและลมเย็นก็พัดอย่างบ้าคลั่ง หวังผ้อยืนอยู่ในแม่น้ำสีหน้ายังคงสุขุมเหมือนเช่นเคย ถึงกับแข็งกระด้างอยู่บ้าง

ตอนที่ทั่วโลกต้องการฆ่าเขา เขาถือดาบเข้ามาในจิงตู บนถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะ เขาต่อสู้กับเทพศักดิ์สิทธิ์ ทำให้โลกตกตะลึงด้วยการทะลวงผ่านในแม่น้ำลั่วผ่านการตัดแขนตัวเอง จากนั้นเขาก็สังหารสุดยอดฝีมืออย่างเถี่ยซู่ในดาบเดียว ในทุกแง่มุมเขาล้วนอยู่ในจุดสูงสุด ด้วยการใช้ดาบ เขาได้มาถึงจุดสูงสุดของวิถีดาบแล้ว

ไม่มีอะไรให้เสียใจอีกแล้ว และเขาก็ไม่มีความสามารถที่จะทำเรื่องให้โลกตะลึงอีกต่อไป

เขาลืมตาอย่างใจเย็นมองดูลูกศรร่วงลงมาจากท้องฟ้าเพราะไม่มีอะไรอีกแล้วที่เขาควรทำ

ทันใดนั้นลมรุนแรงก็วาดผ่านแม่น้ำลั่ว

สายลมนี้รุนแรงจนลูกศรหน้าไม้ที่รวดเร็วก็ยังถูกดัพจนเสียขบวน เสียกำลังทั้งหมดไป จากนั้นก็ตกลงจากท้องฟ้า

ลูกศรหลายร้อยดอกตกลงในน้ำเย็นของแม่น้ำ แล้วลอยขึ้นลงประดุจกิ่งไม้หักจำนวนมาก

ประมุขรองตระกูลถังพลันช้อนสายตาขึ้นมองท้องฟ้าที่หิมะโปรยปราย สีหน้าเปลี่ยนไป ความเกรี้ยวกราดฉายขึ้นในดวงตา

หวังผ้อต้องตาย

นี่เป็นคำสัญญาที่ซางสิงโจว จักรพรรดิขาวและสิบสี่อ๋องกบฏมอบให้กับจูลั่ว

นี่เป็นโอกาสอันดีที่สุดที่ราชสำนักจะสังหารหวังผ้อ และเป็นไปได้ว่าจะเป็นโอกาสสุดท้าย

เมื่อสายลมรุนแรงม้วนพัดห่าฝนลูกศร ขุนพลเทพทั้งสองก็เริ่มเคลื่อนไหว

ขุนพลเทพทั้งสองไม่ได้มีอันดับสูงที่สุดในกองทัพต้าโจว ทว่าพวกเขาก็มีการบำเพ็ญเพีนรลึกล้ำยิ่งกว่าเซวียเหอ พวกเขาอยู่ในขั้นสูงของระดับรวบรวมดวงดาวตั้งแต่หลายปีก่อน

ต้นหลิวฤดูหนาวสิบกว่าต้นบนเขื่อนริมแม่น้ำได้ถูกทำลายกลายเป็นเศษเสี้ยวในทันที ม้าสายเลือดมังกรสองตัวส่งเสียงร้องราวกับกำลังจะตาย ขุนพลเทพทั้งสองพุ่งเข้าสู่แม่น้ำลั่ว

ทวนสองเล่มเปล่งแสงเย็นเยียบแทงเข้าใส่หวังผ้อ!

*ฟิ้ว!*เสียงกระจ่างชัดดังมาจากท้องฟ้าที่หิมะโปรยปราย

เฉกเช่นว่าน้ำแข็งในแม่น้ำลั่วได้ละลายจนหมดและลอยขึ้นสูง จากนั้นก็ตกลงราวกับสายน้ำตก

ไม่ เป็นเสียงของว่าวบนท้องฟ้าถูกสายลมรุนแรงพัด

ที่ปลายเชือกว่าวอีกด้านหนึ่งมีคนผู้หนึ่ง

คนผู้นี้โดดลงมาจากท้องฟ้าเสียงดังหวือ

เป็นเสียงของลมเย็นเยียบพัดกระดาษขาวบนใบหน้า

เขาร่วงลงประหนึ่งก้อนหินตกลงในแม่น้ำลั่ว ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าขุนพลเทพทั้งสอง

ทวนทรงพลังทั้งสองได้มาถึงแล้ว

คนผู้นี้ก็ยกอาวุธของตนเองขึ้นมา เป็นทวนเช่นเดียวกัน

ทวนนี้ย่อมด้อยกว่าทวนหิมาลัยเทวาที่อยู่ในวังหลวง และไม่อาจเทียบได้กับทวนในมือของขุนพลเทพฮั่นชิงหรือทวนที่เซวียสิ่งชวนถือ

