เห็นได้ว่าเฉินฉางเซิงแค่ฝืนเถียง ฝืนยิ้ม ฝืนสงบนิ่ง เสี่ยวเต๋อก็คิดเช่นนี้ ดังนั้นความเย้ยหยันบนใบหน้าจึงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เฉินฉางเซิงอธิบาย “หากข้าสังหารเขาด้วยตัวเองก็ดีที่สุด แต่ต่อให้ข้าไม่อาจทำเช่นนั้น ข้าสามารถขับไล่เขาออกไปจากที่แห่งนี้ได้ก็ไม่ได้แย่นัก”
เสี่ยวเต๋อไม่อาจเข้าใจเหตุผลของเขา พวกยอดฝีมือหลายสิบคนในที่แห่งนี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
ต่อให้เป็นอย่างที่เฉินฉางเซิงบอก กับดักที่โจวทงวางไว้ได้ทำให้เขากลายเป็นสุนัขจรจัดจริง ทว่าทำไมสุนัขจรจัดถึงได้ใกล้ตายเล่า
กลางฤดูร้อนหรือลึกเข้าไปในฤดูหนาว สุนัขจรจัดก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไปในจิงตู แม้ว่าชีวิตของพวกมันอาจไม่ดีเท่าไร กระนั้นก็ไม่ได้ตายง่ายนัก และหากโจวทงเป็นสุนัข เขาก็ไม่ใช่สุนัขธรรมดา เขามีฟันที่แหลมคมที่สุดในโลกและยังเคลือบเอาไว้ด้วยยาพิษที่น่ากลัวที่สุด
แต่ย่อมเป็นเพราะโจวทงเป็นสุนัขจรจัดที่เฉินฉางเซิงเชื่อว่าใกล้ตายแล้ว
สุนัขจรจัดต้องมีชีวิตอย่างกระวนกระวาย สุดท้ายพวกหนูที่คั่งแค้นบนถนนย่อมบุกออกมาร้องหาหัวของมัน
เสี่ยวเต๋อเข้าใจแล้วจากนั้นก็มองไปที่เฉินฉางเซิงราวกับว่าเขาเป็นเด็กคนหนึ่ง “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะมีคนมาช่วยพวกเจ้าสองคนสังหารโจวทง”
ในสายตาของเขาและคนมากมาย การที่หวังผ้อกับเฉินฉางเซิงยืนกรานจะฆ่าโจวทงนั้นเป็นเรื่องที่บ้าบิ่นที่สุดในโลก จะมีคนบ้าเช่นนี้ในโลกอีกอย่างนั้นหรือ
เฉินฉางเซิงตอบอย่างจริงใจมาก “ข้าไม่รู้ว่าใครจะมาช่วยเราฆ่าโจวทง”
จากนั้นก็กล่าวเสริม “แต่ข้ามีความศรัทธาว่าจะต้องมีคนออกมา”
มีคนมากมายเกินไปที่ปรารถนาให้โจวทงตาย
เมื่อโจวทงไปจากลานบ้านที่มีต้นไห่ถังแห่งนี้ ออกไปจากตรอกกองทัพเหนือซือเจิ้ง ก็ไม่มีที่ใดในโลกอันกว้างใหญ่จะซ่อนตัวเขาเอาไว้ได้
คนพวกนั้นที่ต้องการให้เขาตายย่อมฉวยโอกาสนี้โจมตีเขาด้วยวิธีที่รุนแรงที่สุด
การมีอยู่ของซางสิงโจวทำให้คนส่วนใหญ่ที่ต้องการให้โจวทงตายไม่เคลื่อนไหว แต่ก็ยังมีบางคนที่จะลงมือ
และที่เรียกว่า ‘คนส่วนใหญ่’ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยเหลือโจวทง พวกเขาจะอยู่ด้านข้างมองดูโจวทงตายอย่างเย็นชา
ก็เหมือนกับที่ซูหลีได้ประสบตอนที่เดินทางกลับสู่แดนใต้ ที่เขาประสบในเมืองสวินหยาง
แต่เสี่ยวเต๋อไม่เชื่อข้อสันนิษฐานนี้ เขากล่าวอย่างสมเพช “ตอนที่คนใกล้ตาย จิตใจย่อมปั่นป่วน แล้วพูดมากไปจะมีความหมายอะไร”
……
