เมื่อสิ้นเสียงของนาง เศรษฐีหวังก็หลับตาลงอย่างสิ้นหวัง จบสิ้นแล้ว ทั้งหมดล้วนจบสิ้นเสียแล้ว ข้อห้ามร้ายแรงที่สุดของผู้ที่จะเป็นขุนนาง คือถูกผู้คนขุดคุ้ยเบื้องหลังของพวกเขาออกมา เขาชัดเจนในจุดนี้ ถึงได้พาหลี่ชุ่ยฮวาและครอบครัวตระกูลหลี่มายังเมืองหลวงโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด หากเมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คน ไพ่ตายของเขาก็ไม่เหลือแล้ว สิ่งที่เหลือมีเพียงแค่ต้องยอมให้ผู้คนจัดการและดูถูกเหยียดหยามอย่างไร้ซึ่งความสามารถในการต่อต้าน 

 

 

ฝูงชนก็เงียบกริบเช่นกัน นัยน์ตาของทุกคนล้วนมีประกายตื่นเต้นพาดผ่าน หลายวันมานี้ ภายในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือหนาหู และการคาดเดาต่างๆ นาๆ ล้วนมีทั้งนั้น แต่สรุปแล้วเรื่องเป็นมาเช่นไรกันแน่ ไม่มีใครเข้าใจชัดเจนนัก แต่ครานี้ก็ดี พระชายาซื่อจื่อเป็นผู้เอ่ยออกมาด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ต้องไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแน่นอน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดตามองกลุ่มคนที่เงียบกริบอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เร็วและไม่ช้านัก “แน่นอน ท่านอาสี่ของข้า ซึ่งเป็นบิดาของเมิ่งชิง…” 

 

 

สีหน้าของหลี่ชุ่ยฮวาซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ ตามเสียงเอ่ยพูดของนาง ร่างกายก็ทรุดลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง 

 

 

สายตาของฝูงชนกลับไม่ปล่อยนางไป บางคราดูถูก บางคราแสดงออกถึงความรังเกียจ ตามการเล่าเรื่องของเมิ่งเชี่ยนโยว และสุดท้ายก็กลายเป็นความเหยียดหยาม อย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า หลี่ชุ่ยฮวาจะเป็นคนเช่นนี้ 

 

 

น้ำเสียงดังกังวานของเมิ่งเชี่ยนโยวสะท้อนอยู่ข้างหูฝูงชน “ท่านอาสี่ของข้า หย่ากับนางภายใต้ความเดือดดาล กล่าวชัดเจนต่อหน้าฝูงชนว่า หลังจากนี้เป็นต้นไป นางและตระกูลของพวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องใดกันอีก สำหรับชิงเอ๋อร์นั้น ก็จะไม่ยอมรับมารดาอย่างนางผู้นี้เช่นกัน ดังนั้น สิบกว่าปีในภายหลัง คนตระกูลเมิ่งของพวกข้าก็ไม่ได้พบนางอีก” 

 

 

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ฝูงชนพยักหน้า แววตาที่มองไปทางหลี่ชุ่ยฮวาคล้ายกับใบมีดอย่างไรอย่างนั้น สตรีที่ไม่ประพฤติตัวตามคุณธรรมเช่นนี้ แม้ว่าจะถูกลงโทษด้วยการสับเป็นหมื่นคราก็ยังไม่ถือว่ามากเกินไป 

 

 

แม้ว่าจะหลับตาอยู่ หลี่ชุ่ยฮวาก็รู้สึกได้ถึงสายตาของชาวบ้าน คิดถึงคำพูดที่เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยขึ้นในวันนี้แล้ว ไม่แน่ว่าเมิ่งชิงจะไม่ยอมรับตัวนางไปตลอดชีวิต เพลิงโทสะก็ผุดขึ้นในใจ ลืมตาขึ้นทันที กรีดร้องเสียงแหลมออกมาว่า “เมิ่งเชี่ยนโยว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเจ้าที่ทำให้มันเกิด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะตกอยู่ในสภาพอย่างเช่นวันนี้หรือ เสียวเถี่ยจะตายหรือ ชิงเอ๋อร์จะไม่มีบิดามารดามาหลายปีเช่นนี้หรือ” 

 

 

ฝูงชนเงียบเสียงลงอีกครั้ง ทุกคนล้วนมองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยวโดยมิได้นัดหมาย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มน้อยๆ ไม่มีแม้กระทั่งความลนลานบนใบหน้า ก้าวขึ้นไปหนึ่งก้าว และก้มหน้ามองหลี่ชุ่ยฮวา “เจ้าไม่กตัญญูต่อผู้ชรา แอบซ่อนเงินเลี้ยงดูยามแก่เฒ่าที่ท่านอาสี่มอบให้พวกท่านเอาไว้โดยไม่ให้รู้ เจ้าไม่ดูแลท่านอาสี่ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก อาศัยช่วงที่ท่านบาดเจ็บหนักไปมีความสัมพันธ์ฉาบฉวยกับผู้อื่น ล้วนเป็นข้าที่ก่อให้เกิดเช่นนั้นหรือ” 

