บทที่ 3037 ปัจฉิมบท 2
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิจะไว้วางใจเขายิ่งนัก ไป๋เจ๋อลืมกำชับไป จักรพรรดิเซียนจึงพาหลงซือเย่มาด้วย
ซ้ำหลงซือเย่ยังพาฮวาเหยียนอาจารย์ของเขามาด้วย...
ยามนี้คู่ศิษย์อาจารย์สองคนนี้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว ส่งพลังค้ำจุนเขตแดนนั้น เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ทุ่มเทกำลังทั้งหมด…
ไป๋เจ๋อถอนหายใจเบาๆ บางทีตนอาจจะคิดมากไป…
มันเหลือบมองฮวาเหยียนแวบหนึ่ง ซ่างเซียนนางนี้งดงามสดใสไร้เดียงสาสมนามตน ทว่านิสัยกลับเยือกเย็นดุจน้ำค้างแข็ง ทั้งร่างล้วนเปี่ยมด้วยกลิ่นอายความห่างเหินกับผู้คนไว้ ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเข้าไปสนทนาทำความรู้จักง่ายๆ
นางเกิดมางดงาม เดิมทีมีชายหนุ่มหล่อเหลาเปี่ยมความสามารถมากมายต้องการจะไล่ตาม ผลคือถูกนาง ‘แช่แข็ง’ กลับไป ไม่กล้ามาแกว่งเท้าหาเสี้ยนอีก
ไป๋เจ๋อรู้สึกว่า ถึงแม้รูปโฉมของฮวาเหยียนผู้นี้จะไม่เหมือนกู้ซีจิ่ว แต่นิสัยใจคอกลับมีจุดที่คล้ายคลึงกันอยู่
และอาจเป็นเพราะเหตุนี้ หลงซือเย่ถึงได้ยอมสนิทสนมกับนางเช่นนี้กระมัง?
ถึงอย่างไรไป๋เจ๋อก็มีความกังวลใจตัวพวกหลงซือเย่ศิษย์อาจารย์อยู่ ดังนั้นมันจึงส่งเถิงเสอและเถาอู้ ไปอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับสองคนนี้ที่สุด ให้สะดวกกับการรับมือเหตุเหนือความคาดหมายทุกรูปแบบ
….
ในทะเลทราย
การต่อสู้อันสะท้านสะเทือนของฟั่นเชียนซื่อกับจิตมารตนนั้นดำเนินไปถึงช่วงดุเดือดแล้ว
ต่อสู้กันอย่างนภาไหวพสุธาแยก ตะวันจันทราสิ้นแสง
ในใจฟั่นเชียนซื่อค่อนข้างขมขื่นอยู่บ้าง…
ความจริงแล้วตี้ฝูอีกล่าวมิผิดเลย ฟั่นเชียนซื่อทิ้งจุดอ่อนถึงชีวิตไว้ในดวงวิญญาณของจิตมารจริงๆ สามารถเข้าควบคุมจุดอ่อนของนางได้
เพียงแต่การควบคุมของเขามิใช่การทำให้อีกฝ่ายระเบิด แต่เป็นการทำให้วรยุทธ์ของอีกฝ่ายค่อยๆ อ่อนแอลง จนในที่สุดก็มีพลังยุทธ์เทียบเท่ากับเซียนธรรมดา
เขามีความหมกมุ่นในตัวกู้ซีจิ่วลึกล้ำยิ่ง หากว่าไม่ได้นางมาครอบครองไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางยอมถอดใจ
ด้วยความสามารถของเขา ครอบครองร่างกายของกู้ซีจิ่วได้ง่ายดายยิ่ง แต่เขาต้องการให้หัวใจทั้งดวงของนางตกเป็นของเขาด้วย…
