บทที่ 3027 พบหน้า 4
ตี้ฝูอีมองวารีทมิฬที่อยู่รอบกาย ดวงตาฉายแววครุ่นคิด “วารีทมิฬนี้พิกล เจ้าไม่ใช่คนนิสัยอ่อนแอเช่นนี้”
คำพูดประโยคนี้ปลุกสติกู้ซีจิ่วขึ้นมา หัวใจหยุดเต้นไปแวบหนึ่งเช่นกัน
ตัวเธอกู้ซีจิ่วกลายเป็นคนอ่อนแอเหยาะแหยะแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?!
อย่าว่าแต่เรื่องที่ว่ายังพอมีหนทางให้หันหลังกลับได้เลย ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังจริงๆ ด้วยนิสัยของเธอถึงจะเป็นไปไม่ได้ก็จะพยายามสู้อย่างสุดชีวิตอยู่ดี! ไม่ใช่แสวงหาความตายอยู่ที่นี่…
นี้ไม่เหมือนตัวเธอเลย!
เธอหลุบตามองวารีทมิฬที่อยู่ใต้ร่าง ดูเหมือนวารีทมิฬนี้ไม่เพียงแต่กัดเซาะร่างกายของเธอเท่านั้น ยังกัดกร่อนเจตจำนงของผู้คนได้ด้วย ทำให้คนอ่อนแอลง…
ตี้ฝูอีทำการรักษาให้เธอต่อไป พลางพูดคุยกับเธอไปด้วย
กู้ซีจิ่วก็บอกเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากที่ตนเข้ามาแล้วออกมาจนสิ้น เห็นได้ชัดว่าประวัติความเป็นมาของสตรีชุดขาวนางนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของตี้ฝูอี
“มิน่าล่ะตอนข้าสำรวจดวงวิญญาณของนางที่อยู่ในร่าง อยากเห็นว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของนางคือผู้ใด กลับพบว่านางเหมือนเจ้าไม่มีผิด ทำให้ข้าตกใจไม่น้อย หลงนึกว่ามันกลืนกินวิญญาณของเจ้าเข้าไปหมดแล้ว จึงทำให้มีรูปโฉมเหมือนเจ้าเช่นนี้ กลับคาดไม่ถึงเลยว่านางจะเป็นจิตมารในชาติก่อนของเจ้า”
นับกันเต็มที่แล้วกู้ซีจิ่วก็ใช้ชีวิตมาแค่ไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น ประสบการณ์ย่อมไม่โชกโชนเท่าตี้ฝูอีที่อยู่มาหลายหมื่นปีแล้ว ดังนั้นเรื่องราวมากมายที่เธอขบคิดแล้วไม่เข้าใจ พอส่งมาที่ตี้ฝูอีแล้ว ย่อมคิดได้ไหลลื่นยิ่ง
อย่างเช่นเรื่องจิตมาร ตั้งแต่ต้นจนจบกู้ซีจิ่วไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าทำไมจิตมารถึงมีพลังมหาศาลปานนี้
ยังมีอีก จิตมารตนนี้มีบุคลิกเฉพาะตัวของเธออยู่ไม่น้อยเลย แต่นิสัยกลับไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ ไม่เหมือนตัวเธอเลยจริงๆ!
ถึงขั้นที่กู้ซีจิ่วนึกสงสัยแล้วว่าฉากอดีตชาติเหล่านั้นที่จิตมารแสดงให้เธอเห็นล้วนเป็นเรื่องหลอกลวง สิ่งที่เธอรู้สึกไม่อยากจะเชื่อที่สุดก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าฟั่นเชียนซื่อจะเป็นลูกศิษย์ของตัวเธอในชาติก่อน…
และเธอก็รังเกียจลูกศิษย์คนนี้อย่างสุดขีด ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ศิษย์คนนี้คิดร้ายต่ออาจารย์ด้วย
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เรื่องเหล่านั้นที่นางแสดงให้เจ้าเห็นล้วนเป็นเรื่องจริง แต่เจ้าเข้าใจนิยามของจิตมารผิดไปแล้ว จิตมารไม่ได้ก่อเกิดจากดวงวิญญาณของเจ้า เป็นเพียงความหมกมุ่นยึดติดอย่างหนึ่ง ตามที่เจ้าเล่ามา ดวงวิญญาณของตัวเจ้าในชาติก่อนน่าจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ นั่นถึงได้ทำให้จิตมารกำเนิดเติบใหญ่ขึ้นมาได้ กลายเป็นห้วงความคิดที่คิดด้วยตัวเองได้ แต่ก็เป็นเพียงความคิดเท่านั้น ว่ากันตามเหตุผลแล้ว หลังจากมันถูกแยกออกมาแล้ว ไม่มีทางกลายเป็นรูปเป็นร่างอย่างแท้จริงได้ อย่างมากก็แค่เกาะติดผู้คน ส่งผลกระทบต่อจิตสำนึกคน ให้ทำเรื่องราวที่คล้ายฟั่นเฟือนเสียสติออกมา แต่สิ่งนี้กลับกลายเป็นตัวตนที่มีความคิดอิสระอย่างแท้จริงแล้ว นี่ก็ค่อนข้างพิกลอยู่บ้าง”