 

 

เรื่องราวดำเนินมาจนถึงวันนี้ หลี่ชุ่ยฮวาที่ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน ก็ทุ่มสุดตัวเช่นกัน กระโดดลุกขึ้นยืน โวยวายใส่นาง “ล้วนเป็นเจ้าที่ก่อให้เกิดทั้งนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าตัดเส้นเอ็นที่เท้าของเสียวเถี่ย ข้าจะสามารถกระทำเรื่องที่ไม่อาจหวนกลับได้หรือ” 

 

 

เงียบ! 

 

 

เงียบจริงๆ! 

 

 

เงียบเสียจนหน้าประตูโรงเตี๊ยมบานใหญ่ไม่อาจได้ยินเสียงลมหายใจแม้แต่น้อย 

 

 

ฝูงชนที่มามุงดูแทบจะอยากให้ตัวเองไม่ได้มาที่นี่ สวรรค์ พวกเขาได้ยินเรื่องอะไรกัน ไม่ๆๆ พวกเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เมื่อครู่หูของตัวเองหนวกไปชั่วครู่ จึงไม่ได้ยินอะไรเลยจริงๆ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพรืด ตอนที่กำลังจะเอ่ยพูด เสียงของเมิ่งชิงก็ลอยมาอย่างไม่ทันได้คาดคิด 

 

 

“ท่านแม่ ท่านกำลังพูดอะไรน่ะ” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาแหงนหน้า มองไปยังเมิ่งชิงที่ก้าวเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า และโผเข้าไป “ชิงเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์ เจ้ามาได้พอดี แม่จะเล่าให้เจ้าฟัง…” เอ่ยถึงตรงนี้ ก็หันหน้ากลับไปชี้ที่เมิ่งเชี่ยนโยว ตามด้วยน้ำเสียงแหลมสูง “เป็นนาง เป็นนางที่ตัดเส้นเอ็นที่เท้าของพ่อเจ้า ตัดเส้นทางในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของพ่อเจ้า ทำร้ายครอบครัวพวกเราให้ต้องแยกจากกัน ทำร้ายเจ้าให้ไม่มีบิดามารดาเลี้ยงดู” 

 

 

เมิ่งชิงเหลือบตาขึ้นมองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยว สบนัยน์ตานาง “ท่านพี่ ท่านแม่ข้า…พูดความจริงหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย “เจ้าถามเรื่องไหนหรือ” 

 

 

เมื่อเห็นสีหน้าของนาง คำพูดที่เมิ่งชิงต้องการสอบถามก็ติดอยู่ที่ลำคอ ผ่านไปเนิ่นนาน ก็พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถามขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย “เส้นเอ็นที่เท้าของท่านพ่อข้า…” 

 

 

“เป็นข้าที่ตัดเอง!” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน 

 

 

ซู้ด! 

 

 

ชาวบ้านที่มุงดูอยู่รอบด้านสูดลมหายใจดัง ก้มศีรษะต่ำลงกว่าเดิม 

 

 

เมิ่งชิงคล้ายกับว่ายอมรับความสะเทือนใจเช่นนี้ไม่ไหว จึงกุมเข้าที่หน้าอก แต่ยังคงฝืนถามต่อไป “เพราะ เพราะอะไร” 

 

 

“เพราะว่าในตอนนั้นเขาสมควรโดน!” 

 

 

ร่างกายเมิ่งชิงโงนเงนเล็กน้อย สีหน้าทุกข์ทรมาน นัยน์ตาแดงก่ำขึ้นมาในชั่วพริบตา “ดังนั้น ความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับตลอดหลายปีมานี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะท่านหรือ ท่านให้ท่านลุงรองกับท่านป้าสะใภ้รองรับเลี้ยงข้าก็เพื่อชดเชย และท่านพ่อของข้าตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะติดตามท่าน จนสุดท้ายก็ไม่ได้…ตายดีเช่นนั้นหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาลง มองไปทางเขาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เนิ่นนานถึงได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้าคิดเช่นนี้หรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเขามาก่อน เมิ่งชิงใจสั่น แต่ก็ยังคงฝืนมองจ้องมองนาง “ท่านพี่ ท่านพูด ของเพียงแค่ท่านพูด ข้าล้วนเชื่อท่าน!” 

