บทที่ 3035 ฉกฉวยผลประโยชน์จากความขัดแย้ง 4
‘ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รออีกหน่อย’ ตี้ฝูอีมองฝุ่นควันที่ฟุ้งตลบอยู่ด้านนอกแล้วเอ่ยขึ้น
‘หือ?’ กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจ
ตี้ฝูอีถอนหายใจ ‘สองคนด้านนอกนั้น คนหนึ่งคือเทพผู้สร้างโลก คนหนึ่งคือจิตมารของเทพผู้สร้างโลก เมื่อสู้กันขึ้นมาเช่นนี้ยังคงรุนแรงพลิกฟ้าพลิกดินอยู่ ทั่วทั้งทะเลทรายต่างได้รับเคราะห์ไปด้วย ไม่มีที่ไหนปลอดภัยเลย เจ้าดูเม็ดทรายข้างนอกสิ มองไปเช่นนี้แล้ว ภายในรัศมีร้อยลี้ล้วนอยู่ในรอบเขตการต่อสู้ของพวกเขา ถ้าไม่มีวรยุทธ์ระดับซ่างเสินขึ้นไป อย่าว่าแต่ผสมโรงกับพวกเขาเลย แม้กระทั่งเข้าใกล้สมรภูมิรบ ก็จะถูกขยี้จนแหลกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว…’
นี่ก็ใช่!
กู้ซีจิ่วพยักหน้า
ตี้ฝูอีกล่าวไปอีก ‘’
‘พวกเราในตอนนี้ไม่มีทางต่อกรกับพวกเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือที่เจ็บก็เจ็บ ที่เหนื่อยก็เหนื่อย ถ้าทำลายที่นี่แล้วหนีออกไปก็จะกลายเป็นเป้าเคลื่อนที่ของพวกเขา การค้าที่ขาดทุนเช่นนี้สามีไม่มีทางลงทุน!’
‘เช่นนั้นรอถึงตอนที่พวกเขาต่อสู้จนบาดเจ็บกันไปข้างหนึ่งแล้วพวกเราค่อยลงมือใช่ไหม?’
ตี้ฝูอีตบมือน้อยของนางเบาๆ ‘เด็กน้อยที่สั่งสอนได้!’
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่ง สามีคนนี้ของเธอช่างยืดได้หดได้โดยแท้ ตอนที่วรยุทธ์สู้ผู้อื่นไม่ได้ก็ยังยอมรับอย่างผ่าเผยใจกว้างนัก
แน่นอนว่าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเขาก็เล่นเล่ห์กลเป็นเช่นกัน…
ตอนนี้วรยุทธ์ของเขาอาจจะไม่ใช่อันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่เจ้าเล่ห์กลับกลอกนั้นเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าแน่นอน วางแผนสังหารคนโดยไม่ชดใช้!
‘เด็กน้อย ทำไมถึงมองข้าด้วยสายตาที่ใช้มองสวะล่ะ?’
‘ท่านตาฝาดแล้ว! ข้ามองท่านด้วยสายตาที่ใช้มองไอดอลชัดๆ!’
ทั้งสองคนพูดคุยยิ้มหัวกันหลายประโยค เมื่อรู้ว่าบุตรชายยังปลอดภัย และรู้ว่าสามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้ กู้ซีจิ่วก็ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์แล้ว เหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า ‘หากท่านสามารถฟื้นฟูวรยุทธ์และความทรงจำของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ได้ก็ดีสิ จัดการสองคนนี้ให้หมอบเสีย! พวกเราจะได้ไม่ต้องมานั่งจับเจ่าอยู่ในสถานที่ผุพังแห่งนี้’
ตี้ฝูอีชะงักไปแวบหนึ่ง แววตาพลันหม่นลง แต่ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ‘วางใจเถอะ ต่อให้สามีฟื้นฟูวรยุทธ์ของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ไม่ได้ก็สามารถจัดการพวกเขาให้หมอบได้! นักปราชญ์สยบคนด้วยกลยุทธ์ มิใช่อวดอ้างความกล้าหาญอันมุทะลุ ดั่งที่กล่าวว่าผู้บัญชาการวางกลยุทธ์ดี อยู่ไกลออกไปพันลี้ก็มีชัย…’
กู้ซีจิ่วถูกวาจาของเขาทำให้หมดคำพูดแล้ว ‘ท่านนี่นะ มีเหตุผลตลอดเลย!’
เธอมองวารีทมิฬในคุก พลันใจเต้นแวบหนึ่ง
วารีทมิฬภายในคุกนี้แผ่ขยายอยู่ตลอด เมื่อพวกเขาที่อยู่ด้านในมองออกไป วารีทมิฬนี้มีขนาดเท่าทะเลสาบไท่หูแล้ว ดำเมื่อมจนทำให้หนังศีรษะของผู้คนชาหนึบได้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนวารีทมิฬนี้จะหยุดขยายตัวแล้ว ไม่เพิ่มขึ้นอีก…
กู้ซีจิ่วนำสิ่งที่พบมาบอกต่อตี้ฝูอี แววตาตี้ฝูอีโชนแสงแวบหนึ่ง ‘ดูเหมือนพวกเขาจะทำได้แล้ว!’