เดิมทีเขาวางแผนการเอาไว้ดียิ่ง ให้จิตมารเป็นตัวกำหนดสถานการณ์โดยรวมที่นี่ ใช้ประโยชน์จากกู้ซีจิ่วล่อตี้ฝูอีเข้ามา สังหารตี้ฝูอีให้สิ้นซากเสียหรือไม่ก็กักขังไว้ที่นี่ แล้วเขาจะลบความทรงจำทั้งหมดของกู้ซีจิ่วที่เกี่ยวข้องกับตี้ฝูอีทิ้งเสีย สลับร่างให้นางอีกครั้ง ผสานกล่อมเกลาจิตมารที่มีความทรงจำในชาติก่อนเข้าไปในดวงวิญญาณของนาง ทำให้นางหลงรักตน อยู่ข้างกายตน
แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่ากู้ซีจิ่วจะหลุดพ้นจากการควบคุม ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ลบล้างความทรงจำของนางไม่ได้ แถมยังมีความรักต่อตี้ฝูอีอย่างลึกล้ำฝังรากลึก เขาไม่อาจครอบครองร่างต้นของนางได้อีกแล้ว จึงถอยกลับแล้วมุ่งไปยังแผนการอื่น หันเหความสนใจไปที่ ‘จิตมาร’
ถึงแม้ ‘จิตมาร’ จะมิใช่แม้กระทั่งดวงวิญญาณของนางเลย แต่ถึงอย่างไรก็มีความเกี่ยวข้องนาง และครอบครองความทรงจำส่วนหนึ่งของตัวตนเทพผู้สร้างโลกไว้ รอจนเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว ค่อยใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้เพื่อควบคุม ‘จิตมาร’ตนนี้ แยกดวงวิญญาณของนางอีกครั้ง กำจัดเศษเสี้ยววิญญาณอาฆาตตนอื่นที่ผสมปนเปอยู่ออกไป เหลือไว้เพียงจิตมารสายนั้น จากนั้นก็หลอมรวมเข้ากับดวงวิญญาณที่เขาสร้างขึ้นใหม่เพื่อนางโดยเฉพาะ ให้นางกลายเป็นตัวตนใหม่ที่มีความทรงจำส่วนหนึ่งของเทพผู้สร้างโลกซีจิ่วอยู่ เลี้ยงไว้ข้างกาย ครองคู่กันไปเนิ่นนานตราบชั่วชีวิตนี้…
ทั้งสองกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เขาล้วนไม่ได้วางแผนจะให้ ‘จิตมาร’ ตนนี้สิ้นชีพอย่างสมบูรณ์…
แผนการเดิมที่เขาวางไว้คือหลังจากกักขังตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วแล้ว ตนจะฉวยโอกาสออกไปกบดานอยู่ที่ไหนสักแห่งก่อน รอจนทะเลทรายแห่งนี้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่หกภพภูมิแล้ว เขาค่อยออกโรง เข้าควบคุมทะเลทรายแห่งนี้ ต่อหน้าผู้คนของหกภพภูมิ ขจัดภัยพิบัตินี้ให้สิ้นซากไป
ถึงอย่างไรทะเลทรายดุร้ายแห่งนี้ก็สร้างขึ้นจากกรรมวิธีของเขา เขาจึงมีวิธีที่จะควบคุมมันอย่างสมบูรณ์ได้
เมื่อถึงเวลานั้นเขาไม่เพียงแต่จะได้กำจัดปัญหาใหญ่คาใจเท่านั้น ยังได้สร้างบารมีขึ้นมาในหกภพภูมิอย่างแท้จริงด้วย กลายเป็นเจ้าแห่งหกภพภูมิอย่างชอบธรรมได้…
เขาไม่นึกเลยว่าหลังจากตี้ฝูอีถูกคุมขังเอาไว้แล้วจะมองจุดประสงค์ของเขาออก และเปิดโปงออกมา เขาประมาทไปชั่วขณะจึงถูกจิตมารได้ยินทุกอย่างเข้า