 

 

“ชิงเอ๋อร์!” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาตะโกนใส่เขา เขย่าแขนเขาไปมา “ชิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าไปฟังนางพูดไร้สาระ เอ็นที่เท้าของท่านพ่อเจ้าก็เป็นนางที่ตัด! จริงแท้แน่นอน แม่ไม่ได้โกหก!” 

 

 

เมิ่งชิงไม่ได้สะบัดนางออก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองอย่างเฉยชาครู่หนึ่ง และถอนสายตากลับมา มองไปทางเมิ่งชิง ตอบอย่างไม่หลีกเลี่ยงว่า “ใช่ นางไม่ได้โกหก ข้าเป็นผู้ตัดเอ็นที่เท้าของท่านอาสี่ อย่างไรเล่า เจ้าจะแก้แค้นหรือไม่” 

 

 

“ข้า…” 

 

 

เมิ่งชิงมีสีหน้าโศกเศร้า เอ่ยพูดอะไรไม่ออก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองฝูงชนรอบด้านครู่หนึ่ง ถามไล่ต้อนอีกประโยค “อยากแก้แค้นหรือไม่” 

 

 

“ท่านอย่าบีบบังคับข้า!” 

 

 

เมิ่งชิงสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของหลี่ชุ่ยฮวา ตะคอกใส่เมิ่งเชี่ยนโยว นัยน์ตามีหยาดน้ำตาเอ่อคลออย่างเลือนราง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวขึ้นไปข้างหน้า ใกล้เขามากกว่าเดิมเล็กน้อย น้ำเสียงลอยเข้ามาในหูของเมิ่งชิงกังวานชัดกว่าเดิม “ลูกผู้ชายอกสามศอก วีรบุรุษผู้กล้า แบ่งแยกบุญคุณความแค้นอย่างชัดเจน นี่คือสิ่งที่ข้าสอนเจ้า และก็หวังว่าเจ้าจะสามารถทำได้ ถ้าหากว่าเจ้าอยากจะแก้แค้นข้า ข้าก็ไม่มีคำพูดแค้นเคืองใดๆ แต่ถ้าหากว่าเจ้าจะพาสตรีนางนี้เข้ามาในตระกูลเมิ่งแล้วล่ะก็ ข้าไม่อนุญาต!” 

 

 

เมิ่งชิงปิดตาลง และในตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาก็ปรากฏความแค้นขึ้นมา “นางเป็นมารดาของข้า ข้าจะเลี้ยงดูนางยามแก่เฒ่าก็เป็นสัจธรรมอันถูกต้องที่มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าใครก็ขัดขวางข้าไม่ได้เช่นกัน อย่างเลวร้ายที่สุด ข้าก็แค่ย้ายออกจากตระกูลเมิ่ง และไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับพวกท่านอีก!” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มออกมากะทันหัน รอยยิ้มบางๆ นั้น แฝงไปด้วยความเย็นชา “ดี ดีมาก! จอหงวนฝ่ายบู๊สามารถมีพลังเช่นนี้ได้ ข้า เมิ่งเชี่ยนโยวขอนับถือ หวังว่าภายภาคหน้าเจ้าจะไม่เสียใจในภายหลัง!” 

 

 

เอ่ยจบ ก็หมุนกายเดินไปทางรถม้าอย่างไร้ซึ่งความลังเล 

 

 

เมิ่งชิงตื่นตระหนกขึ้นมากะทันหัน ยกเท้าจะก้าวตามไปตามจิตใต้สำนึก แต่ก็ฝืนอดกลั้นเอาไว้ หลายปีมานี้ แม้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะดีต่อเขามากเพียงใด แต่ก็ชดเชยความจริงที่ว่านางทำลายทั้งครอบครัวของเขาไม่ได้ 

 

 

หน้าประตูโรงเตี๊ยมเงียบสงัดยิ่งกว่าเดิม ต่อให้เหล่าชาวบ้านที่มุงดูอยู่ฝันก็ไม่มีทางคิดได้ว่า เป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นชั่วขณะ กลับได้ฟังความลับยิ่งใหญ่ที่น่าตกตะลึงติดต่อกันเช่นนี้ คนตระกูลเมิ่งที่มีความรักใคร่ปรองดองกันในตำนาน ความจริงแล้วกลับสกปรกไม่น่ามอง มีความลับที่ผู้คนไม่รับรู้มากมายขนาดนี้ 

 

 

หวงฝู่อี้ที่รู้สึกได้อย่างเลือนรางเล็กน้อย ก็หันกลับมามองเมิ่งชิงครู่หนึ่ง ถอนหายใจเงียบๆ ก้าวเท้าเดินตามไปอย่างรวดเร็ว