เหล่าองครักษ์และนักฆ่าหายตัวในพริบตา เพราะตงหลิงหวงใส่พวกเขาไว้ในแหวนเก้ามังกร ส่วนม่านพลังกระบี่ซิวเสวียน นางเป็นคนสร้างขึ้น หากคิดจะเข้าออกย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย
ตงหลิงหวงออกมาจากม่านพลัง ก่อนจะส่งนักฆ่าและองครักษ์ที่อยู่ในแหวนเก้ามังกรออกมา จากนั้นจึงควบคุมม่านพลังอยู่ด้านนอก
กูสือซานกับหลานอวี่วางยาพิษภายในม่านพลัง เดิมที พวกเขาต้องการจัดการกับตงหลิงหวงและคนอื่นๆ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นการทำร้ายตนเอง
อากาศภายในม่านพลังปนเปื้อนพิษทั้งหมด ทว่าพวกเขาไม่สามารถออกจากม่านพลังได้ หากพวกเขาต้องการรอดชีวิต กูสือซาน หลานอวี่ และคนอื่นๆ ต้องถอนพิษในม่านพลังโดยเร็วที่สุด
นอกจากนั้น กูสือซาน หลานอวี่ และเยี่ยเซิน ทั้งสามคนได้รับพิษ พวกเขาต้องถอนพิษให้เร็วที่สุด ตอนนี้ทั้งสามไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น
ดวงตาของตงหลิงหวงปรากฏความเย็นชา นางถอยหลังหนึ่งก้าว ก่อนจะชูกระบี่ยาวในมือและเหาะขึ้นไปกลางอากาศอย่างเชื่องช้า
ขณะที่เหาะขึ้นไปสูงถึงระดับหนึ่ง นางจึงพลิกข้อมือ กระบี่ยาวในมือของนางพลันแยกออกเป็นกระบี่ยาวหลายพันเล่ม
ตงหลิงหวงผนึกพลังเทพซิวเสวียนกับกระบี่ยาวเหล่านั้น พวกมันส่องประกายทั่วท้องฟ้าและเล็งเป้าไปที่กูสือซาน หลานอวี่ และเยี่ยเซินที่อยู่ภายในม่านพลัง
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ทั้งสามคนจึงตกตะลึงอย่างมาก
โดยเฉพาะกูสือซาน เขาไม่สนใจว่าตนเองกำลังถอนพิษ หากเขาเคลื่อนไหวร่างกายโดยพลการ พิษที่เหลืออาจสะท้อนกลับได้ตลอดเวลา และผลที่ตามมาย่อมทวีความรุนแรง กูสือซานรีบยืนขึ้นทันที และพูดกับตงหลิงหวงที่ลอยอยู่เหนือม่านพลังราวกับเทพเจ้าว่า “เจ้า… เจ้าต้องการทำอันใด? ”
หลานอวี่ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน “รัชทายาทตงเฉิน อย่า อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม พวกเราคุยกันดีๆ ก็ได้”
พวกเขาบุกเข้ามาในเมืองหลวงแคว้นตงเฉิน มีอันใดต้องหารือกันอีก ตงหลิงหวงไม่สนใจกูสือซาน หลานอวี่ และเยี่ยเซินอยู่แล้ว
นางควบคุมกระบี่ยาวหลายพันเล่มรอบตัว ก่อนจะพุ่งโจมตีกูสือซาน หลานอวี่ และเยี่ยเซิน
แม้ทักษะพิษของกูสือซานและหลานอวี่จะร้ายกาจ ทว่าวรยุทธ์ของพวกเขาไม่ได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น ต่อให้มีเยี่ยเซินอีกคนก็ไม่มีประโยชน์อันใดมากนัก
เมื่อเห็นกระบี่ยาวเหล่านั้นพุ่งมาราวกับห่าฝนและทะลุผ่านเข้ามาภายในม่านพลัง พวกเขาไม่มีทางหลบเลี่ยงได้เลย คงต้องถูกกระบี่แทงราวกับเม่น มิหนำซ้ำ ร่างกายคงแหลกละเอียดเหมือนเนื้อสับอีกด้วย หลานอวี่รีบวิ่งเข้ามากอดกูสือซานเพื่อปกป้องเขา
กูสือซานถอยหลังหลายก้าว พลางเหลือบมองหลานอวี่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นจึงมองไปที่กระบี่ยาวเหล่านั้น ซึ่งพวกเขาไม่อาจต้านทานและไม่มีพลังต่อต้าน
เมื่อเห็นปลายกระบี่นับพันด้ามเปลี่ยนจากเล็กเป็นใหญ่ขึ้น ในวินาทีต่อมา พวกเขาคงต้องถูกแทงจนร่างพรุนเป็นแน่ กูสือซานหลับตาและหมุนตัวโอบกอดหลานอวี่ไว้ในอ้อมกอดแน่น
ทว่าหลังผ่านไปครู่หนึ่ง ความเจ็บปวดและความตายที่พวกเขารอคอยกลับมาไม่ถึง
หลานอวี่และกูสือซานกะพริบตาเล็กน้อย จากนั้นจึงลืมตาขึ้น
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า พวกเขาต่างตกตะลึง
กระบี่ยาวที่กำลังพุ่งทะลุม่านพลังและแทงมาที่พวกเขาหายไปทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้น แม้กระทั่งม่านพลังที่ปกคลุมไปด้วยหมอกพิษและแมลงปอพิษก็หายไป
แสงจันทร์ส่องสว่าง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ ยามค่ำคืนกลับมาสดใสอีกครั้ง
ตงหลิงหวงราวกับถูกพลังแข็งแกร่งโต้กลับ นางเก็บกระบี่ยาวกลับมาอย่างสับสน ก่อนจะพลิกตัวตีลังกาสองสามตลบกลางอากาศ และเหาะลงบนชายคาที่อยู่ตรงข้ามอย่างมั่นคง
นี่มัน… เกิดอันใดขึ้นกันแน่?