————————————————————————————-
บทที่ 3038 ปัจฉิมบท 3
เขาไม่นึกเลยว่าหลังจากตี้ฝูอีถูกคุมขังเอาไว้แล้วจะมองจุดประสงค์ของเขาออก และเปิดโปงออกมา เขาประมาทไปชั่วขณะจึงถูกจิตมารได้ยินทุกอย่างเข้า
เป็นเหตุให้ต้องลงมือกับนางก่อนกำหนด ทำลายแผนการของเขาไปเสียแล้ว
ช่วงแรกตอนที่เขาประมือกับจิตมาร ถึงแม้จะค่อนข้างเสียดายแต่ก็ไม่ได้เป็นกังวล ถึงอย่างไรเขาก็กุมจุดอ่อนของอีกฝ่ายไว้แล้ว ต้องการจะบีบคั้นนางให้จำนนไม่ใช่เรื่องยากเลย
อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากใช้ ‘ไพ่ตาย’ ใบนี้ตั้งแต่ต้น ยังคิดจะพยายามใช้กำลังของตัวเองสยบอีกฝ่ายลงชั่วคราวก่อน แล้วค่อยหาจังหวะปลีกตัว รอให้มีจังหวะที่เหมาะสมแล้วค่อยลงมืออีกครั้ง
แต่หลังจากเขาต่อสู้กับนางอย่างจริงจังขึ้นมา ถึงได้ค้นพบว่าวรยุทธ์ของจิตมารตนนี้เลิศล้ำเหนือธรรมดา! ไม่อ่อนด้อยไปกว่าตัวเขาที่เป็นเทพผู้สร้างโลกเลย! แถมยังมีทีท่าว่ายิ่งสู้จะยิ่งกล้าแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
เขาคิดจะหาจังหวะปลีกตัวออกไปอยู่สองสามครั้งล้วนไม่ประสบความสำเร็จ กลับถูกอีกฝ่ายบีบต้อนจนมือเท้าเป็นระวิงแล้ว นี่ทำให้เขาค่อนข้างร้อนรนอยู่บ้าง
ระหว่างที่ต่อสู้อยู่ เขาก็เหลือบมองเข้าไปในคุกวารีระโหยแวบหนึ่ง
มองเห็นตี้ฝูอีกอดกู้ซีจิ่วนั่งอยู่ตรงนั้น ถึงแม้รูปโฉมของกู้ซีจิ่วจะอนาถาแล้ว แต่กลับดูผ่อนคลายยิ่ง พิงอยู่ในอ้อมแขนของตี้ฝูอีอย่างเอื่อยเฉื่อย นิ้วมือของตี้ฝูอีก็ลูบสางเส้นผมของนางเบาๆ
เมื่อเห็นฟั่นเชียนซื่อมองเข้ามา ตี้ฝูอียังยิ้มจางๆ แวบหนึ่งด้วย
ทำให้ฟั่นเชียนซื่อโมโหจนแทบกระอักเลือดแล้ว!
สองคนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้วยังไม่ลืมที่จะแสดงความรักหวานชื่นอีกหรือ?! ช่างไม่รู้จักความเป็นความตายเสียจริง
จากนั้นเขาก็ยิ้มหยันอยู่ในใจ
เขาคาดเดาความคิดของตี้ฝูอีออก ตี้ฝูอีเป็นปรมาจารย์ด้านการทำลายเขตแดน เขาแน่ใจว่าด้วยความสามารถของเขาแล้ว สุดท้ายก็จะสามารถทำลายคุกวารีระโหยแห่งนี้ได้ เหตุผลที่ยังไม่ลงมือในตอนนี้ ชมการต่อสู้อยู่ตรงนั้นอย่างสบายอุรา คงคิดจะรอให้เขากับจิตมารต่อสู้กันจนบาดเจ็บเสียหายไปทั้งสองฝ่ายแล้วค่อยหาทางหนีออกมาชมเรื่องขบขัน…
แต่เรื่องขบขันนี้ของตี้ฝูอีถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะล้มเหลว!
