บทที่ 3047 ปัจฉิมบท 12
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็ปล่อยให้โลกใบนี้ย่อยยับไปเสียดีกว่า!
เขาต้องการเห็นโลกใบนี้ล่มสลายลงไปด้วยตาตน มองดูตี้ฝูอีที่ต่อให้กลับคืนสู่ฐานะเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ได้แล้วก็ต้องยุ่งหัวหมุนเช่นกัน…
เขาพลันขยับเข้าไปใกล้กู้ซีจิ่ว ยิ้มเยียบเย็นแล้วเอ่ยว่า “กู้ซีจิ่ว นี่คือค่าตอบแทนที่เจ้าต้องจ่ายสำหรับการวางแผนต่อเปิ่นจุนในชาติก่อน! เจ้าจงทนรับทุกข์อย่างนี้ไปเถอะ!”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย ไอ้สารเลวคนนี้กู่ไม่กลับแล้วจริงๆ!
เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางตี้ฝูอี มือพลันกำแน่น!
จิตมารตนนั้นกำลังรังควานตี้ฝูอีที่ตอนนี้ไม่อาจลงมือทำอันใดนางได้ชั่วขณะ ขยับเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แทบจะแนบอยู่บนร่างเขาแล้ว แย้มยิ้มดุจนางอสรพิษ “ฝูอี เจ้ายังไม่ถอดใจอีกหรือ?”
นิ้วเรียวเสลาของนางชี้ไปทางกู้ซีจิ่ว “หญิงผู้นี้ไม่คู่ควรกับเจ้าเลยนะ บนโลกนี้มีเพียงเปิ่นจุนเท่านั้นที่มอบใจถวายชีวิตให้เจ้า เจ้าว่าข้าสังหารนังหญิงผู้นี้เสียดีหรือไม่?”
นางดีดเล็บมือที่งอกยาวทีหนึ่ง ท่ามกลางวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นมีเงาร่างแดงฉานเบียดออกมาสิบเจ็ดสิบแปดสาย พุ่งชนเขตแดนของฟั่นเชียนซื่อ!
วิญญาณอาฆาตตนอื่นที่เดิมทีกำลังโจมตีกัดแทะเขตแดนนั้นอยู่ เมื่อเห็นเงาร่างสีแดงฉานกว่าสิบสายนี้พุ่งเข้ามา วิญญาณอาฆาตตนอื่นก็แตกกระเจิงออกไปทันที
วิญญาณร้าย!
วิญญาณร้ายเหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นจากยอดฝีมือผู้เลิศล้ำที่ถูกทรมานเคี่ยวกรำ ร้ายกาจกว่าวิญญาณอาฆาตหลายเท่านัก พละกำลังของวิญญาณร้ายหนึ่งตนยังกล้าแข็งกว่าวิญญาณอาฆาตพันตนเสียอีก!
เดิมทีเขตแดนของฟั่นเชียนซื่อถูกกัดแทะจนตกอยู่ในสภาพวิกฤตแล้ว ตอนนี้เมื่อถูกวิญญาณร้ายเหล่านี้พุ่งชน ก็ปรากฏรอยปริร้าวขึ้นมาทันใด การพังทลายคือเรื่องที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้…
เจ้าหอยยักษ์ร้อนรนแล้ว “ยืนหยัดไว้นะ! ยืนหยัดไว้!” มันรีบอ้าฝาหอยออก “เข้ามาหลบในเปลือกของข้าให้หมด! ข้าจะพาพวกเจ้าดำดิน…”
“ฮ่าๆๆ เป็นแค่หอยกระจอกตัวหนึ่งก็คิดว่าจะพลิกสถานการณ์ได้แล้วหรือ? เจ้าจะลองมุดดินดูอีกหรือ? ในเมื่อเจ้ามุดออกมาแล้ว ก็อย่าหมายว่าจะมุดเข้าไปได้อีก! พวกเจ้าต้องตายกันทั้งหมด! อย่าหวังว่าจะรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!” จิตมารหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ตี้ฝูอีร้อนใจยิ่ง เสียสมาธิไปเล็กน้อย กำบังนั้นที่ฝืนค้ำยันเอาไว้พลันเกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ ปรากฏรอยปริร้าวสายหนึ่งขึ้นมาแล้ว…
จิตมารหันเหสายตากลับมาทันมี เข้าไปนั่งอยู่ในวงแขนของเขาเสียเลย เอ่ยเสียงหยาดเยิ้ม “ฝูอี...” คำรักหวานเลี่ยนท่อนหลังยังไม่ทันได้กล่าวออกมา จู่ๆ ก็หวีดร้องเสียงแหลม!
