บทที่ 1457 : ร่ำลา
  เพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่หกวันเท่านั้น!
  หลิงหยุนยังจำได้อย่างแม่นยำว่าครั้งก่อนที่เขามาที่นี่ดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟเข้าไปนั้น เป็นวันที่ 28 กันยายน แต่วันนี้เป็นเช้าวันที่ 4 ตุลาคม ซึ่งผ่านไปเพียงแค่หกวันเท่านั้น แต่พลังชีวิตกลับเพิ่มพูนขึ้นเกือบจะใกล้เคียงกับครั้งก่อน
  นี่ย่อมหมายความว่า..หากหลิงหยุนดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟเข้าไปจนหมดอีกครั้ง ภายในเจ็ดวันถัดมา พลังชีวิตธาตุไฟที่นี่จะกลับมาเต็มเปี่ยมมันเช่นเคย
  เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลิงหยุนจึงได้แต่ยิ้มออกมา และเริ่มทำการดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟรอบตัวเข้าไปทันที
  ในเมื่อพลังชีวิตธาตุไฟที่นี่สามารถเพิ่มพูนขึ้นเองได้เขายังจะต้องกังวลสิ่งใดอีกเล่า  จากนั้นหลิงหยุนจึงเรียกศิลากลั่นวิญญาณออกมา ก่อนจะใช้กระบี่กังฉีตัดออกมาสองก้อน ก้อนหนึ่งขนาดเท่าไข่ห่าน ส่วนอีกก้อนขนาดเท่าลูกปิงปอง
  “เซียนเอ๋อ..รับไว้!”
  หลิงหยุนโยนศิลากลั่นวิญญาณก้อนเท่าไข่ห่านให้กับไป๋เซียนเอ๋อส่วนก้อนเท่าลูกปิงปองนั้น เขากลืนลงไปในท้องตนเอง
  ภายใต้พลังจิตของหลิงหยุนเขาควบคุมเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางให้ห่อหุ้มศิลากลั่นวิญญาณไว้ และเริ่มทำการหลอมมัน
  หลิงหยุนต้องการหลอมแหวนพื้นที่วงใหม่ให้กับไป๋เซียนเอ๋อ..
  ครั้งก่อนนั้นหลิงหยุนเพิ่งจะเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเอ้อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-2) และสามารถกลั่นเสินหยวนได้เพียงแค่สองร้อยหยดเท่านั้น เขาจึงสามารถหลอมแหวนจักรวาลได้เพียงแค่สามวง วงหนึ่งของเขาเอง ส่วนอีกสองวงได้มอบให้กับหนิงหลิงยู่และเย่ซิงเฉินคนละวง  แต่หลังจากผ่านไปราวห้าสิบวัน..เวลานี้หลิงหยุนได้เข้าสู่ระดับกลางขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) แล้ว และเวลานี้เสินหยวนภายในจุดซือไห่ก็มีอยู่มากมาย อีกทั้งภายในร่างกายก็ยังมีเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง การหลอมแหวนจักรวาลจึงมิจำเป็นต้องใช้โรงหลอมกลั่นเลยแม้แต่น้อย
  “เซียนเอ๋อ..เจ้าฝึกฝนวิชาไปก่อน เดี๋ยวข้ามา!”
  หลิงหยุนเอ่ยบอกเพียงเท่านั้นแล้วร่างของเขาก็ได้หายวับไป และไปโผล่อีกครั้งบนยอดเขาแห่งหนึ่ง หลิงหยุนทำการเปิดเนตรหยิน–หยาง และเริ่มสำรวจไปบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด
  จากนั้นหลิงหยุนจึงเรียกหินมณีไฟจำนวนสามร้อยหกสิบก้อนออกมาจากแหวนจักรวาลของตนและเวลานี้หินมณีไฟทั้งหมดก็กำลังลอยอยู่กลางอากาศ ปะทะกับแสงอาทิตย์เจิดจ้า จนเกิดเป็นประกายสีแดงระยิบระยับ  “จัดเรียงตำแหน่งค่ายกล..”
  ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิตของหลิงหยุนหินมณีไฟทั้งสามร้อยหกสิบก้อนต่างก็ลอยห่างออกไป และจัดเรียงไปตามตำแหน่งค่ายกล ราวกับดวงดาวสีแดงที่ลอยอยู่กลางท้องนภา ดูช่างลึกลับยิ่งนัก
  “ร่วงลง..”
