บทที่ 3033 ฉกฉวยผลประโยชน์จากความขัดแย้ง 2
เขายังพูดไม่ทันจบ รอบข้างพลันเกิดสายลมยะเยือกพัดโหม เสียงที่ราวกับห่อหุ้มด้วยหิมะน้ำแข็ง แว่วดังขึ้นมาในอากาศ “ฟั่นเชียนซื่อ ที่แท้เจ้าก็มีเจตนาเช่นนี้!”
สตรีชุดเขียวนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา เป็นจิตมารตนนั้นมาถึงแล้ว
นางยังคงอยู่ในร่างของกู้ซีจิ่ว ถึงแม้รูปโฉมจะยังคงเป็นรูปโฉมของกู้ซีจิ่วอยู่ แต่บุคลิกกลับเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว!
ไอทมิฬพัวพันอยู่รอบกาย ในไอทมิฬคล้ายแฝงด้วยเสียงโหยไห้คร่ำครวญของวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนเอาไว้ แยกเขี้ยวกางเล็บ
เห็นได้ชัดว่านางได้ยินบทสนทนาก่อนหน้านี้อย่างครบถ้วน โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง จ้องฟั่นเชียนซื่อเขม็ง ดวงตาดำสนิทยามนี้แดงฉานแล้ว “สารเลว! ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าวางแผนต่อเปิ่นจุนเช่นนี้!”
ฟั่นเชียนซื่อพูดไม่ออกแล้ว…
เขาอยากจะสบถด่าไปถึงมารดายิ่ง!
เมื่อครู่ยามเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ได้ติดตั้งเขตแดนกำบังเอาไว้โดยรอบแล้วชัดๆ น่าจะมีแค่พวกเขาสามคนที่ได้ยินบทสนทนาสิถึงจะถูก แล้วจิตมารตนนี้ได้ยินได้อย่างไร?!
“อาจารย์ ท่านอย่าได้ฟังคำยุแยงของพวกเขา มิใช่เช่นนี้แน่นอน…” ฟั่นเชียนซื่อรีบอธิบาย
แต่จิตมารไหนเลยจะยอมฟัง เธอหัวเราะหยันคราหนึ่ง พุ่งตรงเข้ามา “ยังจะปฏิเสธอีกหรือ?! เปิ่นจุนได้ยินหมดแล้ว! ฟั่นเชียนซื่อ เปิ่นจุนก็อยากเห็นเหมือนกันว่าศิษย์ทรพีอย่างเจ้าจะสังหารอาจารย์เช่นไร?!”
ฟั่นเชียนซื่อตะลึง
เขายังคิดจะอธิบายอยู่ แต่จิตมารนิสัยใจร้อนวู่วาม แถมยังแอบฟังมาจนถึงตอนนี้ มั่นใจว่าตัวเข้าใจทั้งหมดแล้ว ไม่มีทางมอบโอกาสให้เขาเฉไฉ ลงมือในทันที!
ยามนี้พลังยุทธ์ของจิตมารบรรลุขั้นสูงสุดแล้ว เมื่อออกกระบวนท่า เมฆาครึ้มก็ทาบทานภา หมอกดำคุลมฟ้ากวาดม้วนพายุทรายให้กลายเป็นใบมีดคมกริบ โจมตีใส่ฟั่นเชียนซื่อดุจพายุฝนโหมกระหน่ำ!
นางในสภาพนี้ต่อให้เป็นฟั่นเชียนซื่อก็ไม่กล้าประมาทเช่นกัน ไม่สามารถแบ่งสมาธิไปอธิบายได้เลย ทำได้เพียงตั้งสมาธิสกัดต้านทานก่อน…
ทั้งสองคนต่อสู้กันแล้ว
เมื่อสองคนนี้เปิดศึกขึ้นมา นั่นย่อมสะท้านฟ้าสะเทือนดินแน่นอน
พายุทรายซัดตลบ สายลมกระโชกดุจคมมีด มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ฝุ่นธุลีกวาดม้วนไปทั่ว
ที่นี่เดิมทีเป็นเนินหินตะกอน รอบข้างล้วนเป็นโขดหิน เมื่อสองคนนี้ประมือกันขึ้น ก้อนหินเหล่านั้นจึงประสบเคราะห์กรรม พากันแตกเป็นเสี่ยงราวกับเต้าหู้ สลายเป็นฝุ่นธุลีไปทันที…
มีเพียงโขดหินก้อนนี้ที่กักขังตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วไว้ ที่ยังสมบูรณ์ดี ตั้งอยู่ใจกลางพายุสงครามระหว่างยอดฝีมือทั้งสอง มั่นคงไม่คลอนแคลน
….