“หรือจะมีสาเหตุมาจากที่นางเป็นจิตมารของเทพผู้สร้างโลก? ดังนั้นจึงแตกต่างไปจากปกติ?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดจิตมารล้วนเป็นเช่นเดียวกัน ไม่น่าจะอยู่นอกเหนือไป”
กู้ซีจิ่วคล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้แล้ว “เหมือนข้าจะได้ยินมาลอยๆ ว่ามหาเทพบิดาของท่านก็เคยมีจิตมารตัวแทนเช่นกัน และมีตัวตนที่มีความคิดอิสระเช่นกัน…”
ตี้ฝูอีพยักหน้า “เรื่องนี้ข้าก็เคยได้ยินท่านพ่อเอ่ยถึงเช่นกัน เพียงแต่จิตมารตนนั้นของเขาถึงแม้จะมีความคิดอิสระแล้ว แต่ก็ยังยึดติดกับร่างต้นอยู่ แถมนิสัยก็ไม่แตกต่างไปจากร่างต้นสักเท่าไหร่ด้วย เพียงแต่ไร้เหตุผลกว่าร่างต้นไปบ้างเท่านั้น เขาไม่สามารถออกห่างจากร่างต้นนานเกินไปได้ จำเป็นต้องอยู่บนหุบเขาที่ร่างต้นพักอาศัย ในครึ่งปีจะต้องมาพบกันสักหนหนึ่ง แถมมันยังจงรักภักดีต่อร่างต้นด้วย ไม่มีทางคิดคด ยิ่งไม่มีทางสร้างความเดือดร้อนให้ร่างต้นด้วย แต่ตอนนี้จิตมารของเจ้าตนนี้ กลับต้องการกำจัดเจ้าให้สิ้นชีพไปอย่างสมบูรณ์ แถมยังเป็นตัวตนที่เอกราชเสรีด้วย อยู่เหนือหลักสามัญยิ่ง”
หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวนิดๆ “หรือว่าจะมีคนคอยให้ความช่วยเหลือนาง?!”
ตี้ฝูอีพยักหน้าเล็กน้อย “น่าจะใช่ และวรยุทธ์ของคนผู้นี้ก็ต้องเลิศล้ำเป็นแน่ และแตกฉานในทักษะยุทธ์นอกรีตอย่างยิ่ง…”
————————————————————————————-
บทที่ 3028 หรือจะเป็นฟั่นเชียนซื่อ?
“หรือจะเป็นฟั่นเชียนซื่อ?! ไม่ถูกสิ ครั้งนี้เขาก็ติดอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน แถมดูจากท่าทางของเขาแล้ว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจิตมารตนนี้เช่นกัน…”
ตี้ฝูอีไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ฟังจากที่เจ้าพูดแล้ว จิตมารตนนี้ถูกขังอยู่ที่นี่มาหลายแสนปีแล้ว ไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยเสมอมา จนกระทั่งเมื่อสองหมื่นปีก่อนถึงได้ค่อยๆ ก่อตัวเป็นหายนะ เห็นได้ชัดว่าเมื่อสองหมื่นปีก่อนเคยมีผู้ใดเข้ามาที่นี่ ใช้เวทวิชาเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของทะเลทรายแห่งนี้ ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือกลืนกินผู้คนของจิตมาร และสาเหตุที่จิตมารตนนี้สามารถกลายเป็นตัวตนที่มีความคิดอิสระได้ แถมยังมีความสามารถมหาศาลขนาดนี้อีก อย่างแรกเป็นเพราะนางมีความสามารถและความทรงจำส่วนหนึ่งของเทพผู้สร้างโลกอยู่ อย่างที่สองคือนางกลืนกินยอดฝีมือเข้าไปมากมายเหลือเกิน หลอมรวมดวงวิญญาณของยอดฝีมือเหล่านั้นให้กลายเป็นดวงวิญญาณของนาง จนกลายเป็นตัวนางในปัจจุบัน…”
กู้ซีจิ่วเอ่ยพึมพำ “ที่แท้ตัวนางก็เกิดขึ้นจากการผสมผสานหลอมรวมนี่เอง มิน่าเล่านางถึงได้มีความรู้ความสามารถมากมายปานนั้น ข้าหลงนึกว่านางรับช่วงต่อมาเพียงความทรงจำด้านทักษะงานฝีมือเหล่านั้นเสียอีก มิใช่การหลอมรวมเข้ากับดวงวิญญาณของพวกเขา…”
ตี้ฝูอีลูบศีรษะเธอ “น้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองหรือ?”
ชิ เธอไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจเสียหน่อย! เธอรู้ตัวมาโดยตลอดว่าตนมิใช่ผู้มากความสามารถ
ตี้ฝูอีก้มหน้าลงไปจุมพิตหน้าผากเธอทีหนึ่ง “ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจไปหรอก ข้าชมชอบตัวเจ้าที่มีข้อบกพร่องอยู่มากมายนัก”
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง นี่เขาติเธอหรือว่าชมเธออยู่กันแน่?
