ตอนพิเศษ (2) ตอนที่ 22 ลงโทษคุกเข่า

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

เศรษฐีหวังที่กำลังเดือดดาลอยู่ในห้องพัก ไม่รู้ว่าสี่คนนั้นได้จากไปแล้ว รอจนถึงยามค่ำ ไม่เห็นพ่อลูกตระกูลหลี่ลงมากินมื้อเย็น จึงตะโกนสั่งคนให้ขึ้นไปเรียก ถึงได้รู้ว่าภายในห้องไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว เมื่อนึกถึงเรื่องที่หลี่ชุ่ยฮวาได้รับเงินแปดร้อยตำลึงขึ้นมาได้ ก็หน้าดำทะมึนทันที ทั้งยังเป็นผู้เดินไปสอบถามจั่งกุ้ยด้วยตัวเอง ถึงได้รู้ว่า หลังคนเหล่านั้นออกจากโรงเตี๊ยมไปในยามเช้า ก็ไม่ได้กลับมาอีก จึงตรงขึ้นไปชั้นบนด้วยความโมโห โดยที่ไม่ได้กินมื้อเย็น เขาถีบประตูห้องพักของหลี่ชุ่ยฮวาให้เปิดออก ถามเสียงเข้มว่า “เงินแปดร้อยตำลึงที่เจ้าได้รับมาอยู่ที่ใด” 

 

 

หลายวันมานี้ หลี่ชุ่ยฮวากินอาหารอยู่ในห้องตลอด วันนี้ก็ไม่ยกเว้นเช่นกัน นางเพิ่งจะกินอาหารที่เสี่ยวเอ้อร์ยกขึ้นมาวางไปได้แค่คำเดียว ประตูก็ถูกถีบเปิดออกอย่างแรง นางสะดุ้งตกใจ สำลักหน้าแดง พูดไม่ออกไปชั่วขณะ 

 

 

เศรษฐีหวังเดินไปถึงหน้านาง และเอ่ยถามอีกครั้งว่า “เงินแปดร้อยตำลึงนั่นอยู่ที่ใด” 

 

 

เขาสีหน้าดำทะมึน แฝงไปด้วยอารมณ์เดือดดาลที่พร้อมจะปะทุ หลี่ชุ่ยฮวาตกใจตัวสั่น พูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม 

 

 

เศรษฐีหวังยื่นมือไปบีบคอนางเอาไว้ “เจ้ามันนางแพศยา จะพูดหรือไม่ หากไม่พูด ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตาย!” 

 

 

เขาเอ่ย เพิ่มแรงบีบที่มือ หลี่ชุ่ยฮวาตาเหลือก 

 

 

นายหญิงหวังที่เดินตามขึ้นมาช้ากว่าไม่กี่ก้าว เห็นเหตุการณ์เบื้องหน้าแล้ว ก็ตกใจรีบก้าวเข้าไปห้ามปราม 

 

 

“ท่านพี่ ที่นี่คือเมืองหลวง หากว่าท่านทำคนเสียชีวิต เกรงว่าจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดีนะเจ้าคะ” 

 

 

เมื่อคำว่าเมืองหลวงสองคำนี้ลอยเข้าหู เศรษฐีหวังก็สงบลงเล็กน้อย แต่มือยังคงบีบคอหลี่ชุ่ยฮวาอยู่ “นางเป็นแค่อนุภรรยาที่ข้ารับมาส่งๆ คนหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ว่าข้าจะบีบคอนางจนตายแล้วอย่างไรเล่า จวนที่ว่าการจะสามารถทำอะไรข้าได้เช่นนั้นหรือ” 

 

 

ยามที่คำพูดเขาลอยเข้าหู หลี่ชุ่ยฮวาก็เกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เมิ่งชิงยังไม่ยอมรับนาง นางยังไม่ได้ยินชิงเอ๋อร์เรียกนางว่า “ท่านแม่” นางไม่อาจตายได้ ไม่อาจตายได้เด็ดขาด จิตใจที่มุ่งมั่นจะมีชีวิตอยู่อย่างรุนแรง ทำให้นางยื่นมือออกไปข่วนตีมือของเศรษฐีหวัง 

 

 

เศรษฐีหวังแค่โกรธจัด ถึงได้บีบคอนาง ไม่ได้คิดจะฆ่านางจริงๆ จึงอาศัยโอกาสนี้คลายมือออก 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาทรุดตัวนั่งลงกับพื้น หอบหายใจเอาอากาศเฮือกใหญ่เข้าไป 

 

 

เศรษฐีหวังไล่ต้อนด้วยท่าทางดุร้ายอีกครั้ง “แปดร้อยตำลึงนั่นไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาตัวสั่นเทิ้ม ถอยไปด้านหลังเว้นระยะห่างจากเศรษฐีหวังเล็กน้อยตามจิตใต้สำนึก และตอบเสียงสั่น “ข้า ท่านพ่อข้าเขา พวกเขาเอา เอาไปแล้ว!” 