……
เมื่อสู้กับเสี่ยวเต๋อยอดฝีมือบนประกาศเซียวเหยากับยอดฝีมือขั้นรวบรวมดวงดาวหลายสิบคน เฉินฉางเซิงดูเหมือนต้องตายเท่านั้น สถานการณ์ของหวังผ้อยิ่งเลวร้ายกว่า แม้ว่าเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านแล้ว แต่ก็แขนขาดได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งเส้นลมปราณยังได้รับความเสียหาย อย่าว่าแต่ต้องต่อสู้อีกเลย แค่เดินผ่านแม่น้ำมาก็เป็นเรื่องยากลำบากมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเผชิญหน้ากับทหารม้าหลายร้อยนาย ขุนพลเทพสองท่านกับประมุขรองตระกูลถัง ห่าฝนลูกศรที่ปกคลุมไปทั่วฟ้า
ท้องฟ้าถูกฉีกด้วยสายฝนลูกศรและลมเย็นก็พัดอย่างบ้าคลั่ง หวังผ้อยืนอยู่ในแม่น้ำสีหน้ายังคงสุขุมเหมือนเช่นเคย ถึงกับแข็งกระด้างอยู่บ้าง
ตอนที่ทั่วโลกต้องการฆ่าเขา เขาถือดาบเข้ามาในจิงตู บนถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะ เขาต่อสู้กับเทพศักดิ์สิทธิ์ ทำให้โลกตกตะลึงด้วยการทะลวงผ่านในแม่น้ำลั่วผ่านการตัดแขนตัวเอง จากนั้นเขาก็สังหารสุดยอดฝีมืออย่างเถี่ยซู่ในดาบเดียว ในทุกแง่มุมเขาล้วนอยู่ในจุดสูงสุด ด้วยการใช้ดาบ เขาได้มาถึงจุดสูงสุดของวิถีดาบแล้ว
ไม่มีอะไรให้เสียใจอีกแล้ว และเขาก็ไม่มีความสามารถที่จะทำเรื่องให้โลกตะลึงอีกต่อไป
เขาลืมตาอย่างใจเย็นมองดูลูกศรร่วงลงมาจากท้องฟ้าเพราะไม่มีอะไรอีกแล้วที่เขาควรทำ
ทันใดนั้นลมรุนแรงก็วาดผ่านแม่น้ำลั่ว
สายลมนี้รุนแรงจนลูกศรหน้าไม้ที่รวดเร็วก็ยังถูกดัพจนเสียขบวน เสียกำลังทั้งหมดไป จากนั้นก็ตกลงจากท้องฟ้า
ลูกศรหลายร้อยดอกตกลงในน้ำเย็นของแม่น้ำ แล้วลอยขึ้นลงประดุจกิ่งไม้หักจำนวนมาก
ประมุขรองตระกูลถังพลันช้อนสายตาขึ้นมองท้องฟ้าที่หิมะโปรยปราย สีหน้าเปลี่ยนไป ความเกรี้ยวกราดฉายขึ้นในดวงตา
หวังผ้อต้องตาย
นี่เป็นคำสัญญาที่ซางสิงโจว จักรพรรดิขาวและสิบสี่อ๋องกบฏมอบให้กับจูลั่ว
นี่เป็นโอกาสอันดีที่สุดที่ราชสำนักจะสังหารหวังผ้อ และเป็นไปได้ว่าจะเป็นโอกาสสุดท้าย
เมื่อสายลมรุนแรงม้วนพัดห่าฝนลูกศร ขุนพลเทพทั้งสองก็เริ่มเคลื่อนไหว
ขุนพลเทพทั้งสองไม่ได้มีอันดับสูงที่สุดในกองทัพต้าโจว ทว่าพวกเขาก็มีการบำเพ็ญเพีนรลึกล้ำยิ่งกว่าเซวียเหอ พวกเขาอยู่ในขั้นสูงของระดับรวบรวมดวงดาวตั้งแต่หลายปีก่อน
ต้นหลิวฤดูหนาวสิบกว่าต้นบนเขื่อนริมแม่น้ำได้ถูกทำลายกลายเป็นเศษเสี้ยวในทันที ม้าสายเลือดมังกรสองตัวส่งเสียงร้องราวกับกำลังจะตาย ขุนพลเทพทั้งสองพุ่งเข้าสู่แม่น้ำลั่ว
ทวนสองเล่มเปล่งแสงเย็นเยียบแทงเข้าใส่หวังผ้อ!
