บทที่ 3025 พบหน้า 2
“ท่านเข้ามาได้ยังไง?”
“แล้วท่านเข้ามาทำไมกัน?”
“เข้ามาแล้วจะออกไปไม่ได้นะท่านรู้ไหม?”
“พวกเราอาจจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปชั่วกัลปาวสานนะ…”
“ใช่แล้ว ทำไมท่านถึงมองออกล่ะว่าในสังขารนั้นไม่ใช่ข้า?”
“รู้ได้ยังไงว่าข้าอยู่ที่นี่?”
“ข้าเห็นท่านอุ้มตี้เฮ่าจากไปพร้อมกับนางแล้ว นึกว่าท่านคงไม่กลับมาอีก ใช่แล้ว จิตมารตนนั้นล่ะ?”
คำถามมากมายกองสุมอยู่ในใจกู้ซีจิ่ว ยามนี้จึงอดไม่ได้เอ่ยถามออกมาจนหมด
“น่าเกลียดนัก!” ตี้ฝูอีถอนหายใจ
กู้ซีจิ่วงุนงง “หา?”
“เจ้าในสภาพเช่นนี้ ช่างน่าเกลียดจริงๆ…” ตี้ฝูอีรักษาบาดแผลให้นาง พลางเอ่ยไปด้วย
กู้ซีจิ่วตะลึงไปแล้ว!
สภาพของเธอในตอนนี้ย่อมน่าเกลียดมาก ถึงแม้จะเป็นดวงวิญญาณ แต่ก็เป็นวิญญาณที่เป็นรูปเป็นร่าง ผิวหนังถูกลวกจนพองแดงอยู่หลายจุด ที่หน้าก็ด้วย เส้นผมถูกลวกจนร่วงไปกว่าครึ่งแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ยุ่งเหยิงแนบลู่ติดหนังศีรษะ
อันที่จริงเธอปกป้องใบหน้าเอาไว้ตามสัญชาตญาณแล้ว ทุกครั้งเมื่อน้ำท่วมขึ้นมา เธอจะใช้มือป้องหน้าเอาไว้ ดังนั้นในตอนนี้ร่างกายของเธอตั้งแต่บนลงล่างก็มีแค่หน้าเท่านั้นที่ยังพอดูได้อยู่ บริเวณอื่นล้วนถูกลวกจนมีสภาพน่าเวทนาจนไม่อาจทนดูได้เลย…
ก่อนหน้าเธอคิดแต่จะออกไปให้ได้ จึงไม่ได้ใส่ใจรูปลักษณ์ของตัวเองเลย ยามนี้พอได้ยินตี้ฝูอีเอ่ยออกมา ก็คิดจะมองดูร่างกายตนตามสัญชาตญาณ
คาดไม่ถึงว่าตี้ฝูอีกลับยื่นมือมาบังดวงตาของเธอไว้ “ห้ามมอง!”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย…
ควรเป็นเธอต่างหากที่ต้องบังตาเขามิใช่หรือ?
เธอเคยได้ยินนิทานเรื่องหนึ่ง บอกว่ายามที่สนมคนโปรดขององค์จักรพรรดิประชวรหนักไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมให้องค์จักรพรรดิได้พบนางเลย ด้วยเกรงว่าองค์จักรพรรดิจะเห็นสภาพอัปลักษณ์กระเซิงกระเซิงตอนป่วยหนักของนาง จวบจนวินาทีที่นางสิ้นชีพก็ไม่ยอมให้องค์จักรพรรดิได้พบหน้าเลย อยากให้องค์จักรพรรดิจดจำเพียงสภาพอันงดงามของนางเท่านั้น
หากอ้างอิงด้วยตรรกะนี้ ตอนนี้เธอถูกลวกจนมีสภาพเช่นนี้แล้ว ไม่ควรให้ตี้ฝูอีได้พบเห็นเลย เลี่ยงไม่ให้วันหน้าเขาเกิดเงามืดฝังใจจนนึกเดียดฉันท์เธอ…
ในใจของกู้ซีจิ่วค่อนข้างคับข้องน้อยใจแล้ว “ท่านคงนึกเดียดฉันท์แล้ว…” นี่เธอน่าเกลียดจนอยู่ในสภาพแบบไหนแล้วเนี่ย?!