 

 

ผลลัพธ์เป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้ เจ้าสารเลวพวกนั้นนำเอาเงินหลบหนีไปแล้วจริงๆ เศรษฐีหวังเดือดดาล ถีบหลี่ชุ่ยฮวาไปครั้งหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาของนางแล้ว ก็ตะคอกอย่างโมโห “สารเลว เจ้าพวกสารเลว! กินของข้า ดื่มของข้า ทั้งยังวางแผนคิดบัญชีกับข้า ดี ดี ดีมาก!” 

 

 

เอ่ยจบแล้ว ก็เดินออกจากห้องไปด้วยความโมโห 

 

 

นายหญิงหวังมองหลี่ชุ่ยฮวาด้วยความรังเกียจครู่หนึ่ง และสั่งสาวใช้ข้างกายตัวเองว่า “ส่งคนไปเฝ้านางอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้!” 

 

 

เมื่อเอ่ยจบแล้ว ก็เดินตามออกไปจากห้องเช่นกัน 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวายังคงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงขดร่างนอนอยู่บนพื้น 

 

 

เศรษฐีหวังที่กลับมาถึงห้อง ยังคงไม่คลายโทสะ จึงเดินไปเดินมาในห้องด้วยความโมโห 

 

 

นายหญิงหวังที่เดินตามเข้ามาทีหลัง ปลอบใจเสียงเบา “ท่านพี่ อารมณ์โมโหจะทำร้ายร่างกายนะเจ้าคะ อย่ามีโทสะอีกเลย” 

 

 

“ไม่โมโหๆ ข้าจะไม่โมโหได้อย่างไรเล่า ให้จัดการดูแลเรือนก็ดูได้ไม่ดี ซ้ำยังถูกคนหลอกให้มาเมืองหลวง เส้นทางถอยหลังเพียงเส้นเดียวนั้นไม่เหลืออีกแล้ว เจ้าพวกสารเลวตระกูลหลี่ ก็หลบหนีไปในยามนี้ เจ้าจะไม่ให้ข้าโมโหได้เช่นไร” 

 

 

เศรษฐีหวังตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห 

 

 

นายหญิงหวังเห็นเขาโมโหและก็สะดุ้งตกใจหดคอ แต่ก็ยังเอ่ยพูดอย่างระมัดระวัง “เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล้ว ท่านโมโหไปแล้วจะทำอันใดได้เจ้าคะ ไม่สู้สงบจิตสงบใจ ครุ่นคิดให้ดีว่า หลังจากนี้พวกเราจะทำเช่นไร” 

 

 

เท้าของเศรษฐีหวังยังคงไม่หยุดนิ่ง และตะคอกเสียงดังเช่นเดิม “ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไรแล้ว จะให้ข้าระบายอารมณ์ตรงนี้ต่อไปได้หรือไม่” 

 

 

นายหญิงหวังไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก 

 

 

ภายในห้องได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าที่เดินไปเดินมาของเศรษฐีหวัง 

 

 

เนิ่นนานหลังจากนั้น นายหญิงหวังก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง จึงลองเอ่ยขึ้นมา “นางหลี่ชุ่ยฮวานั่นยังอยู่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ” 

 

 

เท้าของเศรษฐีหวังหยุดนิ่ง มองไปทางนาง 

 

 

นายหญิงหวังตกใจถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า ข้าพูดอันใดผิดไปหรือเจ้าคะ” 

 

 

จู่ๆเศรษฐีหวังก็แย้มรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นประหลาดเสียจนยากแก่การคาดเดา “เจ้าพูดไม่ผิดหรอก หลี่ชุ่ยฮวายังอยู่ พวกเรายังมีโอกาสที่จะชนะ” 

 

 

นายหญิงหวังเห็นท่าทางของเขาแล้วก็ตัวสั่นระริก ก้มศีรษะลง และไม่กล้าเอ่ยพูดอะไรอีกสักประโยค 

 

 

วันที่สอง วันที่สาม ก็ยังคงไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่น ไร้อุปสรรคใดๆ และในตอนที่ทุกคนในตระกูลเมิ่งล้วนมีอาการโล่งใจ ยามเช้าในวันที่สี่ ประตูโรงเตี๊ยมเพิ่งจะเปิดออก หลี่ชุ่ยฮวาก็ถูกสาวใช้ข้างกายนายหญิงหวังสองนาง ทั้งผลัก ทั้งทุบตี ออกมาจากประตูโรงเตี๊ยม “นางแพศยานางนี้ เป็นแค่ของเล่นที่นายหญิงของพวกข้าซื้อมาให้นายท่านเล่นเท่านั้น ถึงกับกล้าทำตัวเป็นนายหญิงจริงๆ เสียนี่ วันนี้จะต้องให้เจ้าได้รู้จักกฎระเบียบเสียบ้าง” 

