ตอนที่ 808 ฝีมือของจอมยุทธ์ปีศาจ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในจวนเจ้าเมืองของเมืองเทียนหยวน ฉินอวี้โม่และผู้นำตระกูลใหญ่คนอื่น ๆ กำลังนั่งตามตำแหน่งเพื่อหารือกัน

แน่นอนว่าบัลลังก์หลักคือตำแหน่งของจ้าวเหลียง—เจ้าเมืองเทียนหยวน ในขณะที่ฉินอวี้โม่นั่งในตำแหน่งแรกสุดทางซ้ายมือซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกคนให้ความสำคัญกับนางมากเพียงใด ส่วนผู้ที่นั่งตรงข้ามกับนางคือจ้าวตั๋วผู้เป็นนายอำเภอซ่างหยวนและเป็นน้องชายของจ้าวเหลียง

โหรวฉิงและเฉินเซี่ยวลั่วนั่งอยู่ถัดจากฉินอวี้โม่ ในขณะที่ซ่างสี่ซานนั่งถัดจากจ้าวตั๋วและโจวปิ่งฮุยก็นั่งในตำแหน่งท้ายสุดด้วยสีหน้าท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

“ทุกท่าน เฝิงรุ่ยเฉิงระเบิดตัวเองเพราะต้องการทำร้ายทุกคนไปในคราวเดียวและถือโอกาสนั้นหลบหนีไปกับจิตวิญญาณของตนเอง ทว่าข้าก็จับเขาไว้ได้ทันและตอนนี้เขาก็อยู่ในคฤหาสน์มิติของข้า”

ฉินอวี้โม่อธิบายสถานการณ์ล่าสุดอย่างสั้น ๆ ก่อนกล่าวต่อ “ทว่าข้าก็ได้สืบทราบบางสิ่งบางอย่างมา หากสิ่งที่เขากล่าวมาเป็นความจริง ตระกูลเฝิงก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ปีศาจ”

“จอมยุทธ์ปีศาจงั้นรึ ?!”

ในตอนแรกโจวปิ่งฮุยถอนหายใจออกมาอย่างคลายกังวล ทว่าเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายจากฉินอวี้โม่ เขาก็อดลุกพรวดด้วยความตกใจไม่ได้

“ข้าเชื่อว่าผู้นำโจวไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ผู้นำโจวไม่ต้องตื่นตกใจเกินไปหรอก”

จ้าวเหลียงมองไปที่โจวปิ่งฮุยและผายมือส่งสัญญาณให้เขานั่งลงตามเดิม

“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าเฝิงรุ่ยเฉิงจะอาจหาญจนถึงขั้นร่วมมือกับพวกจอมยุทธ์ปีศาจ !”

โจวปิ่งฮุยนั่งลงตามเดิมและรีบกล่าวอธิบายสาเหตุของปฏิกิริยาที่แสดงออกมา แม้ทราบว่าผู้นำตระกูลเฝิงคนก่อนมีจิตใจชั่วร้ายและคิดทำลายทุกคน แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าเฝิงรุ่ยเฉิงจะถึงขั้นร่วมมือกับจอมยุทธ์ลึกลับและน่าสะพรึงกลัวอย่างจอมยุทธ์ปีศาจ

เขาทราบดีว่าขุมกำลังที่ถูกเรียกกันว่า ‘จอมยุทธ์ปีศาจ’ นั้นเป็นอย่างไร คนเหล่านั้นทำสิ่งชั่วร้ายและไร้ซึ่งคุณธรรม การที่เฝิงรุ่ยเฉิงเลือกที่จะร่วมมือกับคนเหล่านั้นก็ถือว่าไม่ต่างจากการรนหาที่ตายเสียเอง

“เขาอธิบายกับข้าว่าจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นมาหาเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อนและรับปากว่าจะช่วยให้เขาขึ้นเป็นใหญ่ในเมืองเทียนหยวน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การที่ความสามารถของเขาพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องและรักษาตำแหน่งผู้นำตระกูลไว้ได้อย่างมั่นคงก็ล้วนเกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้น ยาพิษร้ายแรงจำนวนมากที่ใช้ในแผนการครานี้ก็เป็นสิ่งที่ได้มาจากจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นเช่นกัน”

ฉินอวี้โม่อธิบายเพิ่มเติมและกล่าวต่อ “ข้าเชิญทุกคนมาหารือกันครานี้ก็เพื่อถามว่าในเมืองเทียนหยวนมีสิ่งใดที่วิเศษหรือไม่ ? มิฉะนั้นจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นที่เก็บตัวเงียบอย่างไร้ร่องรอยมานานก็คงไม่สนใจตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลเฝิงหรอก”

การที่จอมยุทธ์ปีศาจมาที่เมืองเทียนหยวนแห่งนี้จะต้องเป็นเพราะมีบางสิ่งที่พวกเขาต้องการอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน ส่วนการที่พวกเขาให้การช่วยเหลือตระกูลเฝิงนั้นก็เป็นเพราะต้องการยืมมือตระกูลเฝิงกำจัดตระกูลใหญ่อื่น ๆ ทั้งหมด สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นได้ไม่ยากว่าเมืองเทียนหยวนแห่งนี้น่าจะมีปริศนาบางอย่างที่ซ่อนไว้ซึ่งแม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่ทราบเกี่ยวกับมัน