วารีทมิฬภายในคุกวารีระโหยแห่งนี้แท้จริงแล้วกลั่นออกมาจากวิญญาณอาฆาต
อย่างไรก็ตามเพื่อให้กักขังตี้ฝูอีไว้ได้ตลอดกาล ทะเลทรายแห่งนี้จำเป็นต้องกลืนกินวิญญาณอาฆาตสดใหม่เข้าไปหกล้านดวง
มีแต่ต้องทำเช่นนี้ คุกวารีระโหยแห่งนี้ถึงจะกลายเป็นผนังเหล็กกำแพงสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง ผู้ใดก็ทำลายไม่ได้
เขาคำนวณจำนวนประชากรที่อยู่รอบๆ ทะเลทรายแห่งนี้เอาไว้ชัดเจนยิ่ง รัดกุมนัก ขอเพียงปล่อยให้ทะเลทรายแห่งนี้กลืนกินประชากรในเมืองใหญ่เข้าไปสามสิบแปดเมือง ก็จะบรรลุจำนวนนี้แล้ว
เขาให้ความสนใจกับปริมาณวารีทมิฬภายในคุกวารีระโหยอยู่ตลอด
เมื่อวารีทมิฬภายในคุกวารีระโหยมีขนาดเทียบเท่ากับทะเลสาบไท่หูสองแห่งแล้ว ก็แปลว่าทะเลทรายได้กลืนกินวิญญาณอาฆาตเข้าไปหกล้านดวง ก่อร่างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้ว!
ตอนนี้วารีทมิฬในคุกวารีระโหยมีปริมาณเท่าทะเลสาบไท่หูหนึ่งแห่งกับอีกครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่ถึงสามชั่วยามก็จะประสบความสำเร็จแล้ว…
ยิ้มสิ! ยิ้มเลย!
อีกไม่ช้าพวกเจ้าก็ต้องร้องไห้แล้ว!
ฟั่นเชียนซื่อแสดงความดุร้ายอยู่ในใจ สายตาตวัดผ่านร่างของกู้ซีจิ่วอีกครั้ง ยามที่เห็นบาดแผลลวกพองทั่วร่างนาง ความปวดร้าวที่คุ้นเคยก็ทักขึ้นมาในหัวใจ
เขาพยายามจะเพิกเฉยอย่างสุดกำลัง นี่เป็นตัวนางรนหาที่เอง! ไม่อาจกล่าวโทษว่าเขาไร้เยื่อใยได้…
เดิมทีเขาคิดจะฉวยโอกาสก่อนที่คุกวารีระโหยจะก่อตัวขึ้นมาอย่างแท้จริง ดึงเอาดวงวิญญาณของกู้ซีจิ่วออกมา ไม่ให้นางได้รับความทุกข์ทรมานจากการถูกวารีเซาะร่าง
กลับคาดไม่ถึงว่านางจะร่วมร้องรับขับขานไปกับตี้ฝูอีเปิดโปงแผนร้ายของเขาออกมา เป็นเหตุให้เขาต้องต่อสู้กับจิตมารอย่างสุดชีวิตอยู่ในขณะนี้ ไม่มีเวลาและไม่มีกำลังพอจะไปฉุดดึงนางออกมา…
ต่อสู้กันไปอีกหนึ่งชั่วยาม ฟั่นเชียนซื่อสบจังหวะหนึ่งจึงเหลือบมองภายในคุกวารีระโหยอีกครา
หัวใจพลันดิ่งวูบ!
ระดับน้ำภายในคุกวารีระโหยคล้ายว่าจะไม่เพิ่มขึ้นเลย ยังคงเท่าเดิม
เป็นไปได้ยังไง?!
ใต้หล้านี้นอกจากเขาแล้ว ยังจะมีผู้ใดที่สามารถควบคุมการขยายตัวของทะเลทรายดุร้ายแห่งนี้ได้อีก?!
เขาใจลอยไปชั่วขณะ เกือบถูกไอมารที่จิตมารควบรวมขึ้นมาแทงทะลุศีรษะแล้ว!
เป็นเพราะขาหลบหลีกได้ว่องไว จึงรอดพ้นหายนะนี้ แต่หัวไหล่เขากลับหลบไม่พ้น ถูกไอมารเฉือนเนื้อส่วนหัวไหล่ออกไปชิ้นใหญ่ เจ็บจนดวงหน้าเขาซีดเผือดลงทันที!
….
————————————————————————————-