หลังจากเตือนเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเงามายาไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็ส่งสัญญาณให้หยูเจิ้นไห่และหยูคงหมิงไล่คนของสำนักเงามายาออกไปทั้งหมดโดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร
“เจ้าทึ่ม เดินมาหาข้าตรงนี้มา!” หลิงตู้ฉิงโบกมือเรียกอุลบา “หลังจากที่ข้าแก้ปัญหาให้เรียบร้อย ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องกลายเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใครมากที่สุดตั้งแต่บรรพกาล ซึ่งแน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญปกติทั่วไปจนคนเหล่านั้นเทียบเจ้าไม่ติด แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องทำใจเอาไว้ด้วยว่าหลังจากนี้ร่างกายของเจ้าอาจจะเปลี่ยนแปลงไปและเจ้าจะต้องอยู่กับมันให้ได้!”
อุลบาถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “ข้าจะเปลี่ยนแปลงไปแบบไหน?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “สองเด่นชัดหนึ่งไร้รูปลักษณ์ ซึ่งขัดแย้งกันอย่างสุดขั้ว หากจะทำให้มันอยู่ร่วมกันได้เจ้าคิดว่าร่างของเจ้ามันจะเปลี่ยนไปขนาดไหนกันล่ะ?”
“ข้าจะน่าเกลียดมากเลยรึเปล่า?” อุลบาถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “หากเจ้าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมนับพันเท่า เจ้าจะยังสนใจรูปร่างหน้าตาอีกงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ยอมตอบคำถามเขาตรง ๆ สักที อุลบาก็ถามย้ำอีกครั้ง “งั้นข้าจะน่าเกลียดกว่าไอ้พวกเผ่าปีศาจจอมเขมือบรึเปล่า?”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว
อันที่จริงหลิงตู้ฉิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หลังจากนี้รูปร่างของอุลบาจะเปลี่ยนแปลงเป็นแบบไหน
แต่ถ้าหากจะพูดถึงรูปร่างหน้าตา ในเมื่ออุลบาไม่ใช่เผ่ามนุษย์ที่ห่วงสวยห่วงหล่ออยู่แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
และยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือเขตแดนอุดรทมิฬ ดินแดนที่มีเผ่ารูปร่างหน้าตาประหลาดอาศัยอยู่รวมกันมากมาย ดังนั้นต่อให้ร่างกายของอุลบาจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นตัวประหลาดขนาดไหน เขาก็คงไม่มีปัญหาสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อยู่ดี..
“ในเมื่อข้าจะไม่น่าเกลียดไปกว่าไอ้พวกปีศาจจอมเขมือบงั้นข้าก็ไม่กังวล!” อุลบาพยักหน้า “แต่ว่าเจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าหลังจากนี้ข้าจะบ่มเพาะได้จริง ๆ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล หากข้าพูดว่าข้าสามารถทำให้เจ้าบ่มเพาะได้ เจ้าก็จะบ่มเพาะได้แน่นอน”
อุลบาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและถามว่า “ถ้างั้นข้าต้องทำยังไงบ้าง?”
หลิงตู้ฉิงชี้ไปที่อ่างใบยักษ์ที่เขาเตรียมไว้ และพูดกับอุลบาว่า “ลงไปนั่งในนั้น!”
เมื่ออุลบาลงไปนั่งในอ่าง หลิงตู้ฉิงจึงราดเลือดทรราชสวรรค์ที่เขาเตรียมไว้ลงบนร่างของอุลบาจนหมด
เมื่อเทส่วนผสมลงในอ่างหมดเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงจึงหยิบซุปปลาออกมาเทลงในถ้วยและส่งให้อุลบาดื่มมัน “ขั้นตอนทุกอย่างมันจะเจ็บปวดมาก แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ายืนยันว่าเจ้าจะไม่ตายแน่นอน ส่วนซุปถ้วยนี้มันจะช่วยให้พลังชีวิตของเจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ดื่มมันซะให้หมด!”
