บทที่ 1861 พวกเราถูกลักพาตัวแล้ว
เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่นดูสงบ ซือป๋ออี้ก็ขมวดคิ้ว คนที่อยู่ตรงหน้าเขา อย่างไรก็เป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยที่มีชื่อเสียงอันโหดร้าย…
“นายคิดว่าพวกเรามากันมือเปล่า…ไม่เตรียมอะไรมาสักอย่างเลยเหรอไง?” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะ
ในตอนนี้ สืออีกับผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆ ต่างก็มองไปที่เยี่ยหวันหวั่น
“เธอหมายความว่ายังไง” ซือป๋ออี้ถามอย่างเย็นชา
“ในคฤหาสน์ของนาย ฉันได้เตรียมระเบิดเวลาติดตั้งไว้นานแล้ว ทันทีที่พวกเราตายก็จะมีคนกดรีโมท แล้วคฤหาสน์นี้ก็จะเละเป็นผุยผงทันที…ถึงตอนนั้น ใครก็อย่าหวังจะมีชีวิตรอด” เยี่ยหวันหวั่นตอบพร้อมเสียงหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ ผู้นำไป๋…กลัวว่าเธอกำลังขู่ฉันน่ะสิ?” ซือป๋ออี้เยาะเย้ย
“งั้นเหรอ…”
ทันใดนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็หันไปมองรั้วคฤหาสน์
ในขณะนี้ก็เห็นว่าสมาชิกหลายคนของพันธมิตรอู๋เว่ยยืนอยู่บนกำแพง แต่ละคนถือรีโมทสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือ
เยี่ยหวันหวั่นได้เตรียมการเอาไว้นานแล้วก่อนที่จะมาคฤหาสน์แห่งนี้
ที่รัฐอิสระไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาวุธปืน แต่ที่นี่ไม่ใช่รัฐอิสระ…
แน่นอนว่า สิ่งที่บอกว่าเป็นระเบิดเวลานั้น เป็นการหลอกซือป๋ออี้ รีโมทนั่นก็เป็นของปลอม แต่เยี่ยหวันหวั่นมั่นใจได้ว่าเขาไม่มีความกล้าที่จะเดิมพันแน่นอน
นอกจากนี้เยี่ยหวันหวั่นยังรู้ตั้งแต่แรก ว่ามีมือปืนอยู่ในบริเวณที่ไกลออกไป…
ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามายังคฤหาสน์แห่งนี้ เป่ยโต่วก็สังเกตุเห็นมือปืนหลายคนแอบคุ้มกันพวกเขาอยู่ลับๆ
ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ นี่เป็นลูกน้องของซือเยี่ยหานอย่างแน่นอน
แค่คนของซือป๋ออี้คิดจะทำสิ่งผิดปกติใดๆ กระสุนของมือปืนต้องเร็วกว่าพวกเขาเป็นแน่
“ฮ่าๆๆ…สมกับเป็นผู้นำไป๋จริงๆ…เก่งมาก เก่งมากจริงๆ…” ซือป๋ออี้จ้องเยี่ยหวันหวั่นด้วยแววตาดุร้าย
ซือป๋ออี้ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงไซเรนดังขึ้น
เมื่อเสียงไซเรนดังขึ้น นักแม่นปืนระยะไกลก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
“หมอบ!”
เยี่ยหวันหวั่นตะโกนสั่งเป่ยโต่ว ผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆ ทันที
แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทุกคนต่างก็หมอบลงพื้นด้วยสัญชาติญาณ
ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ ประตูคฤหาสน์ก็ถูกกระแทกออก และตำรวจที่ติดอาวุธหนักหลายสิบนายก็พุ่งเข้ามาจากด้านนอก
“วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้!”
ตำรวจตะโกนสั่งเสียงดังเมื่อเห็นคนของสมาคมอู๋เทียนถืออาวุธปืน
“อะไรวะ…?!”
เมื่อเห็นตำรวจจีนพร้อมอาวุธครบมือ ซือป๋ออี้ก็ถึงกับตะลึงค้าง!