  ภายในการควบคุมของหลิงหยุนหินมณีไฟทั้งหมดได้เหาะเข้าไปรวมกัน และค่อยๆร่วงหล่นลงบนพื้นทีละก้อนประหนึ่งดาวตกสีแดง และร่วงหล่นหายลงไปกับพื้นดิน
  “สร้างค่ายกลสำเร็จแล้ว!”
  นี่นับเป็นค่ายกลหลุมพลังในระดับที่ทรงพลังยิ่งนักเพราะสร้างขึ้นจากหินมณีไฟเลยทีเดียว..
  ฉะนั้นแล้วค่ายกลหลุมพลังนี้จะมิเพียงแค่ดูดเอาพลังชีวิตธาตุไฟจากภายนอกเข้ามาเก็บไว้ภายใน แต่ยังจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการก่อตัวของพลังชีวิตธาตุไฟใต้ผืนดินในค่ายกลด้วย เพื่อป้องกันมิให้พลังชีวิตธาตุไฟที่ดูดซับเข้ามานั้นต้องระเหยออกไปทางใดทางหนึ่ง
  หลังจากสร้างค่ายกลหลุมพลังเสร็จแล้วหลิงหยุนจึงได้ทำการเปิดเนตรหยิน–หยางออกสำรวจดู และพบว่าภายในค่ายกลนั้นราวกับมีกระแสนวนสีแดงเข้มอยู่ภายใน ซึ่งเกิดจากพลังชีวิตธาตุไฟที่ถูกดูดเข้ามาจากเปลวไฟที่กำลังพวยพุ่งรอบทิศ พลังชีวิตธาตุไฟที่ถูกดูดเข้ามาก็ก่อตัวอยู่ใต้ผืนดิน และเวลานี้ภายในค่ายกลก็ราวกับเตาหลอมขนาดใหญ่!
  “เอาล่ะ..หากเซียนเอ๋อได้ฝึกฝนอยู่ที่นี่ ภายในสามเดือนหางที่ห้าย่อมต้องงอกออกมาแน่!”
  จากนั้นหลิงหยุนจึงเริ่มเดินวิชาหงส์เล่นไฟ และปลดปล่อยหงส์ไฟออกมาดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟเข้าไป เพื่อหล่อเลี้ยงให้เติบใหญ่
  ในระหว่างที่หลิงหยุนเก็บตัวหลอมอาวุธอยู่ห้าวันห้าคืนนั้นเขาได้ดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟเข้าไปมากมายกว่าไป๋เซียนเอ๋อ ทำให้มิต้องดึงอสุนีบาตธาตุไฟที่เก็บไว้ในสระอสุนีบาตภายในจุดตันเถียนมาช่วยในการหลอม
  ส่วนหงส์ไฟตนนี้นั้นเกิดจากการใช้วิชาหงส์เล่นไฟหลอมกลั่นขึ้นฉะนั้นแล้วตราบใดที่มีพลังชีวิตธาตุไฟเพียงพอ มันก็จะมิอันตธานหายไป
  ครั้งแรกที่หงส์ไฟปรากฏขึ้นนั้นร่างของมันลางเลือนและโปร่งใสจนแทบมองไม่เห็น และมีขนาดเท่ากับไก่เท่านั้น แต่หลังจากที่ดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟเข้าไปอย่างดุเดือด ร่างกายจึงค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้น และค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น
  หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองดวงตะวันที่กำลังทอแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องนภาพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างพอใจ
  ตราบใดที่โลกใบนี้ยังมีแสงอาทิตย์สาดส่องพลังชีวิตธาตุไฟย่อมไม่ขาดแคลน และมีมากกว่าพลังชีวิตที่เหลืออีกสี่ธาตุ ซึ่งก็คือดินน้ำ ลม และทอง
  แม้วิชาหงส์เล่นไฟจะเป็นวรยุทธบ่มเพาะที่ล้ำเลิศมากวิชาหนึ่งแต่หลิงหยุนก็รู้ว่ายังมิอาจเทียบเท่าวิชาหยางพิสุทธิ์ได้
  แต่ประโยชน์ของวิชาหงส์เล่นไฟก็คือสามารถกลั่นพลังชีวิตธาตุไฟนี้ได้โดยตรง โดยมิต้องแปลงพลังที่ดูดซับเข้าไปให้เป็นพลังหยางก่อน จึงนับว่าสะดวกกว่าวิชาหยางพิสุทธิ์มากนัก
  หงส์ไฟขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนเวลานี้มีความยายมากกว่าเก้าเมตรแล้ว มันกระพือปีกทั้งสองข้างขึ้นลง และรีบบินตรงไปยังดวงตาค่ายกล และเริ่มดูดซับเอาพลังชีวิตธาตุไฟเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม
  “เซียนเอ๋อ..”
