บทที่ 755 วิชาหยินหยางโกลาหลผกผัน

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ในเมื่อตอนนี้สายเลือดทั้งหมดในร่างปรองดองกันได้อย่างสมบูรณ์แล้ว อุลบาจึงไม่รู้สึกว่าร่างกายของเขามีปัญหาตรงไหน

แต่แล้วเมื่อเขาก้มลงมองไปที่มือของเขาเอง สิ่งที่เขาเห็นมันแทบทำให้หัวใจของเขาหยุดเต้น เนื่องจากมือของเขามันหายไป!

“มือของข้า! นี่เจ้าเอามือของข้าไปไว้ที่ไหน?” อุลบาตะโกนร้องดังลั่น แต่ก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบจากหลิงตู้ฉิง เขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้างุนงง “ไม่ใช่สิ ทำไมข้ายังรู้สึกว่ามือของข้ามันยังอยู่ดีเหมือนเดิม แต่ทำไมข้าถึงไม่เห็นมันแบบนี้กัน? นี่เจ้าทำอะไรกับข้ากันแน่?”

หลิงตู้ฉิงตบไปที่หัวอุลบาด้วยความหมั่นไส้ และพูดว่า “เจ้านี่มันทึ่มจริง ๆ! ลองคิดดูให้ดีซะสิว่าถ้าหากตอนที่มีคนเอามีดแทงหัวของเจ้า แต่จู่ ๆ หัวของเจ้ากลับหายไปและมีดที่แทงเข้ามาก็พลาดเป้าได้แต่จ้วงไปที่อากาศ แค่นี้เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องหลบใช่ไหม? หรือถ้ามีใครเอาดาบฟันเจ้าเพื่อหวังแยกร่างของเจ้าออกเป็นสองส่วน และเจ้าก็แกล้งเป็นร่างถูกแยกและจากนั้นเจ้าก็ใช้โอกาสที่ศัตรูกำลังได้ใจ โจมตีศัตรูคืนโดยที่มันกำลังเผลออยู่ แบบนี้เริ่มฟังดูเข้าท่าแล้วรึยัง?”

เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงอธิบายแบบนี้ สีหน้าของอุลบาก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากคำพูดของหลิงตู้ฉิงมันดูเข้าท่าจริง ๆ แต่ว่ามันติดอยู่อย่างหนึ่งตรงที่ไอ้การผลุบ ๆ โผล่ ๆ ของอวัยวะของเขานั้นมันเป็นการสุ่มเกิด ซึ่งเขาควบคุมมันไม่ได้

ในช่วงเวลาที่เขาต่อสู่ เขาคงจะมาลุ้นวัดดวงให้อวัยวะในส่วนที่คู่ต่อสู้ของเขาโจมตีใส่มันบังเอิญหายไปไม่ได้จริงไหม?

และที่สำคัญร่างกายของเขาในตอนนี้มันดูแปลกประหลาดเกินไป รวมไปถึงถ้าหากในอนาคตเขาต้องการที่จะมีทายาท แต่จู่ ๆ อวัยวะส่วนนั้นมันกลับล่องหนหายไปในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม ผู้หญิงที่ไหนจะรับได้กัน?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของอุลบาก็กลายเป็นหดหู่เหมือนเดิม

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “จะหดหู่ไปทำไมกัน ด้วยร่างกายแบบนี้ถ้าหากเจ้าควบคุมมันได้ เจ้าลองคิดดูสิว่าจะมีคนสักกี่คนในโลกนี้ที่สู้เจ้าได้?”

“เจ้ามีวิธีการควบคุมมันงั้นเหรอ?” อุลบารีบถามขึ้นทันที “ไม่สิ เจ้าเป็นคนทำให้ข้าเป็นแบบนี้ ดังนั้นเจ้าต้องมีวิธีการควบคุมมันอยู่แล้วใช่ไหม?”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้อันที่จริงมันเหนือความคาดหมายของข้าไปมาก ดังนั้นเคล็ดวิชาที่ข้าเตรียมเอาไว้ให้เจ้าบ่มเพาะก่อนหน้านี้มันจึงไม่เหมาะสมอีกแล้ว เดี๋ยวเอาไว้ให้ข้าคิดค้นวิชาใหม่ให้เจ้าจะดีกว่า แต่การคิดค้นวิชาใหม่นั้นเจ้าต้องให้เวลาข้าสักหน่อย ข้าคิดว่าสักเดือนหนึ่งก็น่าจะเพียงพอ”

ในเมื่อร่างกายของอุลบาประหลาดไม่เหมือนใครขนาดนี้ ดังนั้นวิชาที่เขาเคยรู้มาทั้งหมดมันจึงใช้กับอุลบาไม่ได้ หลิงตู้ฉิงจำเป็นต้องคิดค้นวิชาใหม่ให้กับอุลบาเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบ ๆ ช่วยข้าเร็ว ๆ ที ข้าไม่อยากอยู่อย่างตัวประหลาดแบบนี้ไปทั้งชีวิตหรอกนะ!” อุลบาพูดขึ้นด้วยสีหน้าวิงวอน

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าจะช่วยเจ้าก็ได้ แต่มีเงื่อนไขหนึ่งที่เจ้าต้องรับให้ได้ก็คือ เจ้าต้องกลายมาเป็นลูกศิษย์คนแรกในชีวิตนี้ของข้า!”