‘หา?’
‘ครั้งนี้คนของฝั่งเรามากันไม่น้อยเลย ข้าถ่ายทอดศาสตร์ค่ายกลแขนงหนึ่งให้พวกเขา เมื่อคนมากันพร้อมแล้ว ก็สามารถสำแดงออกมาได้ สะกดทะเลทรายแห่งนี้ไม่ให้ขยายตัวอีก…เห็นทีว่าตอนนี้คนจะมากันพร้อมแล้ว’
….
ด้านนอกทะเลทราย
คุนเสวี่ยอี๋ พวกมู่เฟิงสี่ทูต จักรพรรดิเซียน ราชันย์มาร แปดสัตว์วิเศษ…รวมถึงบุคคลชั้นนำที่มีชื่อเสียงของหกภพภูมิล้วนตามมาถึงแล้ว!
ทะเลทรายอาถรรพ์นี้ทำให้พวกเขาตื่นตกใจ เพียงแต่เวลานี้พวกเขาไม่สนใจจะตกใจแล้ว เมื่อคนมาพร้อมหน้า ก็ร่ำเรียนการจัดวางค่ายกลตามที่ไป๋เจ๋อบอกทันที
ค่ายกลขนาดใหญ่นี้สลับซับซ้อนยิ่ง โชคดีที่คนเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะทั้งสิ้น จึงเรียนรู้ได้ว่องไวนัก หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดค่ายกลใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นเหนือทะเลทรายได้สำเร็จ…
ลำแสงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากค่ายกลใหญ่ พุ่งเข้าสู่ซอกมุมต่างๆ ของทะเลทราย
ราวกับเสาค้ำสมุทรก็มิปานตรึงทะเลทรายแห่งนี้เอาไว้! ในที่สุดก็ยับยั้งการขยายตัวอย่างรวดเร็วของมันได้แล้ว…
ในที่สุดไป๋เจ๋อก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
บัดนี้ทะเลทรายแห่งนี้เขมือบกลืนอาณาจักรหนึ่งไปแล้ว ประชาชนหลายแสนคนต้องสังเวยชีพไป
….
————————————————————————————-
บทที่ 3036 ปัจฉิมบท
เมื่อมองดูจากที่ไกลๆ ในทะเลทรายมีไอดำปกคลุมนภาอยู่ ท่ามกลางสายลมที่พัดอื้ออึงนั้นแฝงเสียงกรีดร้องของวิญญาณอาฆาตเอาไว้ด้วย แทบจะเสียดทะลุแก้วหูคนแล้ว
ดุร้ายยิ่ง! โหดเหี้ยมนัก! เหี้ยมเกรียมอย่างสุดขีด!
ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้ก็สามารถสัมผัสถึงไอพิฆาตที่พวยพุ่งสู่นภานั้นได้
บรรดาเทพเซียนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างไม่เคยพบเจอทะเลทรายที่ดุร้ายเช่นนี้มาก่อน อกสั่นขวัญแขวนกันยิ่ง อดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสความมองการณ์ไกลของตี้ฝูอีอยู่ในใจ!
สิ่งนี้ช่างเหมือนหลุมดำหลุมหนึ่งโดยแท้ หากไม่ยับยั้งไว้ อาจกลืนฟ้ากินปฐพีได้เลย!
โชคดีที่ตี้ฝูอีค้นพบได้ทันเวลา ซ้ำยังวางแผนก่อค่ายกลไว้ก่อนแล้ว ทำให้ทุกคนไม่ถึงขั้นวุ่นวายไร้ทิศทาง
บรรดาเทพเซียนที่มีในครั้งนี้มีถึงห้าร้อยคน แต่ละคนต่างเป็นยอดฝีมือชั้นแนวหน้า แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ หลังจากที่ทุกคนก่อค่ายกลตรึงทะเลทรายเอาไว้แล้ว ก็ยังคงกินแรงยิ่งนักอยู่ดี
ไอพิฆาตของทะเลทรายแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
เสมือนผูกรั้งไทแรนโนซอรัสตัวหนึ่งที่วิ่งอาละวาดอยู่
พวกเขาทุ่มพลังทั้งหมดออกมาแล้ว มากสุดก็ยังได้แค่ตรึงทะเลทรายแห่งนี้ไว้ ไม่ให้มันขยายตัวออกไปอีกชั่วคราว กลับยากจะสยบปราบมันอย่างสมบูรณ์ได้
เห็นทีว่าถ้าอยากกำจัดหายนะนี้ไปอย่างถาวร ยังคงต้องเริ่มต้นจากภายใน
แต่ทะเลทรายแห่งนี้ดุร้ายเกินไปถ้าเข้าใกล้ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกบดขยี้จนแหลกลาญ พวกเขาจึงเข้าไปไม่ได้ชั่วคราว
พวกไป๋เจ๋อและฝูงชนยืนหยัดค้ำยันค่ายกลนี้ไว้ พลางก้มมองเข้าไปในค่ายกล
นายน้อยเข้าไปหลายชั่วยามแล้ว จวบจนยามนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด เขากับนายหญิงน้อยคงไม่เป็นไรกระมัง? ค่ายกลนี้พวกเขาสามารถค้ำยันไว้มากสุดสองวันเท่านั้น ในช่วงเวลาสองวันนี้นายน้อยของพวกเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ไหม?