จ้าวเหลียงและทุกคนมองหน้ากันก่อนขมวดคิ้วมุ่น

“บอกตามตรง ข้าเป็นเจ้าเมืองของเมืองเทียนหยวนมานานกว่าร้อยปี ทว่าข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับความลับที่ซ่อนไว้ในเมืองแห่งนี้เลย อย่างน้อยที่สุด ตลอดช่วงมากกว่าร้อยปีที่ผ่านมา ข้าก็ยังไม่เคยพบสิ่งใดในเมืองเทียนหยวนที่คู่ควรแก่การหมายปอง”

เขาย้ายมาที่เมืองแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อร้อยกว่าปีก่อนและดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองเทียนหยวนมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบันนี้โดยไม่เคยย้ายไปที่ใด ตลอดช่วงที่ผ่านมานี้ ไม่เคยเกิดสิ่งที่ผิดปกติหรือเหตุการณ์ใหญ่ใด ๆ ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับสมบัติลึกลับที่ซ่อนไว้ หากมันมีอยู่จริง มันก็อยู่ที่นี่มานานกว่าร้อยปีโดยที่เขาไม่เคยทราบเกี่ยวกับมันมาก่อน

“ในตระกูลซ่างก็ไม่เคยมีบันทึกหรือข้อมูลใดที่เกี่ยวข้องเช่นกัน”

ซ่างสี่ซานส่ายศีรษะออกมา ในความทรงจำของเขา เมืองแห่งนี้ไม่มีปริศนาหรือเรื่องลึกลับใด เมืองเทียนหยวนเป็นเพียงเมืองรองธรรมดาทั่วไปเมืองหนึ่งที่ไม่มีสิ่งใดพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น ประวัติศาสตร์ของเมืองเทียนหยวนในดินแดนมหาเทพก็ถือว่าไม่ยาวนานมากนัก หากเทียบกับเมืองรองเมืองอื่น มันได้ถูกก่อตั้งขึ้นในลำดับท้าย ๆ เท่านั้น การที่กล่าวว่ามีปริศนาลึกลับซ่อนไว้ที่นี่ บรรดาผู้นำตระกูลใหญ่เหล่านี้จึงแทบไม่อยากเชื่อ

“หากเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้ก็แปลกไปสักหน่อย จอมยุทธ์ปีศาจเป็นขุมกำลังที่แปลกประหลาดที่สุดในดินแดนมหาเทพและมักจะไม่ปรากฏตัวง่าย ๆ การที่พวกเขาปรากฏตัวในเมืองระดับสองและเลือกที่จะสนับสนุนตระกูลเล็ก ๆ เช่นนั้น ยากที่จะคาดเดาได้ว่าพวกเขามีจุดประสงค์ใดกันแน่”

โหรวฉิงกล่าวด้วยความสงสัย การที่จอมยุทธ์ปีศาจปรากฏตัวในเมืองเทียนหยวน ไม่มีทางที่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่มีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง ตระกูลเฝิงก็ไม่มีสิ่งใดที่น่าจะดึงดูดความสนใจของพวกเขาเหล่านั้นได้ เพราะฉะนั้นจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าแผนการของพวกเขาจะต้องเกี่ยวข้องกับเมืองเทียนหยวนโดยตรง

“เกรงว่าจอมยุทธ์ปีศาจคงจะทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว หากพวกเขาไม่เลือกสนับสนุนตระกูลอื่น พวกเขาจะต้องมาหาข้าอย่างแน่นอน ทุกท่านจับตาดูและระวังตัวไว้เถอะ หากจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นมาหาข้าจริง ข้าก็มีวิธีที่จะหลอกล่อพวกเขาอยู่”

ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยความมั่นใจและคาดเดาได้ถึงการเคลื่อนไหวต่อไปของจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้น

หากเมืองเทียนหยวนมีสิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการจริง พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน หากจอมยุทธ์ปีศาจไม่มาหานางหลังจากนี้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาเลือกที่จะสนับสนุนตระกูลอื่นในเมืองเทียนหยวน และหากเดาไม่ผิด ตระกูลที่มีแนวโน้มเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นเป้าหมายของพวกเขาก็คือตระกูลโจวนั่นเอง

โจวปิ่งฮุยมิใช่คนเขลาเบาปัญญา เมื่อเห็นสายตาของฉินอวี้โม่ที่มองมาที่ตน เขาก็คาดเดาความคิดนางได้ทันที

“ไม่ต้องห่วง หากจอมยุทธ์ปีศาจพวกนั้นมาหาข้า ข้าจะแจ้งให้ทุกคนทราบโดยเร็วที่สุดและไม่มีทางร่วมมือกับพวกเขาแน่ !”

