บทที่ 746 แร่จักรพรรดิทองคำขาว

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

หลังจากได้รับเคล็ดวิชาเสือขาวเทวะไปแล้ว หลูเหลียงก็มีท่าทีสุภาพกับหลิงตู้ฉิงมากขึ้นหลายเท่าตัว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่มีทางสนใจแนะนำตัวของเขาเองกับหลิงตู้ฉิงแน่นอน

หลิงตู้ฉิงเองก็เต็มใจแจ้งชื่อของเขาออกไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ก้อนโลหะของเจ้ามีชื่อเรียกว่า แร่จักรพรรดิทองคำขาว!”

“แร่จักรพรรดิทองคำขาว?” หลูเหลียงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “ว่าแต่มันเอามาใช้ทำอะไรได้?”

“มันสามารถนำมาใช้เปลี่ยนธาตุในร่างกายของผู้บ่มเพาะได้ยังไงล่ะ!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ

หลิงตู้ฉิงอธิบายแบบสั้น ๆ ไม่ลงรายละเอียดอะไรให้มากมายนัก เนื่องจากสิ่งนี้มันเกี่ยวกับความลับร่างกายของเขาเอง

ในตอนแรก หลิงตู้ฉิงเป็นกังวลในเรื่องร่างกายกายธาตุโลหะของเขาเหมือนกันว่าเขาจะบ่มเพาะมันยังไงดี เนื่องจากสิ่งที่มีธาตุโลหะอัดแน่นอยู่แบบนี้มันหายากและก็อันตรายมาก ๆ

หากเป็นแร่ที่มีพลังธาตุโลหะรุนแรงทั่วไป หลิงตู้ฉิงคงไม่สามารถดูดซับมันได้ง่าย ๆ โดยตรง เนื่องจากมันอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของเขาได้ง่าย ๆ ถ้าหากในระหว่างที่เขาดูดซับมันไม่ระวังให้ดี ๆ

แต่เนื่องจากแร่จักรพรรดิทองคำขาวก้อนนี้กำเนิดมาจากผู้เชี่ยวชาญที่บ่มเพาะวิถีเต๋าธาตุวารี มันจึงทำให้ในก้อนแร่จักรพรรดิทองคำขาวนี้มีธาตุวารีผสมอยู่ด้วย ซึ่งหลิงตู้ฉิงได้ทำการบ่มเพาะร่างธาตุวารีจนสำเร็จแล้ว เขาจึงสามารถดูดซับก้อนแร่จักรพรรดิทองคำขาวนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร

หลูเหลียงไม่คิดจะถามอะไรอีกเกี่ยวกับแร่จักรพรรดิทองคำขาว เนื่องจากคำพูดที่หลิงตู้ฉิงบอกว่ามันสามารถนำมาใช้เปลี่ยนธาตุในร่างกายได้นั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าโลหะชิ้นนี้ล้ำค่าขนาดไหน

แต่ก็เป็นอย่างที่หลิงตู้ฉิงบอกจริง ๆ ที่ว่าโลหะนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อเผ่าของเขามากนัก เพราะธาตุในร่างกายมนุษย์เสืออย่างพวกเขานั้นเป็นธาตุโลหะอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกเขาจะเอามันมาใช้กับตัวเอง

แน่นอนว่าประโยชน์เพียงอย่างเดียวของมันในตอนนี้ที่เขาคิดได้ก็คือเอามาขายก็เท่านั้น

“ข้าสามารถถ่ายทอดเคล็ดวิชาเสือขาวเทวะให้กับคนในเผ่าของข้าได้ไหม?” หลูเหลียงถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “เรื่องนี้เจ้าต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะเคล็ดวิชานี้ไม่ใช่แค่เพียงเผ่ามนุษย์เสือของเจ้าเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้ พวกอสูรเสือที่มีธาตุโลหะในร่างของสันเขาหมื่นอสูรหรือเผ่าเสือวายุก็สามารถบ่มเพาะมันได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าหากว่าเจ้าถ่ายทอดเคล็ดวิชานี้ให้กับคนในเผ่าแล้ว และเมื่อไหร่ที่เคล็ดวิชานี้ถูกรู้จักไปจนทั่ว อสูรเหล่านั้นคงจะมาแย่งชิงเคล็ดวิชานี้ไปจากเผ่าของเจ้าแน่นอน ดังนั้นเจ้าก็ตัดสินใจด้วยตัวเองดี ๆ ก็แล้วกัน”

หลูเหลียงพ่นลมออกจมูกและพูดว่า “ที่นี่คือเขตแดนอุดรทมิฬ ไม่ใช่ที่ที่พวกอสูรสารเลวนั่นจะมากำแหงได้ง่าย ๆ หากพวกมันกล้าโผล่หัวมาจริง ๆ ข้าและเหล่าสหายของข้าก็ไม่กลัวที่จะสู้ตายกับพวกมัน!”

ถึงแม้ว่าอสูรเสือและเผ่ามนุษย์เสือจะเป็นเสือเหมือนกัน แต่ที่มาของบรรพบุรุษของทั้งสองนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไว้หน้าพวกอสูรแม้แต่น้อย

“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “เอาล่ะ ข้าขอตัวเดินหาสมบัติต่อก่อนล่ะ”

หลูเหลียงพยักหน้า “หากท่านมีโอกาส ท่านก็สามารถแวะมาที่เผ่าของข้าได้ทุกเมื่อ ข้าให้สัญญาว่าเผ่าของข้าจะต้อนรับท่านเป็นอย่างดีที่สุด!”

