ชายชราเต๋าแม้ว่าจะสวมชุดเต๋า แต่จากสายตาที่เขามองเฉินโม่สามารถดูออก เขาไม่ใช่เต๋าที่แท้จริง
เขาไม่มีคุณสมบัติของลัทธิเต๋าในการยับยั้งความปรารถนา สงบจิตใจ แต่สิ่งที่เขามีคือหัวใจที่อยากจะชนะ
เวลานี้ทุกคนกำลังมองชายชราเต๋าคนนี้อยู่ หรืออาจพูดได้ว่ากำลังมองเฉินโม่ รอฟังคำตอบของเฉินโม่
“ใช่” เฉินโม่มองชายชราเต๋า พูดด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ
แววตาแห่งความสุขฉายแววในดวงตาของชายชราเต๋า และน้ำเสียงของเขาผันผวนเล็กน้อย “นำมันออกมาและแบ่งปันกับทุกคน!”
เสียงของชายชราพูดด้วยน้ำเสียงที่ออกคำสั่ง เหมือนกับผู้บังคับบัญชาสั่งคนรับใช้
คนที่ยืนมองอยู่ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย และคิดว่าชายชราควรจะพูดกับเฉินโม่ด้วยน้ำเสียงนี้
เฉินโม่มองชายชราเต๋า แล้วพูดออกมาเพียงหนึ่งคำ “ไม่”
คำตอบของเฉินโม่ก็สมเหตุผลและก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาควรจะตอบแบบนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทุกคนรู้สึกตัวก็ไม่คิดแบบนั้นแล้ว พวกเขามองไปที่เฉินโม่ และสาปแช่งอย่างเย็นชา “ไอ้หนุ่มคนนี้ กล้าไม่ไว้หน้านักพรตชิงซง หาเรื่องตายชัดๆ!”
“ไอ้หนุ่มคนนี้ช่างกล้านัก เขาฆ่าคุณชายตระกูลฉางของแปดตระกูลใหญ่ ตอนนี้ยังกล้ามาล่วงเกินสำนักอู่ซานของหกสำนักใหญ่ เขาอยากจะล่วงเกินโลกบู๊โบราณด้วยตัวเขาคนเดียวเหรอ?”
“ไอ้หนุ่มคนนี้มีที่มาที่ไปยังไง? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเขานั้นบ้ากว่าเฉินไต้ซืออีก!”
หลินหยุนสามคนยืนอยู่ด้านหลังของเฉินโม่ รู้สึกถึงสายตาที่มุ่งร้ายของนักบู๊ที่อยู่รอบตัวพวกเขา พวกเขาทั้งสามรู้สึกเพียงว่าพวกเขาถูกชี้โดยคนนับพัน และขนของพวกเขาก็ลุกซู่
พวกเขาอยากจะโน้มน้าวเฉินโม่อย่างมาก ผู้ที่รับรู้สถานการณ์ปัจจุบันและตามกระแสได้คือคนเก่ง แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เฉยเมยของเฉินโม่ พวกเขากลับไม่สามารถพูดมันออกมา
ความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักพรตชิงซง และสายตาที่มองเฉินโม่ก็แฝงไว้ด้วยแรงสังหาร
ไอ้หนุ่ม แกรู้จักสำนักอู่ซานของฉันมั้ย? น้ำเสียงที่เย็นเฉียบของนักพรตชิงซงทำให้คนฟังสั่นไหว
เฉินโม่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย ยังคงพูดด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ “รู้”
“ในเมื่อรู้ ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง หากแกยินดีที่จะบอกวิธีที่จะทำลายพลังต้องห้ามนี้ นับจากนี้ต่อไปแกก็จะเป็นเพื่อนของสำนักอู่ซานของฉัน”
“มิอาจเอื้อม!” เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบ ใบหน้าปรากฏด้วยความเย้ยหยัน
ใบหน้าของนักพรตชิงซงเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ทะนงตน “ดูแล้วนายก็ยังพอรู้ตัวอยู่บ้าง ยังรู้ว่าอาจเอื้อมสำนักอู่ซานของเราไม่ได้ อย่างไรก็ตามขอเพียงมีฉันรับรองให้นาย สำนักอู่ซานของเราต้องยอมรับนายอย่างแน่นอน”
เฉินโม่ยิ้มยกที่มุมปาก “ฉันว่าพวกแกต่างหากที่อาจเอื้อมฉันไม่ได้”
“แกมันหาที่ตาย!” นักพรตชิงซงพูดอย่างโกรธเคือง
เฉินโม่ไม่ได้มีเจตนาที่จะหยามนักพรตชิงซง แค่พูดตามความจริงเท่านั้น แค่สำนักของโลกบู๊โบราณ เมื่อเทียบกับผู้บำเพ็ญทั่วไปแล้วก็เหมือนกับมด ยิ่งไปกว่านั้นเขาที่ผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพ?
ใบหน้าของคนรอบข้างผิดแปลก ครั้งนี้ไม่ได้มีแต่สำนักอู่ซาน ที่เหลืออีกหกสำนักก็ได้ส่งตัวแทนมาด้วย
คนของสำนักคุนชางและสำนักจิ่วหวาเมื่อเห็นนักพรตชิงซงถูกบีบบังคับให้ยอมแพ้ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
อย่างไรก็ตามสีหน้าของคนส่วนใหญ่ล้วนตกใจ สายตาที่มองเฉินโม่เหมือนมองคนที่ตายไปแล้ว
“ไอ้หนุ่มคนนี้ เมื่อกี้เข้าใจว่ามันแค่ไม่เห็นนักพรตชิงซงอยู่ในสายตา ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่า มันนั้นไม่เห็นสำนักอู่ซานอยู่ในสายตาต่างหาก!”
มีนักบู๊อุทานขึ้นมา
“แม้แต่หกสำนักใหญ่ของอย่างสำนักอู่ซานยังไม่อยู่ในสายตา ต่อให้เขาเป็นเฉินไต้ซือก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
นักพรตชิงซงอดไม่ได้ที่จะลงมือแล้ว แต่เมื่อมองเห็นคนของสำนักคุนชางและสำนักจิ่วหวาแล้ว ก็เปลี่ยนใจทันที
“ ไม่ได้ ฉันจะลงมือไม่ได้ ไอ้หนุ่มคนนี้ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ไม่แน่ว่าอาจจะมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง ฉันไม่ควรที่จะเป็นคนที่เสนอหน้าคนนั้น จะไม่ยอมให้สำนักจิ่วหวาและสำนักคุนชางได้ผมประโยชน์จากเรื่องนี้”