เสียงกรีดร้องแทบจะพุ่งทะลุเมฆาแล้ว กังวานชัดเจนยิ่งนักอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่มีวิญญาณอาฆาตอาละวาดอยู่
คนและสัตว์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนตกตะลึง มองไปที่นาง
กลับเห็นเงาร่างสีขาวสายหนึ่งดีดออกมาจากร่างกายนั้น เสียงกรีดร้องแว่วออกมาจากร่างนั้นได้ครึ่งเสียง เงาร่างสีขาวนั้นก็รับช่วงกรีดร้องอีกครึ่งหนึ่งออกมา…
เห็นได้ชัดว่าเงาร่างสีขาวนั้นถูกบังคับให้ออกมา ไหวสะท้านอยู่ในอากาศครู่หนึ่ง ลอยโซเซลงสู่พื้น กลายร่างเป็นสตรีชุดขาวคนหนึ่ง
ส่วนตี้ฝูอีก็โอบกอดร่างนั้นของกู้ซีจิ่วไว้ มือข้างหนึ่งยังคงจรดร่ายอาคมหนึ่งทาบไว้บนบริเวณหลังหัวใจนาง
ชัดเจนยิ่งนัก เมื่อครู่เขาลงมือจู่โจมอย่างเฉียบพลัน บีบบังคับจิตมารที่ยึดครองร่างกู้ซีจิ่วให้ออกไปนอกร่างอีกครั้ง!
และประเหมาะบังเอิญที่ในเวลานี้ เขตแดนของฟั่นเชียนซื่อก็ส่งเสียงแตกร้าวพังทลายแล้ว…
ความเร็วของตี้ฝูอีรวดเร็วยิ่งกว่าวิญญาณอาฆาตเหล่านั้น โบกแขนเสื้อไปยังทิศทางที่กู้ซีจิ่วอยู่คราหนึ่ง กู้ซีจิ่วที่เดิมทีก็เป็นกายจิตอยู่แล้ว ร่างกายจึงลอยหวือไปทันที เบื้องหน้าพลันมืดมิด ยามที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็กลับเข้ามาอยู่ในร่างเดิมแล้ว
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป เร็วจนทำให้คนอื่นไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองเลย
เปลือกหอยของเจ้าหอยยักษ์ยังคงอ้าค้างด้วยความตกตะลึง ลู่อู๋ที่อยู่ในเปลือกมันแล้วก็ตกตะลึงยิ่ง ตี้ฝูอียัดกู้ซีจิ่วเข้าไป จากนั้นก็ลากหลงซือเย่ฟั่นเชียนซื่อและฮวาเหยียนที่ตกใจจนทึ่มทื่อไปแล้วเอาไว้แล้วกระโจนเข้าไปในเปลือกหอยของเจ้าหอยยักษ์ด้วยกัน เอ่ยสั่งการเพียงสองคำ “ดำดิน!”
เจ้าหอยยักษ์เหวอไปแล้ว!
บรรทุกเกินพิกัดแล้ว!
ถึงแม้มันจะมีคำถามอยู่เต็มท้อง แต่ปฏิกิริยาตอบสนองยังนับว่ารวดเร็ว หุบฝาหอยทันที หันหลังมุดลงดินเสียงดังพรืดๆ หายลับไปแล้ว
จิตมารที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังตนนั้นเกรี้ยวโกรธจนดวงหน้างามเขียวคล้ำ แทบจะแยกเขี้ยวกางเล็บร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “สารเลว พวกเจ้าหนีไม่รอดหรอก!”
