เมิ่งเชี่ยนโยวมาเยือนโรงเตี๊ยมอีกครั้ง
แต่ยังไม่ทันจะถึงหน้าประตู ก็เห็นชาวบ้านมากมากล้อมอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยม เอ่ยวิพากษ์วิจารณ์อะไรกันอยู่ก่อนแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตา ออกคำสั่งกับหวงฝู่อี้ “เจ้าไปจัดการให้ชาวบ้านแยกย้ายกันไปเสีย”
หวงฝู่อี้รับคำสั่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อฝูงชนแยกย้ายแล้ว ภาพที่หลี่ชุ่ยฮวาก้มหน้าคุกเข่า ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างชัดเจน
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า เคลื่อนฝีเท้าแผ่วเบาไปยืนนิ่งอยู่หน้านาง
เสื้อผ้างดงามชั้นสูงเข้าสู่สายตา หลี่ชุ่ยฮวาเงยหน้าขึ้นอย่างเสียมิได้ เพียงแค่ครู่เดียว ก็เบิกตากว้างตกใจ สั่นไปทั่วทั้งร่าง “เมิ่ง เมิ่งเชี่ยนโยว!”
“บังอาจ พระนามของพระชายาซื่อจื่อใช่นามที่เจ้าจะเรียกได้ตามอำเภอใจหรอกหรือ”
หวงฝู่อี้เลิกคิ้ว กระแทกเสียง
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือไปห้ามเขา ก้มหน้ามองหลี่ชุ่ยฮวา แย้มรอยยิ้มน้อยๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่กลับเจือไปด้วยการบีบคั้นและจิตสังหารที่ไร้ซึ่งขอบเขต “หลี่ชุ่ยฮวา ไม่ได้พบกันนานเลยนะ!”
หลี่ชุ่ยฮวานัยน์ตาหดวูบ คล้ายกับว่าทนรับแรงกดดันนี้ไม่ไหวจวนเจียนจะหมดสติไป
เมิ่งเชี่ยนโยวจะยอมให้นางสมปรารถนาได้อย่างไร จึงเอ่ยขึ้นอีกประโยคหนึ่งทันที “ถ้าหากว่าเจ้ากล้าหมดสติไปแล้วล่ะก็ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะสั่งให้คนโยนเจ้าเข้าไปในสุสานฝังศพเพื่อเป็นอาหารสุนัข”
หลี่ชุ่ยฮวาร่างกายสั่นเทิ้ม มีสติแจ่มใสขึ้นมาในบัดดล ริมฝีปากสั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่ “เจ้า เจ้า เจ้า…”
ข้าก็ยังคงเป็นข้า ที่หลายปีมานี้ไม่เปลี่ยนไป ส่วนเจ้านั้น ดูท่า หากยังทำลายชิงเอ๋อร์ไม่ได้ก็คงจะไม่พอใจสินะ?”
หลี่ชุ่ยฮวาส่ายหน้าอย่างแรง พยายามแก้ตัว “ข้า ข้าไม่ได้…”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ฟังคำพูดไร้สาระของนางอีก หมุนตัวเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม
หลี่ชุ่ยฮวาสะอื้นออกมา
จั่งกุ้ยของโรงเตี๊ยมออกมาต้อนรับ รับรู้ได้ถึงพลังที่มีกลิ่นอายหนาวเสียดแทงกระดูกที่แผ่ออกมาจากร่างของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็มีอาการกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก ขณะที่ก้าวขึ้นไปทำความเคารพ “พระชายาซื่อจื่อ ยินดีต้อนรับสู่โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งนี้ของข้าน้อย…”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตามองไปเล็กน้อย “คำพูดไร้สาระนั่นเอ่ยให้มันน้อยหน่อย เจ้ารู้ว่าข้ามาทำอะไรที่นี่!”
ยามเช้าวันแรกที่เศรษฐีหวังทำเช่นนี้ จั่งกุ้ยก็คาดเดาได้แต่เนิ่นๆ แล้วว่าคนของจวนอ๋องฉีจะมาเยือน แต่คาดไม่ถึงเลยว่าพระชายาซื่อจื่อจะเป็นผู้มาเยือนด้วยตัวเอง เมื่อรู้สึกได้ถึงความเดือดดาลของนาง และคิดว่านางกำลังกล่าวโทษตัวเองในเรื่องนี้ ก็แอบโอดครวญอย่างคับข้องใจเงียบๆ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนหน้าผาก ขยับปาก คิดจะหาข้อแก้ตัวให้ตนเองสักหลายประโยค
“นำทาง!”