กู้ซีจิ่วชมการต่อสู้ของพวกเขาอย่างจดจ่ออยู่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจออกมาใช่วิชาส่งกระแสเสียงสนทนากับตี้ฝูอีอย่างลับๆ ‘กระบวนท่าของพวกเขามีมากมายหลายจุดนักที่เหมือนกัน ซ้ำจิตมารตนนี้ก็มีความทรงจำในชาติก่อนด้วย เห็นทีว่าข้ากับฟั่นเชียนซื่อจะเป็นศิษย์อาจารย์กันจริงๆ…’
‘ศิษย์อาจารย์ในชาติก่อน’ ตี้ฝูอีเอ่ยแก้ให้เธอ
‘อืม จะว่าไปชาติก่อนข้าทำแบบนี้กับเขาจริงๆ หรือ? หลอกลวงเขาเพื่อท่าน?’
ตี้ฝูอีลูบหัวนาง ‘เรื่องราวในชาติก่อนผู้ใดจะบอกถึงความจริงได้เล่า?’ เขาถอนหายใจ ‘เรื่องราวเหล่านั้นข้าเองก็จำไม่ได้เช่นกัน เพียงแต่ การที่พวกเราสองคนรักใคร่กันเช่นนี้มาตั้งแต่ชาติก่อนแล้วทำให้ข้าดีใจยิ่งนัก’
สองคนนั้นต่อสู้กันอย่างมืดฟ้ามัวดิน จากรูปการณ์แล้วก็ตัดสินผลแพ้ชนะไม่ได้ชั่วขณะ
ยามนี้กู้ซีจิ่วกังวลถึงตี้เฮ่าเป็นที่สุด ‘ไม่รู้ว่าเฮ่าเอ๋อร์จะเป็นยังไงบ้าง? คงมิใช่ว่าเขาประสบเคราะห์ด้วยน้ำมือของฟั่นเชียนซื่อไปแล้วกระมัง…’
ตี้ฝูอีส่ายหน้านิดๆ ‘วางใจเถอะ เฮ่าเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่’
จิตใจกู้ซีจิ่วพลันไหวสะท้าน ‘จริงหรือ? ท่านรู้ได้ยังไง?’
‘กระแสจิตระหว่างพ่อลูก’ ตี้ฝูอีตอบไปส่งๆ
อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริง ตี้เฮ่าเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ หากว่าเขาประสบเคราะห์ร้ายจะเกิดนิมิตหมายขึ้น และตี้ฝูอีก็จะรับรู้ได้
ตอนนี้ล้วนไม่มีทั้งสองอย่าง ยืนยันได้ว่าเด็กคนนั้นยังอยู่ดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าหนีไปอยู่ที่ซอกหลืบมุมใดเสียแล้ว…
กู้ซีจิ่วรู้ว่าตี้ฝูอีไม่มีทางหลอกลวงเธอในเรื่องเช่นนี้ หัวใจที่กระวนกระวายอยู่ในที่สุดก็สงบลงแล้ว
————————————————————————————-
บทที่ 3034 ฉกฉวยผลประโยชน์จากความขัดแย้ง 3
เธอมองจิตมารตนนั้น จากนั้นก็มองตี้ฝูอี ‘มิใช่ว่าท่านขังนางไว้ในสถานที่อันใดแล้วหรือ? ไม่นึกเลยว่าจะหลุดออกมาได้เร็วขนาดนี้ ยังมีอีก ฟั่นเชียนซื่อน่าจะทราบดีว่าอยู่ในอาณาเขตของจิตมารตนนี้ แต่เมื่อครู่เขาพูดคุยกับพวกเราอย่างไร้ซึ่งความกริ่งเกรงยิ่ง ความจริงอันใดล้วนกล้าเผยออกมาทั้งสิ้น น่าจะเป็นเพราะติดตั้งเขตแดนสกัดกั้นเสียงเอาไว้รอบข้างแล้ว จิตมารตนนี้ได้ยินทั้งหมดได้อย่างไรกัน? ใช่แล้ว สรุปแล้วก่อนหน้านั้นท่านปลีกตัวออกมาได้ยังไง?’
เธอเอ่ยคำถามกองหนึ่งออกมาในคราวเดียว
ตี้ฝูอีก็ไม่ปิดบังเธอเลย ‘ข้าจัดวางค่ายกลในจุดที่ห่างจากที่นี่ไปหนึ่งร้อยลี้ หลังจากข้ากับนางเดินทางไปถึงที่นั่นแล้ว ข้าอ้างว่าจะต้องทำการรักษาให้ตี้เฮ่าในทันทีเมื่อหยุดลง นางรู้สึกว่านี่คืออาณาเขตของนางเอง ย่อมลำพองตนยิ่ง จึงยอมหยุดอยู่ที่นั่น ข้าอ้างอีกว่าจะไปสำรวจภูมิประเทศรอบๆ ดูสักหน่อยเพื่อออกมา จากนั้นก็สร้างตัวปลอมร่างหนึ่งขึ้นให้กลับถ่วงรั้งนางไว้ เนื่องจากนางก็เสแสร้งว่าบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ดังนั้นจึงนั่งสมาธิฟื้นฟูอยู่ที่นั่น เมื่อเห็นตัวปลอมของข้ากลับไปก็ไม่ตรวจสอบให้ละเอียด จากนั้นข้าก็ออกมาหาเจ้า แน่นอน ตัวปลอมนี้สามารถตบตานางได้หนึ่งชั่วยามเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้านางต้องสังเกตเห็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นจะสืบเสาะตามหาข้าไปทั่ว ค่ายกลนั้นสามารถคุมขังนางไว้ได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม จากนั้นข้าก็จงใจทิ้งกระจกบานหนึ่งเอาไว้ในค่ายกล…’
‘กระจกส่งสารหรือ’
‘ใช่? นางสามารถมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ผ่านกระจกได้ และได้ยินเสียงด้วย…’
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจคราหนึ่ง ‘ท่านกระทำการได้รอบคอบรัดกุมโดยแท้ ดูเหมือนท่านจะนึกสงสัยอยู่ก่อนแล้วว่าจิตมารตนนี้กับฟั่นเชียนซื่อเป็นพวกเดียวกันสินะ?’