 

 

สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยจบ ก็ถีบนางไปเต็มฝ่าเท้า ซึ่งโดนเข้าที่ข้อพับหัวเข่าพอดี 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวากรีดร้องเจ็บปวด คุกเข่าลงกับพื้น 

 

 

ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาเห็นว่ามีเรื่องสนุกให้ดู ก็รีบล้อมวงเข้ามาทันที ชี้ไม้ชี้มือไปที่หลี่ชุ่ยฮวา พร้อมกับส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ 

 

 

สาวใช้ทั้งสองนางเห็นว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจ ก็สบตากันครู่หนึ่ง สาวใช้อีกนางก็เอ่ยเสียงดัง “คิดว่าทุกท่านล้วนทราบดีอยู่แล้วว่าพวกข้าคือใคร และก็ทราบเช่นกันว่านางคือใคร พวกข้าจะไม่ขอปิดบังแล้วกัน มิผิด คนที่ถูกลงโทษให้คุกนี้นางนี้เป็นมารดาแท้ๆ ของผู้ที่เป็นจอหงวนฝ่ายบู๊ของพวกเรา เพียงแค่ในภายหลังถูกขายให้เป็นอนุภรรยาของนายท่านของพวกข้า หลายปีมานี้ เดิมก็อยู่อย่างสงบเงียบ ไร้พฤติกรรมไม่ดีอันใด แต่นับจากที่ได้ทราบข่าวว่าบุตรชายของตัวเองได้เป็นจอหงวนฝ่ายบู๊แล้ว ก็เกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้นมา อย่างแรกก็คือ หลอกลวงนายท่านของพวกข้าให้ช่วยพานางและคนในครอบครัวของนางมาที่เมืองหลวง เพื่อมาหาบุตรชายนาง เมื่อหาบุตรชายพบแล้ว ผู้อื่นก็มิยอมรับนาง นายท่านของพวกข้าก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงินที่จ่ายให้นางว่ามีจำนวนมากน้อยเช่นไร ใครจะไปรู้ว่านาง ไม่เพียงไม่รู้จักพอ กลับอาศัยโอกาสในยามที่ปรนนิบัตินายท่าน คิดจะสวมรอยแทนที่ตำแหน่งนายหญิงของพวกข้า นายหญิงของพวกข้านั้นเป็นใครกัน นางเป็นถึงบุตรสาวตระกูลร่ำรวยที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เป็นผู้ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันกับนายท่าน ไม่ใช่ผู้ที่นางแพศยานางนี้จะเทียบชั้นด้วยได้ โชคดีที่นายท่านและนายหญิงของพวกข้ามีใจเมตตา ไม่ต้องการชีวิตของนางแพศยานางนี้ เพียงแต่ว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้นั่งรับการลงโทษคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูโรงเตี๊ยม คุกเข่าจนถึงยามที่นางรู้ความผิดของตัวเอง” 

 

 

ฝูงชนฟังจบแล้วก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกระตือรือร้นมากกว่าเดิม 

 

 

ไม่นานหลังจากนั้น เรื่องการลงโทษคุกเข่าของหลี่ชุ่ยฮวาก็ลอยเข้าหูเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเย็นชาอย่างน่าสะพรึง “เจ้าเศรษฐีหวังผู้นี้ทำให้ข้าต้องพิจารณาเขาในแง่มุมที่แตกต่างออกไปจริงๆ ยากที่จะพบคู่ต่อสู้ที่ดีขนาดนี้ ข้าจะต้องเล่นให้สนุกเสียหน่อยแล้ว” 

 

 

หลังหวงฝู่อี้เซวียนเลิกประชุม ก็ทราบข่าวนี้ สีหน้าจึงดำทะมึนในทันที สั่งโจวอันว่า “ไป นำตัวคนมา ข้าจะทักทายเขาเป็นอย่างดี” 

 

 

เขาผู้นี้คือใคร โจวอันเข้าใจดี หลังจากรับคำสั่งแล้ว ก็หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก 

 

 

“ช้าก่อน!” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตะโกนเรียกเขาให้หยุด “เจ้าเศรษฐีหวังผู้นี้สร้างปัญหาที่ยากจะจัดการให้กับพวกเรา เห็นได้ชัดว่าต้องการให้พวกเราก้มศีรษะยอมแพ้ พวกเราจะทำให้เขาผิดหวังได้เช่นไร เตรียมตัวสักหน่อย ข้าจะไปพบกับเขาด้วยตัวเอง”