ภายใต้ความสงสัยของกูสือซาน หลานอวี่ และเยี่ยเซิน ‘ก้าก’ เสียงนกกระเรียนดังขึ้นมาจากระยะไกล
แม้เสียงนี้จะห่างไกลออกไปเล็กน้อย ทว่ากูสือซาน หลานอวี่ เยี่ยเซิน และตงหลิงหวงต่างคุ้นเคยกับเสียงนี้ พวกเขาหันไปมองตามทิศทางของเสียง
เป็นจริงดั่งคาด ภายใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส คนผู้หนึ่งสวมชุดสีขาวที่ไร้ซึ่งคราบฝุ่น เท้าเหยียบอยู่บนนกกระเรียน
จิ่วหรง…
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ขณะที่กูสือซานและหลานอวี่เห็นจิ่วหรง ใบหน้าของพวกเขาพลันตกตะลึง จากนั้นกูสือซานจึงแย้มยิ้มอย่างลำพองใจให้กับตงหลิงหวง
“ก้าก… ”
กระเรียนขาวเหาะลงบนพื้นและร้องออกมาเสียงดัง พร้อมทั้งกระพือปีกกว้างทั้งสองข้างของมัน ลมหนาวพัดอย่างรุนแรง องครักษ์และนักฆ่าที่อยู่โดยรอบอดถอยไปหนึ่งก้าวไม่ได้
เนื่องจากนกกระเรียนขาวที่จิ่วหรงนั่งมา ร่อนลงเคียงข้างกูสือซาน หลานอวี่ และเยี่ยเซิน ทำให้องครักษ์และนักฆ่าทุกคนเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น มือกุมกระบี่และมองไปที่จิ่วหรงด้วยความตื่นตัว
การเคลื่อนไหวของจิ่งหรงสง่างาม เขาถือขลุ่ยยาวในมือ ดั่งเทพเซียนจากสรวงสวรรค์ ก่อนจะลงจากหลังของนกกระเรียนขาวและเหลือบมองกูสือซาน หลานอวี่ และเยี่ยเซินด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นจึงมองไปทางตงหลิงหวงที่อยู่บนชายคา
จิ่วหรงกุมมือคำนับตงหลิงหวง “องค์รัชทายาทตงเฉิน! ”
แม้ตงหลิงหวงจะเคยพบจิ่วหรงที่งานแข่งขันซิ่งหลินในแคว้นหนานหลี ทว่านางไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้พบจิ่วหรงอีกครั้ง มิหนำซ้ำยังอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
ต้องทราบว่า จิ่วหรงไม่ใช่คนที่ผู้ใดจะพบได้ง่ายๆ แม้ตงหลิงหวงจะเคยเป็นศิษย์ของสำนักแพทย์เทียนอี และเคยเรียนวิชาแพทย์ที่สำนักแพทย์เทียนอี ทว่านางไม่เคยพบจิ่วหรงเลยสักครั้ง แม้แต่โอกาสได้เห็นแผ่นหลังของเขาจากระยะไกลก็ตาม
ตงหลิงหวงตกตะลึงเล็กน้อย ทว่าหลังผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงตั้งสติและเหาะลงมาจากชายคา
นางโค้งคำนับจิ่วหรงด้วยความเคารพ และพูดว่า “ตงหลิงหวง ศิษย์รุ่นที่สี่สิบสาม สาขาหลิงเจี้ยนเฟิงสำนักแพทย์เทียนอี คำนับเจ้าสำนัก”
จิ่วหรงไม่พูดและยกมือขึ้นเล็กน้อย ถือได้ว่าตอบรับการคำนับจากตงหลิงหวงตามมารยาท ตงหลิงหวงจึงเงยหน้าขึ้นและยืนตัวตรง
เวลานี้ ตงหลิงหวงไม่เหมือนเมื่อครู่ที่ทั้งตกใจและตกตะลึง นางเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้อย่างชัดแจ้ง
ขณะที่จิ่วหรงปรากฏตัว เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุด นั่นคือตอนที่นางต้องการสังหารกูสือซาน หลานอวี่ และเยี่ยเซินด้วยกระบี่นับพันเล่มในครั้งเดียว
จิ่วหรงไม่เพียงขวางกระบี่ของนางเท่านั้น แม้แต่ม่านพลังของนางยังแตกออกอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่า จิ่วหรงมาครั้งนี้เพื่อช่วยกูสือซาน หลานอวี่และเยี่ยเซิน
แม้นางจะยังเป็นศิษย์ของสำนักแพทย์เทียนอี ทว่าตอนนี้อยู่ในแคว้นตงเฉิน สถานการณ์ซับซ้อนอย่างมาก
