บทที่ 3045 ปัจฉิมบท 10
ฉากนี้วุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
โชคดีที่เจ้าหอยยักษ์เป็นตัวปากไวตัวหนึ่ง มาถึงได้ไม่กี่นาที ก็พูดเป็นต่อยหอยเล่าทุกอย่างจนกระจ่าง
ที่แท้ยามค่ายกลใหญ่ด้านนอกเสียการควบคุม เจ้าหอยยักษ์ที่ชมเรื่องครึกครื้นอยู่ห่างๆ ก็เขยิบเข้าใกล้อีกเล็กน้อย ผลคือถูกแรงดึงดูดมหาศาลของทะเลทรายกวาดม้วนเข้ามา!
แรงดึงดูดนั้นสามารถกวาดม้วนทุกคนหรือสัตว์ให้แหลกละเอียดได้ ระหว่างที่เจ้าหอยยักษ์ถูกดูดเข้าไปในวังวนก็ค้ำยันเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน ประเหมาะบังเอิญไปพบกับหลงซือเย่กับฮวาเหยียนที่ถูกกวาดม้วนเข้ามาในวังวนด้วยพอดี
ฮวาเหยียนกับหลงซือเย่ร่วมมือกันฝืนกางเขตแดนหนึ่งขึ้นมา จากนั้นคนและสัตว์กลุ่มนี้จึงพอจะป้องกันตัวเองอย่างขอไปทีได้ ทว่าหนีออกไปจากวังวนนั้นไม่ได้…
พวกเขาเบิกตามองคนอื่นๆ รอบข้างที่ถูกดูดกลืนเข้ามาสลายเป็นฝุ่นผงหายไปในชั่วพริบตา กลิ้งอยู่ท่ามกลางพายุหมุนได้ไม่ถึงครึ่งนาที เขตแดนของคนทั้งสองก็ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตเมื่อเห็นว่ากำลังจะพังทลาย มังกรประทีปตัวหนึ่งก็มุดเข้ามาภายในพายุหมุน…
มังกรประทีปตัวนี้ใช้ร่างกายของตัวเองปกป้องเขตแดนนี้เอาไว้ทันที หมุนกลิ้งอยู่ด้านในอย่างต่อเนื่องไปด้วยกัน…
ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะร่วงลงสู่ทะเลทรายได้ มังกรประทีปก็เหนื่อยล้ายิ่งจนลุกไม่ขึ้นแล้ว
หลงซือเย่กับฮวาเหยียนก็เหน็ดเหนื่อยจนมือสั่นแข้งขาอ่อนยวบ ทำอะไรไม่ได้แล้ว
และสายลมที่พัดโหมในทะเลทรายก็ดุจคมมีด พายุทรายดั่งกระสุน พัดกระแทกร่างกายของทุกคน ทำให้ทุกคนทนรับไม่ไหว เพียงแต่ที่นี่โล่งเตียนราบเรียบไม่มีที่ให้หลบซ่อนเลย เจ้าหอยยักษ์จึงให้คนและสัตว์ทั้งหมดเข้ามาอยู่ในเปลือกหอยของตัวเอง จากนั้นก็ใช้วิชาดำดิน…
นี่คือเหตุผลที่คนและสัตว์กลุ่มนี้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน
ด้านนอกเขตแดนเสียงคำรามของวิญญาณอาฆาตดุจคลื่นสมุทร ทำให้หนังศีรษะคนชาหนึบ
บรรยากาศภายในเขตแดนแปลกประหลาดยิ่ง
หลงซือเย่ เจ้าหอยยักษ์ ลู่อู๋ ตั้งท่าระแวดระวังชิงชังฟั่นเชียนซื่อ
ส่วนฮวาเหยียนกับมังกรประทีปดำกลับอยู่ใกล้ๆ ฟั่นเชียนซื่อ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนและสัตว์ของเขา
ฟั่นเชียนซื่อกลับขมวดคิ้วแน่น มองฮวาเหยียนอย่างไม่สบอารมณ์ยิ่ง “สารเลว ใครให้เจ้าเข้ามา? เปิ่นจุนบอกไปแล้วมิใช่หรือว่าให้เจ้าเดินไปตามเส้นทางของตนเสีย ทางใครทางมัน ห้ามเจ้ากลับมาหาเปิ่นจุนอีกมิใช่หรือ?!”
ฮวาเหยียนหลุบตาไม่กล่าววาจา
ฟั่นเชียนซื่อมองหลงซือเย่แวบหนึ่ง สายตาของหลงซือเย่จับอยู่ที่ร่างฮวาเหยียน ใบหน้าหล่อเหลาเขียวคล้ำ!
หลงซือเย่เฉลียวฉลาดเป็นที่สุด มองจากท่าทางของฟั่นเชียนซื่อกับฮวาเหยียน ก็คาดเดาถึงฐานะของฮวาเหยียนได้แล้ว เอ่ยเสียงเข้ม “เจ้าคืออูอู๋เหยียน!”
ฮวาเหยียนก็ไม่ปฏิเสธ “ใช่!”