ยังไม่ทันรอให้เขาเอ่ยปาก เมิ่งเชี่ยนโยวก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ร่างกายของจั่งกุ้ยสั่นระริกตามจิตใต้สำนึก ไม่กล้าพูดไปมากกว่านี้อีกประโยคหนึ่ง โค้งตัวนำทางเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นไปยังชั้นสอง
ตอนที่รถม้าของจวนอ๋องฉีมาถึงหน้าประตูโรงเตี๊ยม เศรษฐีหวังก็รับทราบแล้ว ทั้งยังแอบยิ้มเงียบๆ ในใจก็คิดว่าแผนการนี้ของตัวเองมีประสิทธิภาพอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เห็นพระชายาซื่อจื่อมาเยือนถึงที่แล้ว แต่ยังแกล้งทำท่าทางไม่รู้เรื่อง ปิดประตูห้องสนิทโดยไม่ออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวที่มาถึงชั้นสองแล้ว เห็นบานประตูหลายห้องล้วนถูกปิดสนิท มีเพียงแค่สาวใช้และบ่าวรับใช้ไม่กี่คนเฝ้าอยู่นอกประตู
“โจวอัน!”
โจวอันก้าวขึ้นมาข้างหน้า รับคำ “กระหม่อมอยู่นี่พะยะค่ะ!”
“ไม่ทำความเคารพพระชายาซื่อจื่อควรมีโทษเช่นไร”
“ทูลตอบพระชายาซื่อจื่อ โทษสถานเบาคือโบยยี่สิบไม้ สถานหนักจัดการให้ตายในที่เกิดเหตุพะยะค่ะ!”
“ดี! จัดการได้!”
ระหว่างการถามตอบไม่กี่ประโยค เศรษฐีหวัง นายหญิงหวัง และคนอื่นที่เงี่ยหูฟังอยู่ในห้องยังไม่ทันจะเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ประตูห้องแต่ละบานก็ถูกถีบให้เปิดออกอย่างแรง เหล่าองครักษ์ลับกรูกันเข้าไป คนทั้งหมด รวมไปถึงบุตรชายและหลานชายที่รักใคร่ทะนุถนอมมากที่สุดทั้งสองคนของเศรษฐีหวังล้วนถูกองครักษ์ลับหิ้วตัวออกมาโยนลงด้านหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว
นายหญิงหวังอายุมากแล้ว ทนรับความตื่นตระหนกตกใจนี้ไม่ไหว ตาเหลือกขึ้น มองดูแล้วจวนเจียนจะหมดสติอยู่รอมร่อ
เศรษฐีหวังครุ่นคิดเตรียมการมากมาย แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะมาไม้นี้ ตอนที่คนถูกโยนลงไปบนพื้น สมองก็ยังคงสับสนมึนงงอยู่
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ด้านหน้าคนทั้งห้า แผ่รังสีบีบคั้นผู้คนออกมา “เศรษฐีหวัง ข้าดูแคลนเจ้าไปจริงๆ”
เศรษฐีหวังยังไม่ทันจะได้สติจากอาการตื่นตระหนก แหงนหน้ามองเมิ่งเชี่ยนโยวอึ้งๆ
“กล้ามองพระชายาซื่อจื่อตรงๆ ใครก็ได้มาควักลูกตาของเขาออกมาที!”
เสียงของนางเพิ่งสิ้นสุด โจวอันก็รับคำ ก้าวขึ้นมาข้างหน้า
เศรษฐีหวังตกใจขวัญหนีดีฟ่อ รีบคุกเข่าบนพื้น ร้องขอความเมตตา
คนที่เหลือก็ได้สติคืนมา ล้วนหมอบลงกับพื้น ร้องขอความเมตตาเช่นกัน
เป้าหมายในการมาเยือนก็คือสยบพวกเขาสักครา จึงเป็นธรรมดาที่เมิ่งเชี่ยนโยวไม่อาจกระทำเรื่องเช่นนี้ท่ามกลางสายตาฝูงชนได้ นางโบกมือเป็นสัญญาณให้โจวอันถอยไป ถามด้วยน้ำเสียงน่าสะพรึงกลัว “ไว้ชีวิตหรือ พวกเจ้าทำเรื่องอันใดผิด เหตุใดถึงต้องให้ข้าที่เป็นพระชายาซื่อจื่อไว้ชีวิตด้วยเล่า?”
เศรษฐีหวังเหงื่อตกทันที เขานึกว่าเพื่อชื่อเสียงของเมิ่งชิง และจวนอ๋องฉี เมิ่งเชี่ยนโยวจะไม่กล้าทำอะไรพวกเขาทั้งครอบครัว ดังนั้น เขาถึงได้มีความคิดเช่นนั้นขึ้นมา ใช้หลี่ชุ่ยฮวาเชิญเมิ่งชิงมาหาถึงที่ เพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะมาก่อน อาศัยเพียงแค่โทษของการไม่ทำความเคารพก็สามารถลงโทษพวกเขาทั้งตระกูลได้แล้ว ในตอนนี้เขาทั้งตกใจ ทั้งกลัว เหงื่อใหญ่เท่าเมล็ดถั่วผุดออกมาไม่หยุด ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเช่นไร
“ในเมื่อเศรษฐีหวังไม่พูด นั่นก็หมายความว่าตนเองไม่มีโทษแน่นอน เป็นข้าเองที่อาศัยอำนาจบาตรใหญ่ ข่มเหงผู้อื่นไปทั่ว?”
เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวที่เจือไปด้วยความหนาวเหน็บดังขึ้นเหนือศีรษะเศรษฐีหวัง
เศรษฐีหวังหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม คุกเข่าโขกศีรษะไม่หยุด “พระชายาซื่อจื่อไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย พระชายาซื่อจื่อไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย เป็นความผิดของข้าน้อย ข้าน้อยจะรีบสั่งพวกเขาไปนำตัวหลี่ชุ่ยฮวาขึ้นมาขอรับ”
สิ้นเสียง แต่ไม่ทันได้หายใจ เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้นอีกครา “สายไปแล้ว!”
เศรษฐีหวังยังไม่ทันจะรู้สึกตัว โจวอันก็โบกมือ องครักษ์ลับสองนาย คนหนึ่งหิ้วตัวหลานชายของเศรษฐีหวังขึ้นมาคนหนึ่ง
“พวกท่านจะทำอะไร”
นายหญิงหวังที่เห็นเหตุการณ์ชัดเจน ก็กรีดร้องเสียงหลง
ไม่มีใครใส่ใจนาง
ทั้งสองคนถูกคนหิ้วตัวลงไป
“เจิ้งเอ๋อร์! โจวเอ๋อร์!”
หลังนายหญิงหวังกรีดร้องออกมาเสียงหนึ่ง ก็ทนรับต่อไปไม่ไหว สองตาเหลือกขึ้น หมดสติไปในทันที
เบื้องหน้าเศรษฐีหวังมืดสนิท หลังจากร่างกายโงนเงนครู่หนึ่ง ก็ฝืนประคองสติตัวเองเอาไว้ได้ สำหรับบุตรชายและลูกสะใภ้ของเขานั้น ตกใจจนขดตัวกลายเป็นก้อนเดียวกันตั้งนานแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร หมุนตัวเดินลงไปด้านล่างเช่นกัน
โจวอันหิ้วตัวเศรษฐีหวังเดินตามอยู่ด้านหลัง
ภายในสมองของเศรษฐีหวังมีเสียงดังวิ้งๆ ปรากฏภาพการตายอย่างน่าอนาถของหลานชายทั้งสองขึ้น และหมดสติตามไปเช่นกัน
จั่งกุ้ยและเหล่าแขกที่เข้าพักในโรงเตี๊ยมล้วนตกใจจนไม่กล้าส่งเสียงดัง เมื่อครู่พวกเขายังยินดีปรีดากับช่วงเวลาชีวิตที่เหลืออยู่ ทั้งยังสามารถแอบมองพระชายาซื่อจื่อได้ครู่หนึ่ง ตอนนี้กลับแทบอยากจะให้ตัวเองไม่เคยนอนพักที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ ท่ามกลางความหวาดกลัวต่อโทสะของพระชายาซื่อจื่อ พวกเขาก็ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องบุคคลที่ก่อให้เกิดหายนะนี้ด้วย
เมื่อออกมาจากโรงเตี๊ยม หลานชายทั้งสองคนของเศรษฐีหวังถูกองครักษ์ลับโยนลงข้างๆ หลี่ชุ่ยฮวา สาวใช้สองนางที่รับผิดชอบเฝ้านางตกใจจนคุกเข่าอยู่อีกด้านหนึ่ง
โจวอันก็โยนเศรษฐีหวังลงบนพื้นเช่นกัน
ร่างกายที่เต็มไปด้วยไขมันของเศรษฐีหวังกระแทกเข้ากับพื้นดังตึง ฝูงชนรอบด้านราวกับรู้สึกได้เช่นเดียวกัน จึงหดตัวงอไปครู่หนึ่ง
สายตาคมปลาบของเมิ่งเชี่ยนโยวกวาดมองฝูงชนมากมายที่มุงดูรอบหนึ่ง กลุ่มคนก็เงียบเสียงลงทันที ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาแม้แต่น้อย
“หลายวันมานี้ข่าวเรื่องมารดาของจอหงวนฝ่ายบู๊ เมิ่งชิงถูกลือในเมืองหลวงกันหนาหูเลยทีเดียว ทุกคนล้วนอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก วันนี้ข้าก็จะไม่ปิดบัง และบอกกับพวกเจ้า!”