  หลิงหยุนเข้าไปหาไป๋เซียนเอ๋อที่กำลังฝึกวิชาอยู่พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เวลานี้พี่วู๋เตายังคงหมดสติอยู่ ข้าจะต้องรีบกลับตระกูลฉินเย็นนี้ เพื่อไปดูอาการของเขาว่าเป็นเช่นใดบ้าง..”   เวลานั้นไป๋เซียนเอ๋อเองก็กำลังสนใจค่ายกลที่ทรงพลังของหลิงหยุนอยู่มีหรือที่จะสามารถจดจ่ออยู่กับการฝึกวิชาได้อีก นางได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
  “ค่ายกลหลุมพลังตรงหน้าเจ้านี้สร้างด้วยหินมณีไฟคาดว่าภายในเวลาสามเดือนหลังจากนี้ เจ้าคงจะงอกหางที่ห้าได้แล้ว หรือไม่แน่ว่าอาจจะถึงหางที่หกก็เป็นได้..”
  “แต่ก่อนที่ข้าจะออกเดินทางข้าจะถ่ายทอดการสร้างค่ายกลให้กับเจ้าเพื่อความมั่นใจ”
  “เอาล่ะ..เจ้าตั้งใจฟังให้ดี!”
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ถ่ายทอดการสร้าค่ายกลวราหก ค่ายกลนวสังหาร และค่ายกลหลุมพลังให้กับไป๋เซียนเอ๋อ
  ไป๋เซียนเอ๋อคือจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางธรรมชาติย่อมคุ้นเคยกับการใช้วิชาที่เกี่ยวกับพลังเหนือธรรมชาติ อีกทั้งยังรู้วิธีสร้างภาพลวงตาเพื่อปกป้องตนเองจากอันตราย เวลานี้หลิงหยุนยังได้ถ่ายทอดการสร้างค่ายกลต่างๆให้เช่นนี้ เขาจึงมิได้นึกเป็นห่วงนางมากนัก
  ไม่เพียงเท่านั้น..เวลานี้ไป๋เซียนเอ๋อยังมีอาวุธระดับสมบัติขั้นสูงสุดอย่างกระบี่เหินด้วย!
  “เอาล่ะ..เจ้าลองฝึกฝนทำความเข้าใจกับค่ายกลที่ข้าถ่ายทอดให้อยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจะกลับมาอีกภายในสองชั่วโมง!”
  “พี่หลิงหยุนพี่จะไปไหนรึ”
  ไป๋เซียนเอ๋อเห็นหลิงหยุนจะจากไปเช่นนั้นจึงรีบส่ายหน้าพร้อมกับร้องถามออกไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก..
  หลิงหยุนจึงต้องบอกไปว่า“ข้าจะไปจัดเตรียมของจำเป็นสำหรับการเก็บตัวฝึกวิชาให้กับเจ้าอย่างไรเล่า”
  “เจ้าคอยจับตาดูหงส์ไฟให้ข้าที!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วเขาทำการเปิดเครื่องมือนำทาง และเหาะไปในตัวเมืองทันที ระยะเวลาเพียงสองร้อยกิโลเมตรนั้น หลิงหยุนเหาะไปไม่นานก็ถึงแล้ว..
  หลิงหยุนกว้านซื้ออาหารและเครื่องดื่มกลับมามากมาย เท่าที่คิดว่าจะเพียงพอสำหรับการเก็บตัวฝึกวิชาของไป๋เซียนเอ๋อ
  จนกระทั่งผ่านไปร่วมสองชั่วโมงหลิงหยุนจึงได้กว้านซื้อของได้ตามที่ต้องการ และต้องคอยหาสถานที่ลับตาคนเก็บของทั้งหมดเข้าไปในแหวนของตนอีกด้วย จึงกินเวลาค่อนข้างนาน
  การที่หลิงหยุนต้องหลบๆซ่อนๆนั้นก็เพื่อมิให้ผู้คนมาพบเห็น และแตกตื่นนั่นเอง!