แต่ทวนนี้ก็คล้ายกับทวนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ในบางแง่มุมมันมีชื่อเสียงยิ่งกว่าทวนของฮั่นชิงหรือเซวียสิ่งชวนเสียอีก

เพราะผู้ใช้ทวนนี้มีชื่อเสียงกว่ามาก

ตอนนี้ ฮั่นชิงได้กลับไปยังดินแดนเผ่ามารแล้ว และเซวียสิ่งชวนก็ถูกฝังอยู่นอกจิงตู ดังนั้นยังมีทวนใดที่กดขี่ยิ่งกว่าทวนของคนผู้นี้ ดื้อด้านถึงเพียงนี้

ทวนนี้แทงอย่างรุนแรงปัดป้องทวนจากขุนพลเทพทั้งสอง

เสียงทึบหนักสองเสียงดังก้องไปทั่วแม่น้ำลั่ว คลื่นน้ำแผ่กระจายออกจากศูนย์กลาง

กองทัพอวี่หลินที่บุกลงมาในแม่น้ำตอนนี้ถูกส่งกระเด็นไปด้วยคลื่นกระแทกในขณะที่ม้าศึกท่ามกลางต้นหลิวส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด

ขุนพลเทพทั้งสองถูกซัดลอยไปด้านหลังตกลงบนฝั่ง กระอักเลือดออกมา อาการบาดเจ็บไม่น้อยเลย

คนผู้นั้นยังคงยืนอยู่ในแม่น้ำลั่ว ไม่ถอยไปแม้แต่ครึ่งก้าว

ห่าฝนลูกศรอีกสายตกลงมาจากท้องฟ้า ห่าฝนเมฆดำ แม่น้ำลั่วหม่นมัวไปในทันที

คนผู้นี้ถือทวนในแนวขวางเหนือผิวน้ำเย็น เป็นเหล็กที่ไม่มีวันเคลื่อน

พลังของทวนทำให้กำแพงน้ำกว้างร้อยจั้งพุ่งขึ้นจากแม่น้ำลั่ว

ลูกศรปักใส่กำแพงและถูกทำลายลงในทันที

เขาดึงทวนกลับลงมาโดยพลัน

ปลายทวนตกลงในน้ำและแม่น้ำก็กลายเป็นน้ำตกที่ไหลทวนกระแส เป็นน้ำพุสายหนึ่ง น้ำพุ่งขึ้นไปทุกทิศทาง มีเป้าหมายอยู่ที่ยอดฝีมือจากกองทัพ

เสียงคำรามดังมาจากรอบแม่น้ำลั่ว ก้อนน้ำแข็งในแม่น้ำอาบย้อมไปด้วยเลือด

ยอดฝีมือจากกองทัพสิบกว่าคนได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปจนสิ้น

โลกนี้อยู่ในความสงบชั่วขณะหนึ่ง

ฟิ้ว!

ว่าวลอยอยู่บนท้องฟ้า

กำแพงน้ำตกลงสู่แม่น้ำ

กระดาษขาวบนใบหน้าของคนผู้นั้นสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

เลือดพุ่งออกจากปากย้อมกระดาษขาวเป็นดอกไม้ที่น่าหวาดกลัว

ในตอนสุดท้ายเขาถึงตัดสินใจจะโจมตีดังนั้นเขาจึงเร่งรีบไปบ้าง ยิ่งไปกว่านั้น คู่ต่อสู้ไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นราชสำนัก

เขาได้ใช้ทวนเล่มหนึ่งขับไล่สองขุนพลเทพถอยไป หนึ่งทวนป้องกันห่าฝนลูกศร หนึ่งทวนทำร้ายยอดฝีมือในกองทัพสิบกว่าคนบาดเจ็บสาหัส แม้แต่คนอย่างเขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสูง

แต่เขาไม่สนใจ เพราะในตอนนี้ เขาเห็นแล้วว่าตัวเลือกของเขาถูกต้อง เพราะในตอนนี้เขารู้สึกสดชื่นมาก

เสียงแหบแห้งเปี่ยมไปด้วยความเหี้ยมโหดดังผ่านกระดาษที่ย้อมด้วยเลือด เข้าสู่หูของคนนับไม่ถ้วนบนสองฝั่งแม่น้ำลั่ว

“ใครอีก”

คำพูดนี้เปี่ยมไปด้วยความหยิ่งทะนง

คนผู้นี้ใช้ชีวิตอย่างหยิ่งทะนงมาชั่วชีวิต

เซียวจางคนดี