*ฟิ้ว!*เสียงกระจ่างชัดดังมาจากท้องฟ้าที่หิมะโปรยปราย
เฉกเช่นว่าน้ำแข็งในแม่น้ำลั่วได้ละลายจนหมดและลอยขึ้นสูง จากนั้นก็ตกลงราวกับสายน้ำตก
ไม่ เป็นเสียงของว่าวบนท้องฟ้าถูกสายลมรุนแรงพัด
ที่ปลายเชือกว่าวอีกด้านหนึ่งมีคนผู้หนึ่ง
คนผู้นี้โดดลงมาจากท้องฟ้าเสียงดังหวือ
เป็นเสียงของลมเย็นเยียบพัดกระดาษขาวบนใบหน้า
เขาร่วงลงประหนึ่งก้อนหินตกลงในแม่น้ำลั่ว ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าขุนพลเทพทั้งสอง
ทวนทรงพลังทั้งสองได้มาถึงแล้ว
คนผู้นี้ก็ยกอาวุธของตนเองขึ้นมา เป็นทวนเช่นเดียวกัน
ทวนนี้ย่อมด้อยกว่าทวนหิมาลัยเทวาที่อยู่ในวังหลวง และไม่อาจเทียบได้กับทวนในมือของขุนพลเทพฮั่นชิงหรือทวนที่เซวียสิ่งชวนถือ
แต่ทวนนี้ก็คล้ายกับทวนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ในบางแง่มุมมันมีชื่อเสียงยิ่งกว่าทวนของฮั่นชิงหรือเซวียสิ่งชวนเสียอีก
เพราะผู้ใช้ทวนนี้มีชื่อเสียงกว่ามาก
ตอนนี้ ฮั่นชิงได้กลับไปยังดินแดนเผ่ามารแล้ว และเซวียสิ่งชวนก็ถูกฝังอยู่นอกจิงตู ดังนั้นยังมีทวนใดที่กดขี่ยิ่งกว่าทวนของคนผู้นี้ ดื้อด้านถึงเพียงนี้
ทวนนี้แทงอย่างรุนแรงปัดป้องทวนจากขุนพลเทพทั้งสอง
เสียงทึบหนักสองเสียงดังก้องไปทั่วแม่น้ำลั่ว คลื่นน้ำแผ่กระจายออกจากศูนย์กลาง
กองทัพอวี่หลินที่บุกลงมาในแม่น้ำตอนนี้ถูกส่งกระเด็นไปด้วยคลื่นกระแทกในขณะที่ม้าศึกท่ามกลางต้นหลิวส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
ขุนพลเทพทั้งสองถูกซัดลอยไปด้านหลังตกลงบนฝั่ง กระอักเลือดออกมา อาการบาดเจ็บไม่น้อยเลย
คนผู้นั้นยังคงยืนอยู่ในแม่น้ำลั่ว ไม่ถอยไปแม้แต่ครึ่งก้าว
ห่าฝนลูกศรอีกสายตกลงมาจากท้องฟ้า ห่าฝนเมฆดำ แม่น้ำลั่วหม่นมัวไปในทันที
คนผู้นี้ถือทวนในแนวขวางเหนือผิวน้ำเย็น เป็นเหล็กที่ไม่มีวันเคลื่อน
พลังของทวนทำให้กำแพงน้ำกว้างร้อยจั้งพุ่งขึ้นจากแม่น้ำลั่ว
ลูกศรปักใส่กำแพงและถูกทำลายลงในทันที
เขาดึงทวนกลับลงมาโดยพลัน
ปลายทวนตกลงในน้ำและแม่น้ำก็กลายเป็นน้ำตกที่ไหลทวนกระแส เป็นน้ำพุสายหนึ่ง น้ำพุ่งขึ้นไปทุกทิศทาง มีเป้าหมายอยู่ที่ยอดฝีมือจากกองทัพ
เสียงคำรามดังมาจากรอบแม่น้ำลั่ว ก้อนน้ำแข็งในแม่น้ำอาบย้อมไปด้วยเลือด
ยอดฝีมือจากกองทัพสิบกว่าคนได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปจนสิ้น
โลกนี้อยู่ในความสงบชั่วขณะหนึ่ง
ฟิ้ว!
ว่าวลอยอยู่บนท้องฟ้า
กำแพงน้ำตกลงสู่แม่น้ำ
กระดาษขาวบนใบหน้าของคนผู้นั้นสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง
เลือดพุ่งออกจากปากย้อมกระดาษขาวเป็นดอกไม้ที่น่าหวาดกลัว
ในตอนสุดท้ายเขาถึงตัดสินใจจะโจมตีดังนั้นเขาจึงเร่งรีบไปบ้าง ยิ่งไปกว่านั้น คู่ต่อสู้ไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นราชสำนัก
เขาได้ใช้ทวนเล่มหนึ่งขับไล่สองขุนพลเทพถอยไป หนึ่งทวนป้องกันห่าฝนลูกศร หนึ่งทวนทำร้ายยอดฝีมือในกองทัพสิบกว่าคนบาดเจ็บสาหัส แม้แต่คนอย่างเขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสูง
แต่เขาไม่สนใจ เพราะในตอนนี้ เขาเห็นแล้วว่าตัวเลือกของเขาถูกต้อง เพราะในตอนนี้เขารู้สึกสดชื่นมาก
เสียงแหบแห้งเปี่ยมไปด้วยความเหี้ยมโหดดังผ่านกระดาษที่ย้อมด้วยเลือด เข้าสู่หูของคนนับไม่ถ้วนบนสองฝั่งแม่น้ำลั่ว
“ใครอีก”
คำพูดนี้เปี่ยมไปด้วยความหยิ่งทะนง
คนผู้นี้ใช้ชีวิตอย่างหยิ่งทะนงมาชั่วชีวิต
เซียวจางคนดี