ทะเลทรายแห่งนี้เข้าได้ออกไม่ได้ นอกเสียจากฟั่นเชียนซื่อจะเป็นตัวตั้งตัวตีชี้ทางให้ มิเช่นนั้นคนเหล่านี้ก็ทำได้เพียงมุดไปมุดมาอยู่ในทะเลทราย ไม่มีทางหนีออกไปได้…
….
ในใจของเจ้าหอยยักษ์เต็มไปด้วยความฉงน
ช่วยพวกหลงซือเย่ด้วยก็แล้วไปเถอะ แล้วทำไมแม้แต่ไอ้สารเลวอย่างฟั่นเชียนซื่อก็ช่วยเอาไว้เล่า? ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถือธรรมมะแล้วหรือ?
แน่นอน ยามนี้ภายในเปลือกหอยของมันเนืองแน่นไปด้วยผู้คน มันต้องตั้งใจ ‘ขับรถ’ ไม่สามารถแบ่งสมาธิไปถามได้
————————————————————————————-
บทที่ 3048 ปัจฉิมบท 13
ภายในเปลือกหอย ตี้ฝูอีหลับตาลงพยายามฟื้นฟูจิตวิญญาณแข่งกับเวลา กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ข้างกายเขา คอยอารักขาเขา พลางโคจรพลังยุทธ์ขับไล่ไอมารในร่างออกไปด้วย…
จิตมารตนนั้นยึดครองร่างเธอนานขนาดนี้ ทำให้ไอมารแทรกซึมเข้าสู่แขนขากระดูกของเธอ ตอนนี้เธอพอได้กลับคืนมา เลยค่อนข้างอึดอัดยิ่งนัก ย่อมต้องรีบขับไล่ไอมารออกไปตามธรรมชาติ
โชคดีที่เธอแค่ต้องโคจรพลังวิญญาณขจัดอย่างลับๆ เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องหลับตานั่งสมาธิ
เธอถามถึงสถานการณ์ภายนอกจากหลงซือเย่ หลงซือเย่ก็ไม่ปิดบังเธอเลย เล่าสถานการณ์ภายนอกออกมาจนหมด
กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้ว เธอทราบถึงวรยุทธ์ของผู้คนด้านนอกเหล่านั้นดี เมื่อร่วมมือกันขึ้นมาสามารถพลิกแปลงหกภพภูมิได้เลย ส่วนค่ายกลนั้นถึงแม้เธอจะไม่เคยเห็น แต่ในเมื่อตี้ฝูอีเป็นคนสร้างขึ้น อานุภาพย่อมมหาศาลน่าตะลึง
ว่ากันตามเหตุผลแล้วเมื่อคนเหล่านี้ลงมือพร้อมกัน ต่อให้ฟ้าถล่มรั่วเป็นรูใหญ่ พวกเขาก็สามารถจัดการปะซ่อมอย่างรวดเร็วได้ แต่ตอนนี้กลับยังคงควบคุมทะเลทรายแห่งนี้ไม่ได้…
“ทะเลทรายที่โหดเหี้ยมนี้ต้องทำลายอย่างไร?” เธอหันไปมองฟั่นเชียนซื่อ
ฟั่นเชียนซื่อหลับตา ตอบเสียงแข็ง “ไม่รู้!”
“อาคมชั่วช้าในทะเลทรายแห่งนี้เป็นเจ้าที่ก่อขึ้น! แล้วเจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?”
“ไม่รู้ก็คือไม่รู้ ถึงรู้เปิ่นจุนก็ไม่มีทางบอกพวกเจ้า!” สุ้มเสียงฟั่นเชียนซื่อเยียบเย็น
“ฟั่นเชียนซื่อ หากไม่ทำลายทะเลทรายแห่งนี้ ทั้งหกภพจะต้องพินาศ เจ้าคงไม่อาจเบิกตามองหกภพพินาศได้กระมัง?!” หลงซือเย่ทนไม่ไหวจึงเอ่ยขึ้นมา
“พินาศแล้วเกี่ยวอะไรกับเปิ่นจุนเล่า?” ฟั่นเชียนซื่อหัวรั้นยิ่ง
“ถ้ารู้แต่แรกก็คงไม่ช่วยเจ้าไว้หรอก! ปล่อยให้เจ้าถูกวิญญาณอาฆาตพวกนั้นกัดทึ้งไปเสีย!” ลู่อู๋โมโห ตะโกนขึ้นมาเช่นกัน
ฟั่นเชียนซื่อเอ่ยเสียงเยียบเย็น “เปิ่นจุนหาได้ขอให้พวกเจ้าช่วยเหลือไม่ ถ้านึกเสียใจภายหลังขึ้นมาเปิ่นจุนออกไปเดี๋ยวนี้เลยก็ได้!”