เวลานี้ผู้นำตระกูลโจวก็ตระหนักดีว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่ากลุ่มคนลึกลับเหล่านั้นมากนัก เขายอมมีปัญหาและไม่ลงรอยกับจอมยุทธ์ปีศาจแทนที่จะเป็นศัตรูกับฉินอวี้โม่ผู้นี้

“ในเมื่อผู้นำโจวกล่าวเช่นนั้น ข้าก็วางใจได้ เอาล่ะ…นี่คืออุปกรณ์สื่อสาร หากจอมยุทธ์ปีศาจพวกนั้นไปหาผู้นำโจวจริง ท่านก็ติดต่อข้าได้ทันที”

ฉินอวี้โม่หยิบอุปกรณ์สื่อสารจำนวนหนึ่งที่หลอมเมื่อไม่นานมานี้ออกมาและยื่นให้กับทุกคนในที่แห่งนี้

ดินแดนมหาเทพแตกต่างไปจากดินแดนระดับต่ำอย่างมากและการหลอมอุปกรณ์สื่อสารที่สมบูรณ์แบบมิใช่เรื่องง่ายเลย อุปกรณ์สื่อสารที่นางหลอมสำเร็จในปัจจุบันนี้สามารถสื่อสารกันได้เพียงระหว่างไม่กี่เมืองในระยะพันลี้เท่านั้น

“เข้าใจแล้ว ข้าจะปฏิบัติตามนั้น”

แน่นอนว่าโจวปิ่งฮุยไม่ปฏิเสธและรับมันไว้

“จอมยุทธ์อวี้โม่ ข้าต้องขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ต้องกังวล…เมื่อกลับไปที่จวนตระกูลโจว ข้าจะหาทางชดใช้ให้กับพวกท่านอย่างแน่นอน”

หลังจากไตร่ตรองดู เขาก็กล่าวเสริมขึ้นมาโดยกังวลว่าตนยังไม่ได้แสดงความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าที่ควร

“ไม่จำเป็นหรอก ผู้นำโจวเองก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน ลืมเรื่องนี้ไปเสียเถอะ ตราบใดที่ตระกูลโจวไม่หาเรื่องสร้างปัญหาให้กับเราอีกต่อไปในอนาคต เราก็จะอยู่ร่วมกันได้ตามปกติ”

ฉินอวี้โม่โบกมือเบา ๆ พลางกล่าวออกไป นางมิใช่คนที่จะคิดแค้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา เห็นได้ชัดว่าโจวปิ่งฮุยไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้และแผนการของโจวเฉียนเกิดขึ้นลับหลังโดยที่เขาไม่ข้องเกี่ยวแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ทัศนคติที่แสดงถึงความจริงใจของผู้นำตระกูลโจวในตอนนี้ก็ทำให้ฉินอวี้โม่พึงพอใจไม่น้อย

เขาไม่จำเป็นต้องหาสิ่งใดมาชดใช้ให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ตระกูลโจวเองก็ตกเป็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากแผนการชั่วร้ายครานี้เช่นกัน และเมื่อพิจารณาจากกิริยาท่าทางของโจวปิ่งฮุย นางก็สามารถปล่อยวางเรื่องนี้ไปได้

“เสี่ยวอวี้โม่พูดถูก จู่ ๆ จอมยุทธ์ปีศาจก็ปรากฏตัวในเมืองและมิใช่เรื่องดีสำหรับเราทุกคน หลังจากนี้เราควรร่วมมือกันเพื่อรับมือกับคนเหล่านั้น ตราบใดที่ผู้นำโจวไม่ลืมสิ่งที่กล่าวไว้ในวันนี้และร่วมมือกับพวกเราเพื่อรับมือกับจอมยุทธ์ปีศาจ แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว”

ซ่างสี่ซานกล่าวแสดงความคิดของตนเช่นกัน เวลานี้ขุมกำลังทั้งหมดในเมืองเทียนหยวนจะต้องร่วมมือกันเป็นปึกแผ่นและไม่ปล่อยให้แผนการของพวกจอมยุทธ์ปีศาจประสบความสำเร็จได้

ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่ก็กลายเป็นผู้นำคนใหม่ของตระกูลเฝิงแล้ว และในอนาคตข้างหน้า เมืองเทียนหยวนจะมีตระกูลใหญ่รวมห้าตระกูล ตราบใดที่พวกเขาทั้งหมดร่วมมือกันและไม่คิดร้ายกันเอง ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเก่งอาจและยากเกินคาดเดาเพียงใดก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาและเมืองเทียนหยวนได้

“เอาล่ะ ข้าต้องไปจัดการเรื่องของตระกูลเฝิงก่อน หากจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้นจริง อย่าลืมแจ้งให้ทุกคนทราบ”

ฉินอวี้โม่ลุกขึ้นและกล่าวอำลาก่อนเดินจากไป

ตระกูลเฝิงยังมีเรื่องวุ่นวายอีกมากที่ฉินอวี้โม่ต้องจัดการ และนางจะต้องส่งคนไปแจ้งข่าวให้ฉื่อซิ่งทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและถามความคิดเห็นของคนในตระกูลฉื่อ