  สองชั่วโมงต่อมาในที่สุดหลิงหยุนก็กลับมายังบริเวณภูเขาเพลิงอีกครั้ง เมื่อมาถึงก็พบว่าไป๋เซียนเอ๋อกำลังนั่งฝึกวิชาอย่างตั้งอกตั้งใจ
  หลิงหยุนไม่ต้องการรบกวนการฝึกของนางจึงเดินตรงไปยังดวงตาค่ายกล และนั่งลงขัดสมาธิอยู่ใต้หงส์ไฟตัวใหญ่ จากนั้นจึงเริ่มฝึกปรือวิชาพร้อมกับหลอมศิลากลั่นวิญญาณภายในท้องของตนเองไปด้วย
  จนกระทั่งเข้าสู่เวลาห้าโมงเย็นหลิงหยุนจึงเรียกไป๋เซียนเอ๋อให้ตื่นจากสมาธิ จากนั้นทั้งคู่จึงช่วยกันทำการหลอมของวิเศษอีกครั้ง แต่ครานี้เป็นการหลอมแหวนจักรวาลให้กับนาง..
  หลิงหยุนคลายก้อนศิลากลั่นวิญญาณออกมาจากนั้นจึงใช้กระบี่กังฉีตัดออกเป็นสามส่วน แล้วจึงใช้ไฟโลกันต์ของไป๋เซียนเอ๋อ และไฟของหงส์ไฟในการหลอม ในขณะเดียวกันหลิงหยุนก็ได้ใช้ธงวายุโบกกระพือเปลวไฟให้ลุกโชติช่วงมากขึ้น ก่อนจะหลอมต่อด้วยพลังหยินและหยาง
  ภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถหลอมแหวนจักรวาลได้อีกถึงสามวง..
  “เซียนเอ๋อ..นี่แหวนจักรวาลของเจ้า จัดการหยดเลือดลงไปซะ!”
  “ขอบคุณพี่หลิงหยุน!!”   ไป๋เซียนเอ๋อรับแหวนจักรวาลมาด้วยความตื่นเต้นดีใจจากนั้นจึงทำการหยดโลหิตของตนลงไปทันที แต่แล้วก็ถึงกับตกตะลึง!!
  “นี่..ภายในใหญ่โตถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
  หลิงหยุนยิ้มออกมากับท่าทางตกอกตกใจของนางพร้อมกับเอ่ยยิ้มๆว่า “เอาล่ะ.. ออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า!”
  เนื่องจากที่นี่อุณหภูมิค่อนข้างสูงมากหลิงหยุนจึงได้ชวนไป๋เซียนเอ๋อไปคุยในบริเวณที่ห่างจากภูเขาเพลิง จากนั้นจึงเรียกของทั้งหมดที่ซื้อออกมาจากแหวน และให้ไป๋เซียนเอ๋อเก็บไปไว้ในแหวนของตนแทน จากนั้นหลิงหยุนก็ได้มอบเงินสดอีกหนึ่งล้านหยวนให้นางเก็บไว้ในแหวนด้วยเช่นกัน..
  หลิงหยุนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เซียนเอ๋อ.. เมื่อข้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าสามารถไปที่เมืองใกล้ๆนี้หาซื้อของได้หากต้องการ แต่จำไว้ว่าอย่ารังแกมนุษย์ เข้าใจหรือไม่”
  “อืมม!!”   ไป๋เซียนเอ๋อรับปากจากนั้นทั้งคู่ก็เหาะกลับมายังค่ายกลหลุมพลังอีกครั้ง..
  และเมื่อมาถึงหลิงหยุนก็พบว่าหงส์ไฟได้กลายเป็นหงส์ที่ตัวใหญ่ถึงห้าสิบเมตร มีเปลวเพลิงพวยพุ่งอยู่รอบตัว และสยายปีกได้กว้างเกือบหนึ่งร้อยเมตร!
  “กลับเข้าไปในร่าง!”
  หลิงหยุนจ้องมองด้วยความพึงพอใจจากนั้นจึงเรียกหงส์ไฟกลับเข้าไปในร่างของตนดังเดิม..
  “เซียนเอ๋อ..หากข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องขยันฝึกฝนวิชา และไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น เจ้าจะต้องรายงานให้ข้ารู้ทันที!”
  และในตอนเย็น..หลิงหยุนก็เหาะออกจากภูเขาเพลิงไปยังตระกูลฉิน โดยมีไป๋เซียนเอ๋อร่ำไห้น้ำตานองหน้า