บางทีเธอควรจะหาโอกาสลบความทรงจำในช่วงเวลานี้ของเขาทิ้งเสีย ทำให้เขาลืมเลือนสภาพในตอนนี้ของเธอ
“รู้ว่าข้าเดียดฉันท์ เช่นนั้นก็ฟื้นฟูกลับมาให้ดีสิ เด็กดี ทำตามที่ข้าบอกนะ…” เสียงของตี้ฝูอีแทบจะแว่วอยู่ในรูหูของเธอแล้ว เขาเอ่ยถึงเคล็ดวิชารักษาบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกชุดหนึ่งออกมาโดยตรง
แต่กู้ซีจิ่วรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ วารีทมิฬของที่นี่สามารถกัดเซาะเขตแดนของผู้คนได้ แถมยังดูดกลืนพลังวิญญาณคนด้วย เขตแดนนี้ที่ตี้ฝูอีก่อขึ้นมาถึงแม้จะดูแข็งแกร่ง แต่ก็รั้งอยู่ได้ไม่ยาวนาน จะพังทลายลงในไม่ช้าก็เร็ว พวกเขายังคงจะตกสู่วารีทมิฬเช่นเดิม ถูกลวกจนกลับมาอยู่ในสภาพเดิม…
เธอสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง หารือกับเขา “ท่าน…อย่าเพิ่งสนใจข้าเลย หาทางทำลายที่นี่แล้วออกไปให้ได้ก่อนดีไหม? เกรงว่าเฮ่าเอ๋อร์จะยังตกอยู่ในอันตราย รอคอยให้พวกเรารีบไปช่วยเหลืออยู่ รูปโฉมนี้ข้าสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ ละเอาไว้ชั่วคราวก่อนได้…เมื่อครู่มีอาคมบทหนึ่งแวบเข้ามาในสมองข้า ข้ารู้สึกว่ามีความเป็นได้เกือบสิบส่วนที่จะเป็นอาคมทำลายที่นี่ แต่ข้าจำได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น อีกครึ่งที่เหลือยังนึกไม่ออก ข้าจะบอกท่านนะ ท่านลองดูหน่อยว่าสามารถเพิ่มเติมเสริมแต่งให้สมบูรณ์ได้ไหม…”
“ไม่ รักษาให้เจ้าก่อน อาการบาดเจ็บของเจ้าจะล่าช้าไม่ได้”
กู้ซีจิ่วร้อนรนบ้างแล้ว “รักษาให้หายดีตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก อีกเดี๋ยวก็ต้องจมลงไปเหมือนเดิม…” เธอเล่าสิ่งที่ตนต้องเผชิญหลังจากเข้ามาที่นี่ออกไปรอบหนึ่ง
ตี้ฝูอีฟังเธอเล่าโดยไม่ส่งเสียงเลย ทว่านิ้วมือขยับสาละวนอยู่ไม่หยุด หลังจากเธอเล่าจบ เขาถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “วางใจเถอะ ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าจมลงไปอีกแล้ว รักษาก่อน!”
“แต่ว่าเฮ่าเอ๋อร์…”
“ซีจิ่ว ในใจของข้า เจ้าคือที่หนึ่ง!” ตี้ฝูอีตัดบทเธอ
————————————————————————————-
บทที่ 3026 พบหน้า 3
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว…
ดูเหมือนตี้ฝูอีจะรู้สึกถึงความ ‘ไร้น้ำใจ’ ของตนแล้วเช่นกัน จึงถอนหายใจแผ่วๆ คราหนึ่ง “เอาล่ะ ซีจิ่ว จากการพยากรณ์ของข้า ตี้เฮ่าไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้น ตัวเจ้าน่ะสิ อาการบาดเจ็บนี้ล่าช้าไม่ได้แล้ว เด็กดี ทำตามที่ข้าบอกเถอะนะ”
เมื่อเขาเอ่ยวาจาประโยคนี้ออกมาแล้ว กู้ซีจิ่วก็สงบใจลงได้ครึ่งหนึ่งแล้ว จึงโคจรพลังวิญญาณไปตามที่เขาบอก
ตี้ฝูอีคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ เธอ วิชารักษาแผลลวกแขนงนี้ของเขามีผลลัพธ์น่าอัศจรรย์ยิ่ง เวลาผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม บาดแผลบนร่างเธอก็เริ่มตกสะเก็ดแล้ว…
ระหว่างขั้นตอนการรักษา ตี้ฝูอีก็ถือโอกาสตอบคำถามก่อนหน้านี้ของเธอไปด้วย
“ข้าถอดวิญญาณเข้ามา”
“ไม่รู้สถานการณ์ภายในของเจ้า ย่อมต้องเข้ามาดู”
“วางใจเถอะ ในพจนานุกรมของข้า บนโลกนี้ไม่มีที่ไหนที่ออกไปไม่ได้! หากว่า เช่นนั้นก็แค่พยายามให้มากขึ้นหน่อย”
“ข้าเป็นสามีภรรยากับเจ้ามาเนิ่นนานปานนี้ คุ้นเคยกับเจ้าจนไม่อาจคุ้นเคยไปกว่านี้ได้มาตั้งนานแล้ว หญิงผู้นั้นนอกจากสังขารที่เป็นของเจ้าแล้ว อย่างอื่นเหมือนเจ้าเสียที่ไหน? ตอนนั้นที่นางโผเข้ามาใส่อ้อมแขนของข้าก็ทำให้ข้าค้นพบปัญหาแล้ว เหตุผลที่เออออไปกับนางด้วยเป็นเพราะไม่แน่ใจว่าดวงวิญญาณของเจ้าก็ยังอยู่ในสังขารนั้นด้วยหรือไม่ พอกอดนางไปสองสามครั้ง ก็รู้แล้วว่าดวงวิญญาณของเจ้าถูกนางผลักไสออกไปแล้ว”
“ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ความจริงแล้วง่ายดายนัก หญิงผู้นั้นคิดว่าข้าหลงกลนางแล้ว ได้ใจเกินไปจนลืมตัว สายตาเหลือบแลมาทางโขดหินก้อนนี้อยู่บ่อยครั้ง คล้ายจะอวดเบ่ง ถ้าข้ายังมองไม่ออกอีกก็เสียทีแล้วที่เป็นสามีเจ้า!”