เขามองทะเลทรายที่ไอทมิฬกลิ้งตลบอีกครั้ง ในใจค่อนข้างรู้สึกแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา
นายน้อยเคยบอกไว้ เมื่อค่ายกลนี้เปิดใช้งาน สามารถสะกดควบคุมการอาละวาดของทะเลทรายได้ และจะค่อยๆ หดเล็กลง แต่มองจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว เห็นทีว่าจะไม่ง่ายดายปานนั้น…
เขามองหลงซือเย่ที่ลงแรงค้ำจุนค่ายกลร่วมกับทุกคนอยู่ที่วงนอกแวบหนึ่ง
หลายปีมานี้หลงซือเย่ก็ได้ประสบโชคลาภอัศจรรย์เช่นกัน เขายอมรับซ่างเซียนผู้ไม่เผยตัวต่อโลกหล้าท่านหนึ่งเป็นอาจารย์ ซ่างเซียนผู้นี้นามว่าฮวาเหยียน ถึงแม้ชื่อเสียงจะไม่โด่งดัง แต่วรยุทธ์เลิศล้ำยิ่ง แถมยังถ่ายทอดศาสตร์ยุทธ์วิชาลับให้แก่ลูกศิษย์ ทำให้หลงซือเย่บำเพ็ญจนบรรลุเป็นซ่างเซียนได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปี โดดเด่นยิ่งนัก ตอนนี้หลงซือเย่กลายเป็นแขนขาของจักรพรรดิเซียนแล้ว เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นจอมทัพ บัญชาการแม่ทัพนายกองสวรรค์นับแสนนาย...
ส่วนอาจารย์ผู้นั้นของเขา หลายปีมานี้พำนักอยู่ที่จวนของหลงซือเย่ตลอด เก็บตัวสันโดษ ไม่ชมชอบติดต่อกับผู้คน
ไป๋เจ๋อย่อมตรวจสอบประวัติของคนผู้นี้อย่างละเอียดแล้ว ไม่พบว่ามีจุดใดที่ทำให้คนนึกสงสัย เพียงแต่เป็นคนนิสัยเย็นชาผู้หนึ่ง ถือสันโดษไม่คบค้าสมาคม เดิมทีเก็บตัวอยู่บนหุบเขาเซียนลูกหนึ่งที่อยู่นอกคาบสมุทร ตอนหลงซือเย่ไปเก็บสมุนไพรที่หุบเขาเซียนลูกนั้นประสบอันตรายเข้า ได้รับความช่วยเหลือจากนาง
นางเห็นหลงซือเย่หน่วยก้านยอดเยี่ยม เกิดความคิดอยากรับเป็นศิษย์ ดังนั้นนางจึงให้หลงซือเย่กราบนางเป็นอาจารย์เพื่อตอบแทนบุญคุณ…
ถึงแม้วิธีตอบแทนบุญคุณเช่นนี้จะประหลาด แต่สำหรับหลงซือเย่แล้วก็ไม่นับว่าเป็นอุปสรรคอันใด อีกทั้งเขาไม่ชอบติดหนี้น้ำใจผู้ใด ด้วยเหตุนี้จึงยอมรับสตรีนางนี้เป็นอาจารย์ กลับคาดไม่ถึงว่านางจะถ่ายทอดวรยุทธ์ให้อย่างทุ่มเทเอาจริงเอาจัง ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดทักษะยุทธ์มากมายให้เขาเท่านั้น ยังมอบโอสถวิญญาณเลิศล้ำให้เขาด้วย ทำให้วรยุทธ์ของหลงซือเย่ก้าวหน้าขึ้นดั่งดอกงาแทงยอดสูง
ไป๋เจ๋อจับตามองนางมาหลายปีแล้ว ไม่พบความผิดปกติอันใดเลย ส่วนวรยุทธ์ของหลงซือเย่ถึงแม้ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็อยู่ในขอบเขตปกติทั่วไป ไป๋เจ๋อจึงไม่เก็บมาใส่ใจเท่าไหร่แล้ว
ครานี้ยอดฝีมือของภพต่างๆมารวมตัวกัน เดิมทีไป๋เจ๋อไม่คิดจะแจ้งต่อหลงซือเย่และฮวาเหยียนอาจารย์ของเขาเลย ถึงอย่างไรหลงซือเย่ก็เคยเป็นร่างโคลนนิ่งของฟั่นเชียนซื่อ ไม่แน่ว่าอาจจะมีกระแสจิตเชื่อมโยงอันใดอยู่ เกรงว่าหลังจากเขามาที่นี่แล้ว จะถูกฟั่นเชียนซื่อควบคุม ทำเรื่องเลวร้ายอันใดขึ้นมา
————————————————————————————-