เมื่อเห็นร่างกายที่แปลกประหลาดไม่มีใครเหมือนแบบนี้ของอุลบา หลิงตู้ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะอยากรับเขามาเป็นลูกศิษย์

ร่างกายของหนานกงหลิงที่ถือว่าแปลกประหลาดแล้ว ถ้าหากมาเทียบกับร่างกายของอุลบาแบบนี้มันถือว่าร่างกายของหนานกงหลิงนั้นไม่มีค่าให้พูดถึงอะไรเลย

หลิงตู้ฉิงแน่ใจว่าถ้าเขาเอาอุลบามาฝึกฝนดี ๆ ในอนาคตอุลบาจะต้องกลายเป็นผู้ติดตามที่แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ของเขาได้แน่นอน

“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าจงคำนับข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าซะ ไม่งั้นข้าก็ไม่อยากจะเหนื่อยคิดค้นวิชาให้กับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่ลูกศิษย์ของข้าหรอก! และข้าบอกไว้เลยว่าถ้าไม่ใช่ข้ามันก็ไม่มีใครที่สามารถคิดค้นวิชาที่เหมาะสมให้กับเจ้าได้ ต่อให้พวกคนที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม พวกเขาก็ช่วยเจ้าไม่ได้เหมือนกัน!” หลิงตู้ฉิงขู่เขาด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อุลบาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมคุกเข่าคำนับรับหลิงตู้ฉิงเป็นอาจารย์อย่างเป็นทางการ

หลิงตู้ฉิงหัวเราะด้วยสีหน้าเบิกบาน จากนั้นเขาพยุงแขนของอุลบาให้ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “รอข้าไปอีกสักหน่อย ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งฝึกเคล็ดวิชาอื่นเป็นอันขาด ข้าจะรีบคิดค้นเคล็ดวิชาที่เหมาะสมกับเจ้าให้เร็วที่สุด อ๋อใช่ เดี๋ยวตอนนี้ข้าให้เจ้าเสริมความแข็งแกร่งของสายเลือดเจ้าเองระหว่างรอไปพลาง ๆ จะดีกว่า รับเอาซุปปลาไปดื่มเพิ่มซะ มันจะช่วยให้สายเลือดและพลังชีวิตของเจ้ายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น”

หลังจากปล่อยให้อุลบาไปขัดเกลาสายเลือดของเขาเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็นั่งลงคิดทบทวนความรู้ของเขาทุกอย่างเพื่อที่จะสร้างเคล็ดวิชาที่เหมาะสมกับอุลบามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ทันที

ที่ด้านนอกสวน เหล่าผู้อาวุโสสำนักเงามายาที่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของอุลบากลายเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้อย่างสิ้นเชิง ก็นั่งรอด้วยความอดทนและยังไม่รู้สึกตื่นตระหนกอะไร เพราะว่าพวกเขาเข้าใจว่าปัญหาร่างกายของอุลบานั้นไม่ใช่สิ่งที่แก้ได้ง่าย ๆ…

พวกเขาประมาณการณ์กันไว้ว่า หลิงตู้ฉิงน่าจะใช้เวลาสัก 1-2 ปี ถึงจะสามารถแก้ไขได้สำเร็จ

หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปอีกครึ่งเดือน อุลบาก็เริ่มกระสับกระส่ายอีกครั้งและเมื่อเขาอดทนไม่ไหว เขาก็เดินเข้าไปหาหลิงตู้ฉิง และถามว่า “ท่านอาจารย์ ท่านเสร็จแล้วรึยัง?”

ถึงแม้ว่าอุลบาจะโง่ขนาดไหน แต่เขาก็เป็นคนที่มีหลักการในตัวเอง

นับตั้งแต่ที่เขายอมคำนับหลิงตู้ฉิงเป็นอาจารย์ เขาก็ไม่สนใจอีกแล้วว่าหลิงตู้ฉิงจะมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดไหน หรือว่าหลิงตู้ฉิงจะเป็นเผ่ามนุษย์ที่เขาเคยมองว่าอ่อนแอกว่าเขามาตลอด เขาตัดสินใจแล้วที่จะเคารพหลิงตู้ฉิงอย่างหมดใจราวกับว่าหลิงตู้ฉิงนั้นไม่ต่างอะไรกับพ่อของเขา