“ข้าอุ้มเฮ่าเอ๋อร์จากไปแล้วจริงๆ นั่นเป็นเพราะข้าพบว่าพลังมารของนางเลิศล้ำ ถ้าปะทะกันตรงๆ ข้าต่อกรไม่ได้เลย ดังนั้นจึงหาเหตุผลออกไปข้างนอกแล้วจัดฉากให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยพานางไป แล้วขังนางเอาไว้ที่นั่น จากนั้นถึงได้กลับมาช่วยเจ้า อย่างไรก็ตาม เฮ่าเอ๋อร์คนนั้นไม่ใช่ตัวจริง เป็นตัวปลอมเหมือนกัน”
เขาตอบอย่างรวบรัดได้ใจความ ไม่มีถ้อยคำไร้สาระเลยสักประโยค ตอบคำถามทั้งหมดที่อยู่ในใจของกู้ซีจิ่ว
ในช่วงที่กู้ซีจิ่วบำเพ็ญเพื่อฟื้นฟูเช่นนี้ ก็สามารถพูดคุยได้เช่นกัน เธอถอนหายใจคราหนึ่ง “อันที่จริงข้าก็นึกสงสัยเช่นกันว่าเฮ่าเอ๋อร์เป็นตัวปลอม เพียงแต่ยังไม่ทันได้ลองพิสูจน์ดูก็ถูกนางยึดร่างผลักไสวิญญาณเข้ามาในนี้เสียแล้ว..”
ช่วงที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน วารีทมิฬนั้นก็ได้เอ่อท่วมขึ้นมาอีกหลายครั้ง เพียงแต่เป็นเพราะเขตแดนของตี้ฝูอีทรงพลังมากพอ และแข็งแกร่งพอ ยามที่วารีทมิฬนั้นท่วมจนมิดก็เพียงแต่ทำให้ทั้งเขตแดนจมลงไปเท่านั้น ไม่เป็นอันตรายต่อคนทั้งสอง
เดิมทีในใจของกู้ซีจิ่วหวั่นวิตกอยู่บ้าง โดยเฉพาะยามที่ได้รู้ว่าตนถูกลวกจนไม่เหลือสภาพความเป็นคนแล้ว ก็ยิ่งหวั่นวิตกขึ้นไปอีก เกรงว่าบาดแผลนี้คงจะไม่หายดีเสียแล้ว
แต่หลังจากเขาเข้ามา ถึงแม้สายตาที่มองเธอจะดูปวดใจยิ่งนัก แต่ก็สุขุมยิ่งนักมาโดยตลอด ซ้ำยังมีอารมณ์มาเอ่ยหยอกล้อเธอด้วย ราวกับมีแผนการอยู่ในใจแล้ว นี่ทำให้กู้ซีจิ่วสงบใจได้ไม่น้อยเลย
เธอรู้ดีว่าเขาเป็นผู้ที่มีความสามารถในการจัดการเรื่องราวเป็นที่สุด! ปัญหายุ่งยากอันใดเมื่อมาถึงมือเขาแล้วก็จะคลี่คลายลงได้ง่ายดายยิ่ง เชื่อว่าครั้งนี้ก็จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน
เธอซุกอยู่ในอ้อมแขนของตี้ฝูอี กอดเอวของเขาเอาไว้อย่างสุขใจ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องมีวิธี”
แผลลวกนี้เจ็บปวดเป็นที่สุด นับประสาอะไรกับแผลลวกแบบพิเศษเช่นนี้เล่า?
ตอนที่ตี้ฝูอีเพิ่งเข้ามาถึงได้ลิ้มรสไปเล็กน้อยจนรู้แจ้งแล้ว ความเจ็บปวดเช่นนี้ทำให้ชายชาตรีอกสามศอกมาเผชิญดูก็คงเจ็บปวดจนแทบอยากเกลือกกลิ้งเช่นกัน…
ตี้ฝูอีมองนางที่อยู่ในอ้อมแขน ลูบศีรษะนางเบาๆ “ถ้าเจ็บก็ร้องออกมาเถอะ ไม่ต้องทนไว้ ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่มีผู้อื่นมาได้ยิน”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ดีขึ้นมาแล้ว”
ตี้ฝูอีมองนาง “ข้าจับชีพจรเจ้าแล้วพบร่องรอยว่าเคยใช่วิชาสลายวิญญาณ ก่อนหน้านี้เจ้าคิดจะฆ่าตัวตายหรือ?”
กู้ซีจิ่วฮึดฮัด “ข้านึกว่าจะออกไปไม่ได้แล้ว ไม่อยากถูกขังไว้ที่นี่ไปชั่วฟ้าดิน…”
————————————————————————————-