เธอเตะเขาไปทีหนึ่ง “ท่านก็ไม่ใช่คนมากความสามารถเช่นกัน ท่านทำอาหารไม่เป็น อาหารที่ทำออกมายากจะกลืนลงยิ่ง!”
ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างไม่อนาทร “ดังนั้นพวกเราจึงสมน้ำสมเนื้อกันแล้ว ผู้ใดก็ไม่เดียดฉันท์ผู้ใด”
เขาจุมพิตปลายจมูกของเธออีกครั้ง “ตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บถึงเพียงนั้นอยู่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วเงียบไปแล้ว
ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าการที่อยู่ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้เขายังคงพูดคุยปนหยอกเย้าเธอมากมายถึงขนาดนี้ ที่แท้ก็เพราะต้องการอาศัยการพูดคุยมาเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ…
เพียงแต่ ตอนนี้ร่างกายของเธอไม่เจ็บปวดถึงขนาดนั้นแล้วจริงๆ อยู่ในขอบเขตที่พอรับไหวแล้ว
ตี้ฝูอีพินิจดูสีหน้าของนางเล็กน้อย “คงไม่เจ็บขนาดนั้นแล้วจริงๆ สีหน้าดูดีขึ้นไม่น้อยเลย” ว่าแล้วก็จุมพิตริมฝีปากนางอีกคราหนึ่ง
ในระยะเวลาเพียงชั่วครู่นี้กู้ซีจิ่วถูกเขาเอาเปรียบโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนเลยไปแล้วสามครา จึงอารมณ์ดีขึ้นมาก
แต่ชั่วพริบตานั้นคล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก รีบผลักเขาออกทันที!
ผลักตี้ฝูอีที่คิดจะเข้ามาจุมพิตนางอีกครั้งจนเกือบล้มคว่ำแล้ว ตี้ฝูอีเอ่ยด้วยสีหน้าฉงน “เป็นอะไรไป?”
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา แต่ร่ายอาคมสร้างกระจกบานหนึ่งขึ้นมาแล้วส่องดูแวบหนึ่ง
หลังจากส่องจนเห็นแจ่มชัดแล้ว ก็แทบจะปากระจกทิ้ง!
มองตี้ฝูอีอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ข้าเหมือนผีขนาดนี้ ท่านก็ยังจุมพิตลงอีกหรือ?!”
ตอนนี้ถึงแม้แผลถูกลวกของเธอจะเริ่มตกสะเก็ดแล้ว แต่ก็ยังไม่หายดี ทุกแห่งหนบนร่างล้วนปกคลุมด้วยสะเก็ดแผล แถมผมยังหลุดร่วงไปกว่าครึ่งด้วย ปรกยุ่งเหยิงอยู่บนศีรษะ บนหน้าก็มีรอยแผลเป็นอยู่สามรอยเช่นกัน สภาพเช่นนี้เธอมองแล้วยังกลัวตัวเองเลย!
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเอาเปรียบเธอติดๆ กันถึงสามครั้ง…
นิ้วมือตี้ฝูอีลูบไล้พวงแก้มของเธอเบาๆ “อย่าน้อยเนื้อต่ำใจไปเลย ต่อให้เจ้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็ยังคงโดดเด่นยิ่ง อีกอย่างพอข้าทวงร่างกายของเจ้ากลับคืนมาได้ เจ้าก็จะได้พักฟื้นอยู่ในร่างดีๆ ประเดี๋ยวก็หายดีแล้ว”
ในดวงตาของกู้ซีจิ่วมีความหม่นหมองพาดผ่านแวบหนึ่ง
ทวงร่างของเธอกลับคืนมา? เป็นเรื่องง่ายเสียที่ไหนล่ะ?!
วรยุทธ์ของจิตมารตนนั้นสูงส่งเกินไป เธอกับตี้ฝูอีร่วมมือกันแล้วก็เกรงว่ายังสู้ไม่ได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอกับเขายังคงติดอยู่ที่นี่ ไม่รู้จะออกไปได้หรือเปล่าด้วย
เธอมองตี้ฝูอี คล้ายเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ “สถานที่แห่งนี้ออกไปยากเย็นนัก น่าจะเข้ามายากเย็นด้วยกระมัง? แล้วท่านเข้ามาได้ยังไง? ใช่แล้ว ท่านถอดวิญญาณเข้ามา แล้วร่างของท่านล่ะ?”
ตี้ฝูอีกุมมือนางไว้ “ที่นี่ก็เป็นเช่นเดียวกับทะเลทรายแห่งนี้ เข้าง่ายออกยาก ข้าเข้ามาที่นี่ได้ไม่ยากเลย ส่วนกายเนื้อ อยู่ในสถานที่ปลอดภัยยิ่งนักของโลกภายนอก ไม่มีทางเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น”
————————————————————————————-