ลู่อู๋และหลงซือเย่ต่างเงียบงันไป
ลู่อู๋คิดจะให้เจ้าหอยยักษ์เปิดฝาออกจริงๆ โยนไอ้คนไม่รู้ดีรู้ชั่วผู้นี้ออกไปเสีย! เลี่ยงไม่ให้เห็นแล้วหงุดหงิดใจ
“ฟั่นเชียนซื่อตอนนี้ทะเลทรายแห่งนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้าแล้วสักนิด ข้ากับฝูอีล้วนออกมาได้แล้ว แผนการของเจ้าย่อยยับอย่างสิ้นเชิงแล้ว อีกทั้งทะเลทรายนี้ก็ไม่อาจกักขังพวกเราอย่างแท้จริงได้ อย่างมากข้ากับเขาก็แค่จากไปซะ ทะเลทรายชั่วร้ายแห่งนี้นอกจากทำร้ายผู้บริสุทธิ์ในหกภพภูมิแล้ว ก็ไม่มีผลดีอะไรต่อเจ้าเลย…”
ฟั่นเชียนซื่อกล่าวอย่างเยียบเย็น “เจ้าไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่าเสียทั้งเขาเสียทั้งเราหรอกหรือ?”
ทุกคนตะลึงงัน!
หลงซือเย่ ลู่อู๋ ถึงขั้นที่แม้แต่เสี่ยวเฮยก็ผสมโรงกันพูดจาเกลี้ยกล่อมแล้ว จนปัญญาที่ฟั่นเชียนซื่อทำราวกับตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมบอก
สุดท้าย กู้ซีจิ่วเอ่ยถาม “ฟั่นเชียนซื่อ บอกเงื่อนไขของเจ้ามาเถอะ สรุปแล้วต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะยอมพูด?”
ฟั่นเชียนซื่อเลิกคิ้ว ดูเอื่อยเฉื่อยเลื่อนลอย “เจ้าว่าอย่างไรเล่า? เจ้าเสนอเงื่อนไขออกมาหน่อยสิ?”
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “หากว่าเจ้าบอกวิธียับยั้งภัยพิบัตินี้ พวกเราจะไม่ถือสาเรื่องราวในอดีต ถึงขั้นที่หลังจากฝูอีหวนคืนสู่ฐานะเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว ก็จะไม่คิดบัญชีเจ้าย้อนหลังอีก เจ้ายังคงเป็นเทพผู้สร้างโลกต่อไปได้ ขอเพียงเจ้ารับปากว่าวันหน้าจะไม่ก่อเพศภัยต่อหกภพอีก…”
เงื่อนไขนี้กล่าวได้ว่าใจกว้างมากแล้ว ด้วยบาปกรรมที่ฟั่นเชียนซื่อก่อขึ้นในปัจจุบัน แล่เนื้อเถือหนังเขาเป็นสิบครั้งก็ยังไม่นับว่ามากเลย!
และเท่าที่กู้ซีจิ่วรู้ เหตุผลที่ฟั่นเชียนซื่อบ้าดีเดือดทุ่มสุดตัวเพื่อสังหารตี้ฝูอี ก็เพราะเกรงว่าหลังจากเขากลับสู่ฐานะเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว จะไล่ล่าสังหารเขาอย่างไม่เลิกรา
ฮวาเหยียนเผยสีหน้าหวั่นไหวแวบหนึ่ง “กู้ซีจิ่ว เจ้าสามารถตัดสินใจแทนตี้ฝูอีได้หรือ?”