หลังจากถูกอุลบารบกวน หลิงตู้ฉิงก็ลืมตามองไปที่อุลบา และพูดว่า “นี่มันเพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งเดือนเอง แต่ก็เอาเถอะตอนนี้ข้าคิดเคล็ดวิชาของเจ้าขึ้นมาได้คร่าว ๆ แล้ว ซึ่งมันยังคงไม่สมบูรณ์สักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเจ้ารีบนักเจ้าก็จงเอามันไปบ่มเพาะก่อนก็แล้วกัน ด้วยเคล็ดวิชาที่ยังไม่สมบูรณ์นี้มันคงพอทำให้เจ้าสามารถควบคุมร่างกายของเจ้าได้บ้าง และสามารถบ่มเพาะได้อย่างไม่มีปัญหา”

“ส่วนชื่อเคล็ดวิชานี้ข้าตั้งให้มันชื่อว่า ‘วิชาหยินหยางโกลาหลผกผัน’ เจ้าจงค่อย ๆ ทำความเข้าใจรายละเอียดของมันให้ดีและฝึกฝนมันอย่างตั้งใจ อ๋อ วิชานี้เป็นวิชาที่ข้าคิดค้นเอาไว้ใช้สำหรับร่างกายของเจ้าคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นเจ้าไม่ควรนำวิชานี้ไปให้กับคนอื่นที่เจ้ารู้จักฝึกฝน เพราะถ้าหากเจ้าเอาไปให้คนอื่นฝึกฝนแล้วล่ะก็ ทันทีที่พวกเขาเริ่มฝึกเคล็ดวิชานี้เมื่อไหร่ พลังสายเลือดของพวกเขาจะสูญสลายในทันที”

อุลบาเกาหลังหัวของเขาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ชื่อของมันจำยากจริง ๆ เลยท่านอาจารย์ แต่ก็เอาเถอะแค่มันทำให้ข้าควบคุมร่างกายของข้าได้แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว! ด้วยสภาพของข้าในตอนนี้ แค่ก้าวออกไปนอกเรือนข้ายังไม่กล้าเลย”

“เจ้าโง่เอ้ย!” หลิงตู้ฉิงตำหนิ “รูปร่างหน้าตาของเจ้ามันจะสำคัญไปกว่าความแข็งแกร่งของเจ้าได้ยังไง? และถ้าเจ้ายังไม่จริงจังกับเคล็ดวิชาที่ข้าคิดค้นให้ การเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเป็นก็เป็นได้แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น! และอย่าลืมว่าเจ้าคือปีศาจที่อยู่ในเขตแดนอุดรทมิฬ ดังนั้นการที่เจ้ากลายเป็นแบบนี้มันไม่แปลกอะไรเลย!”

หลิงตู้ฉิงรู้สึกว่าความคิดของอุลบาที่ไม่ค่อยจะใส่ใจความสำคัญของเคล็ดวิชาถึงขนาดไม่สนใจชื่อวิชาแบบนี้มันอันตรายมาก และมันจะทำให้เขาบ่มเพาะวิชาหยินหยางโกลาหลผกผันไปได้ไม่ถึงไหนแน่นอนและเรื่องของร่างกายของเขาอีก ถ้าหากในอนาคตร่างกายของเขาถูกเปิดเผยแล้วและมีผู้คนมากมายล้อเลียนร่างกายของเขามาก ๆ เข้า มันก็คงไม่ยากที่เขาจะเสียความมั่นใจจนถึงขนาดดวงใจเต๋าพังทลายแน่นอน

อุลบาก้มหน้ารู้สึกผิด จากนั้นเขาตอบกลับเสียงอ่อยว่า “อาจารย์ข้าเข้าใจแล้ว ตอนนี้ข้าพร้อมที่จะเรียนรู้วิชาหยินหยางโกลาหลผกผันของท่านแล้วท่านอาจารย์!”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ จากนั้นเขาเริ่มถ่ายทอดวิชาให้กับอุลบา

เนื่องจากอุลบานั้นมีรากฐานที่มั่นคงอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเขาเริ่มฝึกฝนวิชาหยินหยางโกลาหลผกผัน ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ทะลวงขึ้นไปรวดเดียวจนถึงขอบเขตประสานทะเลปราณ

แต่แล้วเมื่ออุลบาบ่มเพาะมาถึงขอบเขตประสานทะเลปราณ ร่างกายของอุลบากลับยิ่งเปลี่ยนแปลงไปหนักกว่าเดิม

ทางด้านของอุลบาก็ได้แต่มองร่างกายของเขาเองอย่างหดหู่เพราะในตอนนี้ร่างของเขามองเห็นได้แค่ครึ่งซีกเท่านั้น “ท่านอาจารย์ ทำไมมันถึงยิ่งแย่หนักกว่าเดิมแบบนี้!?”