ตงหลิงหวงทำได้เพียงระงับความสงสัยมากมายไว้ภายในใจ ก่อนจะเหลือบมองกูสือซาน หลานอวี่ และเยี่ยเซินที่อยู่ด้านหลังจิ่วหรง และพูดกับจิ่วหรงว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายจิ่วมาเยือนถึงแคว้นตงเฉิน มีเรื่องสำคัญอันใด? ”
แม้จะเป็นศิษย์ของสำนักแพทย์เทียนอี ทว่าทุกคนมักเรียกจิ่วหรงด้วยความเคารพจนเคยชินว่า ‘คุณชายจิ่ว’
ดวงตาที่งดงามไม่มีใครเทียบได้ของจิ่วหรงมองทอดยาว “วันนี้ราชครูและประมุขหลานเข้ามารุกรานแคว้นของท่าน ซึ่งเป็นความผิดของพวกเขา อีกทั้งยังทำร้ายชาวบ้านในแคว้นท่านจำนวนมาก พวกเขาสมควรตาย ทว่าในอดีต ประมุขหลานเคยช่วยชีวิตข้า รัชทายาทตงหลิงเห็นแก่หน้าของข้า วันนี้ปล่อยพวกเขาไปสักครั้งได้หรือไม่? ”
หลานอวี่เคยช่วยชีวิตจิ่วหรงหรือ?
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วแน่น
จิ่วหรงเป็นคนเช่นไร?
ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้ว่าจิตใจของเขาลึกซึ้งมากเพียงใด ในโลกนี้ยังมีผู้ใดที่สามารถทำร้ายเขาได้อีก มิหนำซ้ำ ตอนที่เขาตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตและต้องการใครสักคนมาช่วย คนผู้นั้นกลับเป็นหลานอวี่ที่มีวรยุทธ์พื้นๆ รู้จักเพียงการใช้พิษ นางช่วยชีวิตเขา?
หรือว่าจิ่วหรงเคยถูกพิษที่ร้ายกาจที่สุด?
ไม่ถูกต้อง!
ทักษะทางการแพทย์ของจิ่วหรงไม่มีผู้ใดเทียบได้ เดิมที หมอพิษเป็นแขนงเดียวกัน พิษชนิดใดที่เขาถอนไม่ได้ ถึงจำเป็นต้องให้หลานอวี่ถอนพิษให้?
ในชั่วพริบตา ภายในใจของตงหลิงหวงก็ครุ่นคิดไปหลายตลบ ทั้งยังครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน
ทว่าตงหลิงหวงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ฮั่วซืออวี่ที่ยืนอยู่ในระยะไกลก็เดินเข้ามา
“คุณชายจิ่ว พวกเราพบกันอีกแล้ว! ”
ฮั่วซืออวี่พบจิ่วหรงหลายครั้ง ตอนนั้น จิ่วหรงนั่งตรวจโรคอยู่ที่หอโอสถสกุลซู ทว่าจิ่วหรงไม่เคยสนใจฮั่วซืออวี่เลย
ดังนั้น สีหน้าของจิ่วหรงจึงเฉยชากับคำทักทายที่กระตือรือร้นของฮั่วซืออวี่ และไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด
ทว่าฮั่วซืออวี่ไม่สนใจ สาเหตุที่เขาเดินเข้ามาทักทาย ไม่ใช่เพื่อตีสนิทกับจิ่วหรง
“หากข้าจำไม่ผิด ตอนที่กูสือซานและหลานอวี่บุกแคว้นจงหนิง พวกเขาก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของพระชายาโยวอ๋องเช่นกัน และคุณชายจิ่วก็ปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาวิกฤติเพื่อช่วยชีวิตพวกเขา
ตอนนั้น ท่านก็พูดว่าประมุขหลานเคยมีบุญคุณกับท่าน และขอให้พระชายาโยวอ๋องเห็นแก่หน้าของท่านเหมือนดั่งตอนนี้
สถานการณ์วันนี้กับวันนั้นเหมือนกัน สิ่งที่คุณชายจิ่วพูด ดูจะไม่ต่างจากวันนั้นเลย
ข้าน้อยอยากรู้ยิ่งนัก คุณชายผู้สูงศักดิ์ดุจดั่งเทพเซียน บุญคุณนั้นเป็นแบบใดกันแน่ จึงทำให้คุณชายต้องออกหน้าถึงสองครั้งเพื่อช่วยชีวิตพวกเขา
ข้าน้อยเกรงว่าคงไม่ใช่บุญคุณกระมัง?
หากเป็นเพียงบุญคุณจริงๆ ด้วยสถานะของคุณชายจิ่ว การออกหน้าช่วยชีวิตพวกเขาในแคว้นจงหนิงครั้งนั้น ก็ควรจะจบสิ้นกันแล้ว”