หลงซือเย่ไม่ได้เอ่ยวาจาอีก และไม่ได้เอ่ยคำถามจำพวกว่า ‘เป็นเขาส่งเจ้ามาสินะ พวกเจ้าวางแผนอันใดต่อข้าอีก’ ที่ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่ได้รับคำตอบออกมา เขาเพียงสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง มองฮวาเหยียนอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง
ฟั่นเชียนซื่อขมวดคิ้ว สายตาเฉียบคมมองไปที่หลงซือเย่ “เด็กเวรอย่างเจ้าคิดไปถึงไหนอีกแล้ว? อูอู๋เหยียนไปอยู่ข้างกายเจ้าเพียงเพราะชอบเจ้าเท่านั้น มิใช่เปิ่นจุนเป็นผู้ส่งไป!”
หลงซือเย่จ้องเขาแวบหนึ่ง หัวเราะหยันคราหนึ่ง ไม่เอ่ยวาจา
ชัดเจนยิ่งนัก ไม่เชื่อเลยสักนิด
ความรู้สึกที่เขามีต่อหลงซือเย่ความจริงแล้วซับซ้อนนัก
ตอนที่ฟั่นเชียนซื่ออวตารเป็นหลงฟั่นได้ใช้เซลล์ในร่างกายโคลนนิ่งเขาขึ้นมา ซ้ำยังสวมบทบาทเป็นพ่อของเขาอยู่หลายปี ช่วงที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองคือร่างโคลนนิ่ง หลงนึกว่าหลงฟั่นเป็นพ่อแท้ๆ ของตัวเอง เพียงรู้สึกว่าพ่อคนนี้ไม่สนิทชิดใกล้กับเขาเลย อบรมฝึกฝนสิ่งต่างๆ ให้เขาอย่างเย็นชา…เพียงแต่ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าเป็นเขาที่ถ่ายทอดสอนสั่งทักษะให้เขา ไม่ว่าจะเป็นวิชาแพทย์หรือวรยุทธ์ล้วนสืบทอดมาจากหลงฟั่น…
ต่อมาหลงซือเย่กลับชาติมาเกิดใหม่ เท่ากับได้เปลี่ยนถ่ายสังขารแล้ว ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เขาไม่ใช่ร่างโคลนนิ่งของหลงฟั่นอีกต่อไป เขาคือคนที่มีพ่อแม่ให้กำเนิดเลี้ยงดู แต่รูปร่างหน้าตาของเขากลับไม่ต่างไปจากชาติก่อนเลย ทำให้เขาแทบนึกสงสัยแล้วว่าบนร่างตนยังแฝงยีนส์ของหลงฟั่นเอาไว้…
ภายหลังที่ทวีปซิงเยวี่ย หลงฟั่นได้วางแผนปองร้ายตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่ว ใช้เขาเป็นตัวหมากหยิบโยนเข้าไป แทบจะคร่าชีวิตของเขาแล้ว…
————————————————————————————-
บทที่ 3046 ปัจฉิมบท 11
ทำให้หลงซือเย่ชิงชังเขาเป็นที่สุด เพียงแต่ในความชิงชังนี้ก็ผสมผสานด้วยความคั่งแค้นที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกด้วย
หากว่าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากพบเจอคนผู้นี้อีกไปชั่วชีวิต
กลับคาดไม่ถึงเลยว่าจนถึงตอนนี้คนผู้นี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไป ยังส่งอูอู๋เหยียนมาเป็นสายลับข้างกายเขา…
เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว สรุปแล้วบนตัวเขาหลงซือเย่ยังเหลืออะไรที่ฟั่นเชียนซื่อต้องการมุ่งมาดวางแผนอีก?!
หลงซือเย่เพิ่งเข้ามา ตอนนี้ยังคงสับสนงงงวยกับทุกอย่างในทะเลทรายอยู่ วิญญาณอาฆาตที่ร้องคำรามอยู่ด้านนอกทำให้เขาตกใจ ในสถานการณ์เช่นนี้อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวเหล่านั้นของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่สลักสำคัญเลย…
เขากวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่ง ม่านตาพลันหดตัวนิดๆ
ในช่องว่างระหว่างวิญญาณอาฆาตที่ร้องคำรามเบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่ เขามองเห็นตี้ฝูอีอยู่ไม่ไกลออกไป และมองเห็น ‘กู้ซีจิ่ว’ ที่กลายเป็นมารด้วย
ตี้ฝูอีกำลังค้ำยันกำบังหนึ่งไว้อย่างกินแรงยิ่ง ครอบคลุมโขดหินที่สูงใหญ่ยิ่งนักก้อนหนึ่งอยู่ มีวารีทมิฬไหลซึมออกมาจากรอยแตกบนโขดหินก้อนนั้น และทันทีที่ออกมาแล้ว วารีทมิฬก็จะกลายเป็นวิญญาณอาฆาต…
ที่แท้วิญญาณอาฆาตที่บดฟ้าบังดินเหล่านี้ก็มีที่มาเช่นนี้เอง!