เมื่ออุลบาดื่มซุปจนหมด หลิงตู้ฉิงส่งสัญญาณให้หมิงยู่รวมร่างกับเขา จากนั้นเขาจึงวางมือไว้บนไหล่ทั้งสองข้างของอุลบา และเริ่มโคจรพลังของเขาเข้าควบคุมสายเลือดทั้งสองประเภทให้แยกกันอยู่คนละฝั่งในร่างกายของอุลบา
ด้วยซุปปลาที่มีคุณสมบัติกระตุ้นสายเลือดในร่างของผู้ดื่มเช่นกัน เมื่ออุลบาดื่มมันสายเลือดทั้ง 3 สายในร่างของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นไปอีกนับสิบเท่า และจากนั้นพวกมันก็เริ่มตีกันจนวุ่นวาย แต่ต่อมาเมื่อหลิงตู้ฉิงเข้าควบคุมพวกมันและแบ่งมันออกเป็น 2 ฝั่ง ร่างกายของอุลบาก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที
ร่างกายซีกซ้ายของอุลบามีมัดกล้ามเนื้อสีดำเงาเห็นได้อย่างเด่นชัด แต่ในทางกลับกันร่างกายซีกขวาของเขากลับโปร่งแสงราวกับว่ากลายเป็นวิญญาณ
การกระทำแบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับหลิงตู้ฉิงแยกร่างของอุลบาออกเป็น 2 ส่วน ส่งผลให้อุลบาหมดสติไปเพราะความเจ็บปวดในทันที
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ส่งพลังของเขาไปที่เลือดทรราชสวรรค์ที่อยู่ในอ่าง และที่เปรอะอยู่ตามร่างของอุลบาให้พวกมันหลอมรวมเข้าไปในร่างของอุลบา
เมื่อเลือดทรราชสวรรค์หลอมรวมเข้าไปในร่างของอุลบาหมดแล้ว หลิงตู้ฉิงก็ถอนการควบคุมสายเลือดทั้ง 2 ประเภทที่อยู่ในอุลบาทันที ซึ่งสายเลือดทั้ง 2 ประเภทเมื่อถูกปลดปล่อย พวกมันก็วิ่งไปหาสายเลือดทรราชสวรรค์ทันทีเพื่อหวังจะพิชิตสายเลือดน้องใหม่ที่เข้ามาในร่างกายของอุลบา
แต่แล้วเมื่อสายเลือดทรราชสวรรค์และสายเลือดอีก 2 ประเภทปะทะกัน ภาพที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นเพราะสายเลือดทรราชสวรรค์ไม่ได้พิชิตสายเลือดทั้ง 2 ประเภทที่อยู่ในร่างของอุลบา แต่มันกลับทำหน้าที่เป็นทั้งกันชนและเหนี่ยวรั้งไม่ให้สายเลือดทั้งหมดในร่างของอุลบาขัดแย้งหรือแยกไปจากกัน จนในท้ายที่สุดสายเลือดทั้งหมดก็อยู่ร่วมกันได้อย่างน่าพิศวง
ในทันทีที่สายเลือดทั้งหมดของอุลบาสามารถปรองดองกันได้ ร่างกายของอุลบาก็เปลี่ยนแปลงไปจนแม้แต่หลิงตู้ฉิงยังรู้สึกตกตะลึงจนตาโต
สถานการณ์ของร่างกายของอุลบาในตอนนี้เมื่อสายเลือดวิญญาณอเวจีไหลไปถึงอวัยวะส่วนไหน อวัยวะส่วนนั้น ๆ มันจะกลายเป็นโปร่งแสงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากลายเป็นเหมือนวิญญาณ แต่เมื่อสายเลือดมนุษย์หินและปีศาจยักษ์ไหลเวียนมาแทนที่ อวัยวะส่วนที่มองไม่เห็นมันก็จะกลับมาเห็นได้และมีตัวตนเหมือนเดิม
หรือถ้าจะให้อธิบายแบบง่าย ๆ ก็คือบางทีจู่ ๆ ศีรษะของเขาก็หายวับไป แต่แล้วอีกพักหนึ่งมันก็กลับมาเห็นได้ใหม่ แต่เมื่อศีรษะกลับมาแล้วแขนของเขาก็หายวับไปและจู่ ๆ มันก็กลับมาใหม่ จากนั้นก็เป็นขาของเขาที่หายไปหรือไม่ก็ลำตัว…
ภาพของอวัยวะที่จู่ ๆ ก็หายไปและกลับมาปรากฏขึ้นใหม่ปรากฏวนไปเรื่อย ๆ ให้หลิงตู้ฉิงได้เห็นและตื่นตะลึงกับผลงานที่เขาสร้าง
ในตอนนี้หลิงตู้ฉิงรู้ว่าเขาสามารถแก้ปัญหาให้อุลบาได้แล้ว แต่เมื่อร่างกายของอุลบากลายเป็นแบบนี้ เขาคงต้องหาวิธีการให้อุลบาควบคุมมันให้ได้ ไม่อย่างนั้นมันก็คงเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เช่นกัน
“นายท่าน นี่มันออกจะน่ากลัวไปหน่อยรึเปล่า?” หมิงยู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “นี่ถ้าหากว่าข้าไม่ได้เห็นว่านายท่านเป็นคนสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาด้วยตัวท่านเอง ข้าคงกรีดร้องลั่นแน่ ๆ หากเห็นตัวตนแบบนี้ข้างนอก!”
เมื่อนึกถึงภาพของคนไร้หัวเดินไปเดินมาข้างนอก หรือคนที่เหลือแค่ร่างครึ่งซีกแต่ยังใช้ชีวิตได้แบบปกติ แค่นี้มันก็ทำให้หมิงยู่รู้สึกขนหัวลุกหน่อย ๆ แล้ว
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “ถึงแม้ว่ามันจะดูน่ากลัวอยู่บ้าง แต่ถ้าหากควบคุมร่างกายแบบนี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ เหล่าศัตรูของเขาคงจะต้องปวดหัวกันยกใหญ่! เจ้าทึ่ม ตื่นขึ้นเร็ว!”
เมื่อถูกปลุก อุลบาก็ตื่นขึ้นด้วยสีหน้างุนงง แต่เมื่อเขาเห็นสายตาของหมิงยู่ที่จ้องเขาอย่างแปลกประหลาด และหลิงตู้ฉิงที่มีแววตาตื่นเต้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าทำไมถึงมองข้าแบบนี้?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่มีอะไร ๆ ไหนเจ้าลองตรวจสอบร่างกายของเจ้าสิว่าตอนนี้เจ้าสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่ไหลเวียนได้แล้วรึยัง?”
อุลบาหลับตาอยู่สักพัก จากนั้นเขาลืมตาขึ้นและพูดว่า “ข้าสามารถรู้สึกพลังวิญญาณที่ค่อย ๆ ไหลเวียนเข้ามาในร่างของข้าได้แล้ว…เอ๊? มือ? มือของข้าหายไปไหน!?”