เมื่อพูดจบ หลูเหลียงก็เดินออกจากตลาดหมื่นสายพันธุ์ในทันทีเพื่อนำเอาเคล็ดวิชานี้ไปให้กับคนในเผ่าของเขาได้บ่มเพาะ

การคัดเลือกของเมืองศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้เผ่ามนุษย์เสือของเขาก็เป็นหนึ่งเผ่าที่ส่งตัวแทนไปเช่นกัน หลูเหลียงจึงคิดว่าด้วยเคล็ดวิชาใหม่นี้มันน่าจะทำให้ตัวแทนเผ่าของเขามีโอกาสเพิ่มมากขึ้นสำหรับการผ่านการคัดเลือกเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์..

ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็เดินดูของต่อไปด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน แต่ในทางกลับกันผู้อาวุโสของสำนักเงามายากลับมองหลิงตู้ฉิงด้วยสายตากระอักกระอ่วน

เขาได้สัญญากับหลิงตู้ฉิงเอาไว้ว่าเขาจะเป็นคนจ่ายค่าของให้กับหลิงตู้ฉิงทั้งหมด แต่แล้วในตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าคำสัญญาของเขามันหนักหนาเกินกว่าเขาจะทำตามได้ไหว หรือต่อให้จะเป็นสำนักของเขาก็คงแบกรับไม่ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเขายังโชคดีที่หลิงตู้ฉิงเองก็ไม่ได้บังคับให้เขาจ่ายตามสัญญา ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ

เมื่อเดินไปได้สักพัก หลิงตู้ฉิงก็หยุดยืนที่ตรงหน้าแผงของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้หนึ่งที่มีหัวเป็นปลา จากนั้นเขาชี้ไปที่สาหร่ายมัดหนึ่งและถามขึ้นว่า “เจ้าจะขายมันในราคาเท่าไหร่?”

มนุษย์ปลาจ้องมาที่หลิงตู้ฉิง และถามสวนกลับมาว่า “เจ้ารู้เหรอว่ามันคืออะไร?”

“เจ้าไม่รู้?” หลิงตู้ฉิงถามกลับ

มนุษย์ปลาครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็พยักหน้ากับตัวเองเหมือนกับโทรจิตคุยอะไรกับใครอยู่ จากนั้นเขาก็หันมาจ้องหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ถ้าข้ารู้แล้วข้าจะถามเจ้างั้นเหรอ? ว่าแต่เมื่อครู่ข้าเห็นว่าเจ้าซื้อของจากตาเฒ่าหลู เจ้าซื้ออะไรมางั้นเหรอ?”

“นั่นมันเรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้า” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “สรุปแล้วเจ้าจะเอายังไง จะขายหรือไม่ขาย?”

มนุษย์ปลามองไปที่กลุ่มคนด้านหลังหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ที่ถ้ำของข้ายังขาดสาวรับใช้อยู่ และข้าก็อยากจะเลี้ยงมังกรบ้างเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าเจ้าแบ่งสาวใช้ของเจ้ามาให้ข้าสักคนสองคน และมอบมังกรนั่นให้ข้า ข้าจะยอมตกลงแลกสาหร่ายมัดนี้กับเจ้า เจ้าตกลงไหม?”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “หลงเฉินมีหน้าที่ลากรถให้กับข้า ถ้าข้ามอบเขาให้กับเจ้าแล้วข้าจะหาใครที่ไหนมาลากรถแทน? หรือว่าเป็นเจ้า? เจ้าอยากลากรถแทนหลงเฉินงั้นเหรอ?”

สีหน้าของมนุษย์ปลาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที และตะคอกกลับว่า “ไอ้หนุ่มนี่เจ้ากล้าดูหมิ่นข้างั้นเหรอ? นี่เจ้าหาเรื่องตายเหรอไง?”

ถึงแม้ว่าตลาดแห่งนี้จะมีกฎห้ามผู้ที่แข็งแกร่งกว่าหาเรื่องผู้ที่อ่อนแอกว่า ซึ่งถ้าหากมีใครกล้าฝ่าฝืนกฎนี้คนผู้นั้นจะโดนรุมประชาทัณฑ์ในทันที และเขาจะไม่สามารถกลับเข้ามาทำการค้าในตลาดแห่งนี้ได้อีกต่อไป

แต่ถ้าหากผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งกว่าถูกดูหมิ่นโดยผู้เชี่ยวชาญที่อ่อนแอกว่าก่อน เรื่องราวมันจะกลายเป็นอีกแบบหนึ่งในทันที ซึ่งมันจะไม่มีใครสนใจในชะตากรรมของผู้เชี่ยวชาญที่อ่อนแอกว่าผู้นั้นเลยแม้แต่น้อยถึงแม้ว่าคนผู้นั้นจะมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำกว่ามากก็ตาม

ซึ่งสถานการณ์ของหลิงตู้ฉิงในเวลานี้มันก็ตรงกับเงื่อนไขนั้นพอดี

เมื่อมองไปที่สีหน้าอันเดือดดาลของมนุษย์ปลา หลิงตู้ฉิงก็หัวเราะและพูดว่า “ข้ารู้เป็นอย่างดีว่าตั้งแต่แรกที่ข้ากับเจ้าคุยกันเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ และข้าก็ตั้งใจเล่นไปตามน้ำกับเจ้าด้วย สำหรับเจ้าที่มีค่าไม่ต่างอะไรกับอาหารในสายตาข้า การที่ข้าถามว่าเจ้าจะมาลากรถให้ข้าไหมนั่นถือว่าให้เกียรติที่สุดแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มนุษย์ปลาก็ยิ่งโมโหมากไปกันใหญ่และไม่คิดจะรีรออะไรอีกต่อไปและพุ่งเข้ามาโจมตีหลิงตู้ฉิงในทันที “ยังกล้าบังอาจดูถูกข้าแบบนี้ งั้นเจ้าก็จงตายไปซะไอ้มนุษย์หน้าโง่!”

———————–