ส่วน ‘กู้ซีจิ่ว’ ที่เป็นมารผู้นั้นก็อยู่ใกล้ๆ กับตี้ฝูอี ลมหายใจรินรดใบหูเขา “ฝูอี เจ้าไม่จำเป็นต้องมายุ่งเลย เจ้าผนึกที่นี่ไม่ได้หรอก พวกมันทั้งหมดจะหลั่งไหลออกมา กลายเป็นทัพหน้าของเปิ่นจุน…”
นางกางสองแขนออกแล้วหมุนพลิ้ว วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นไม่ขบกัดนาง ซ้ำยังเริงระบำไปตามแขนเสื้อที่โบกสะบัดของนางด้วย
นางยังหันมามองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่งอย่างคล้ายจะเสียดายยิ่งด้วย “ความจริงแล้วเปิ่นจุนไม่ได้คิดจะคุมขังนางไปชั่วกาลนานเลย เนื่องจากเปิ่นจุนเสริมอาคมพิเศษไว้ในคุกนี้แล้ว เมื่อนางอยู่ด้านในครบสามปีก็จะสลายหายไป เมื่อถึงเวลาคุกนี้ก็จะพังทลายลงเช่นเดิม วิญญาณอาฆาตจะยังออกมาเช่นเดิม…เฮ้อ น่าเสียดาย วิญญาณอาฆาตที่อยู่ด้านในยังไม่มากพอ ซ้ำพวกมันยังไม่ได้กัดกินเลือดเนื้อของนางเข้าไปจริงๆ หลอมละลายดวงวิญญาณของนาง พลังยุทธ์จึงต่ำกว่าเกณฑ์มากนัก…”
น้ำเสียงของนางนุ่มนวลแผ่วเบา ถึงแม้จะใช้ร่างกายของกู้ซีจิ่วอยู่ แต่สุ้มเสียงและสำเนียงการพูดล้วนแตกต่างกันมหาศาล สะดีดสะดิ้งกว่ากู้ซีจิ่วมาก ซ้ำยังแฝงความเหี้ยมเกรียมเยียบเย็นไว้…
สีหน้าตี้ฝูอีซีดขาว เขาคิดคำนวณอยู่ในใจ อาศัยกำลังของเขาในตอนนี้ผนึกที่นี่ไม่ได้แน่ ทันทีที่วิญญาณอาฆาตเหล่านี้แหกคุกออกไปได้ จะต้องเขมือบกลืนกินไปทั่วแผ่นดินนี้แน่นอน…
อีกทั้งวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ก็มีความสามารถในการคัดลอกสำเนาด้วย เมื่อเขาซัดตายไปตัวหนึ่ง ก็จะแบ่งร่างเป็นสองตัวทันที แถมยังดุร้ายบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิมอีก
บางทีเขาคงต้องฟื้นฟูฐานะเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์กลับมาก่อนเท่านั้น ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะกวาดล้างวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ให้สิ้นซากได้…
กู้ซีจิ่วคล้ายจะนึกถึงจุดนี้ด้วยเช่นกัน สายตาที่ลุกโชนดุจอัคคีของเธอจับจ้องฟั่นเชียนซื่อ “ฟั่นเชียนซื่อ เจ้าเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วใช่ไหม?! เจ้าคิดจะทำให้หกภพภูมิล่มสลายรึ?! เจ้าอยากเป็นเจ้าแห่งหกภพภูมิไม่ใช่หรือ? ถ้าหกภพภูมิล่มสลายเจ้ายังจะได้เป็นเจ้าแห่งหกภพกับผีน่ะสิ!”
ฟั่นเชียนซื่อเม้มริมฝีปากบางแน่น มองวิญญาณอาฆาตที่ร้องคำรามอย่างไร้การควบคุมอยู่ด้านนอกเหล่านั้น จู่ๆ ก็เชิดหน้าหัวเราะฮ่าๆ ดังลั่น “หกภพภูมิล่มสลายแล้วเกี่ยวอะไรกับเปิ่นจุนเล่า?! ล่มไปสิ! ย่อยยับไปเลย! ยิ่งย่อยยับเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!”
ตี้ฝูอีออกมาได้แล้ว เขากักขังเขาไว้ไม่ได้อีกแล้ว
ตอนนี้ต่อให้สังหารตี้ฝูอีไป ก็มีแต่จะทำให้เขากลับสู่ฐานะก่อนกำหนดเท่านั้น กลายเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ หกภพภูมินี้ก็ยังคงเป็นของเขา…
ส่วนกู้ซีจิ่ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคนที่รักคือตี้ฝูอี สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นตี้ฝูอี
ในใจของนางไม่เคยมีที่ไว้ให้เขาเลย แต่เขากลับไม่อาจก้าวออกมาได้…
รู้อยู่แล้วชัดๆ ว่านางไร้หัวจิตหัวใจ แต่เมื่อครู่พอเห็นนางประสบอันตรายก็ยังเข้าช่วยเหลือนางตามสัญชาตญาณ แต่ช่วยนางแล้วอย่างไรเล่า? นางยังคงมองเขาเหมือนมองขยะอยู่ดี…
เขาทุ่มเทบากบั่นมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังคงว่างเปล่า…
————————————————————————————-