ตี้ฝูอีพยักหน้า ‘ยามนั้นถึงแม้ข้าจะไม่ทราบฐานะความเป็นมาของจิตมาร แต่ได้เห็นสถานการณ์ที่ทะเลทรายแห่งนี้กลืนกินบ้านเมืองปวงประชาที่ด้านนอกแล้วค่อนข้างคุ้นตาอยู่บ้าง คล้ายกับวิธีการของฟั่นเชียนซื่อ ดังนั้นเมื่อครู่ข้าถึงได้หลอกถามเขา แล้วก็หลอกถามออกมาได้จริงๆ พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน!’
กู้ซีจิ่วตะลึงอยู่บ้าง ‘เมื่อครู่ท่านพูดจาราวกับตาเห็น ข้าหลงนึกว่าท่านมีหลักฐานหนาแน่นแล้ว ที่แท้ก็แค่หลอกถามเขา…’
ตี้ฝูอีเอ่ยตอบ ‘สันนิษฐานโดยทั่วไปเท่านั้น แต่ข้อสันนิษฐานของข้าไม่เคยผิดพลาดเลย’
‘เช่นนั้นสุดท้ายแล้ววิชาชั่วร้ายที่จิตมารตนนี้ฝึกฝนจะระเบิดขึ้นมาตามที่ท่านสันนิษฐานเหมือนกันหรือ?’
‘น่าจะใช่’
‘ปลิ้นปล้อนยิ่งนัก!’ กู้ซีจิ่วยกนิ้วโป้งให้เขา สามีคนนี้ของเธอชั่วร้ายเหลือเกิน!
ตี้ฝูอีจับหัวแม่มือของนางไว้ ‘ข้าคิดว่าใช้คำว่ากลยุทธ์ปราดเปรื่องไร้ใดเทียมมาบรรยายจะดีกว่านะ ยังมีอีก เด็กน้อย เจ้าก็เฉลียวฉลาดมากเช่นกัน ข้าไม่ได้บอกกล่าวเจ้าให้ชัดแจ้งล่วงหน้าก่อนเจ้าก็ยังเออออตามน้ำไปกับข้าได้…’
กู้ซีจิ่วอับอายยิ่งนัก ‘ธรรมดาๆ หากไม่ฉลาดพอ ไหนเลยจะคู่ควรกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของพวกเราได้?’
ทั้งสองคนสื่อสารกันอย่างลับๆ อยู่หลายประโยค กู้ซีจิ่วก็มองออกไปด้านนอกอีกสองสามครา
ฟั่นเชียนซื่อกับจิตมารตนนั้นต่อสู้กันอุตลุดจนเหินขึ้นไปบนนภาแล้ว เธอแหงนหน้ามอง เห็นเพียงเมฆาทะมึนที่กลิ้งตลบอยู่บนฟ้า เกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง เงาร่างของคนทั้งสองปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งคราว…
กู้ซีจิ่วพึมพำ ‘พวกเขาสนใจแต่จะรบรากันเองอย่างดุเดือดเช่นนี้ ไม่กลัวว่าพวกเราจะฉวยโอกาสหลบหนีไปหรือไงกัน…’
ตี้ฝูอีมองวารีทมิฬที่อยู่รอบข้าง ‘คุกวารีระโหยนี้เป็นยอดสถานที่สำหรับกักขังคนอันดับหนึ่งในใต้หล้า พวกเราถูกขังไว้ที่นี่พวกเขาย่อมวางใจยิ่ง’
‘ท่านก็ไม่มีวิธีออกไปเหมือนกันหรือ?’
เมื่อครู่กู้ซีจิ่วแค่พูดตามน้ำตี้ฝูอีไปเท่านั้น ทว่าตอนนี้เป็นการถามจากใจจริง
ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง ตอบอย่างภาคภูมิ ‘วางใจเถอะ บนโลกนี้ไม่มีสถานที่ใดสามารถกักขังข้าไว้ได้!’
กู้ซีจิ่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้ดีว่าถ้าเขากล่าวเช่นนี้ นั่นคือมีวิธีทำลายแล้ว
‘เช่นนั้นฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาต่อสู้กันไม่สนใจพวกเรา พวกเราหนีออกไปกันเลยไหม?’ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้แต่นาทีเดียว!
————————————————————————————-