ตอนนี้พวกเขาถูกล้อมไว้หมดแล้ว…หากต่อต้าน ผลที่ตามมาคือหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย…
แทบจะไม่ต้องคิด ซือป๋ออี้รีบสั่งให้คนของสมาคมอู๋เทียนนับสิบคนทิ้งอาวุธปืนทันที
“ยกมือไว้บนศีรษะ หมอบลง เร็วๆ!”
ตำรวจหลายนายร่วมกันตะโกนเสียงดัง
คนหลายสิบคนที่นำโดยซือป๋ออี้ก็นั่งยองกับพื้นแล้วเอามือจับศีรษะไว้ทันที
“บอส คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ผมตกใจแทบแย่!”
ทันใดนั้น ประธานโจวแห่งซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ก็วิ่งเข้ามาจากด้านหลัง
“สหายตำรวจ เธอเป็นบอสของพวกเรา…บอสของเรากับเพื่อนของเธอถูกลักพาตัวมา…” ประธานโจวรีบพูดอย่างลนลาน
เยี่ยหวันหวั่นเป็นบอสของซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ตำรวจย่อมรู้ดีอยู่แล้ว
“สหายตำรวจ…คนนี้คือพี่ใหญ่ซือป๋ออี้แห่งตระกูลซือ…เรามาที่นี่ในฐานะแขก เขาบังคับให้เราทำธุรกิจร่วมกัน…แต่ฉันไม่ยอม พวกเขาเลยเอาปืนมาข่มขู่ฉัน…” เยี่ยหวันหวั่นรีบอธิบาย
เป่ยโต่ว “…”
ชีซิง “…”
ผู้อาวุโสใหญ่ “…”
ผู้อาวุโสสาม “…”
สืออี “…”
———————————————————–
บทที่ 1862 หน้าด้านไร้ยางอาย
เมื่อเห็นแววตาชั่วร้ายที่ซือป๋ออี้มองมาที่ตัวเอง มุมปากของเยี่ยหวันหวั่นก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย กลายเป็นรอยยิ้มอันเย็นชา
ก่อนจะมายังที่อยู่ของซือป๋ออี้ เยี่ยหวันหวั่นได้เตรียมการบางอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของหญิงสาว
“เธอมันไร้ยางอายเกินไปแล้ว…ถึงขั้นแจ้งตำรวจเลยเหรอ…” ตอนนี้ซือป๋ออี้จ้องเยี่ยหวันหวั่นเขม็งพร้อมกัดฟันกรอดๆ
ซือป๋ออี้ไม่คิดเลยว่าเยี่ยหวันหวั่นในฐานะที่เป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยแห่งรัฐอิสระ จะทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ขายขี้หน้าคนจากรัฐอิสระจริงๆ!
ในฐานะที่เป็นคนของรัฐอิสระ ข้อพิพาทและความขัดแย้งใดๆ ล้วนใช้กำลังตัดสิน ใครมันจะแจ้งตำรวจกัน?! นี่มันเป็นความอัปยศต่อทั้งสองฝ่าย ต่อให้ต้องตายก็ไม่ทำเรื่องขายหน้าแบบนี้…
แม้กระทั่งซือป๋ออี้ก็ไม่มีความคิดที่จะแจ้งตำรวจอยู่ในหัวสมองเลย ยิ่งคิดไม่ถึงว่าเยี่ยหวันหวั่นจะทำเรื่องเช่นนี้ได้
“ซือป๋ออี้…คิดไม่ถึงเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้…นายมีอาวุธปืนตั้งมากมายในครอบครองจริงๆ…ฉันมองนายผิดไปแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นจ้องซือป๋ออี้แล้วถอนหายใจ
“คุณตำรวจ ผมมีเรื่องจะบอก…ผู้หญิงคนนี้ได้ติดตั้งระเบิดเวลาจำนวนมากเอาไว้ในคฤหาสน์ของผม…!!” ซือป๋ออี้รีบบอกตำรวจที่อยู่ข้างๆ ทันที
ในเมื่อเยี่ยหวันหวั่นแจ้งตำรวจ ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกันทั้งหมด และเขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่ละเมิดกฎหมายประเทศจีน
ตำรวจหลายนายที่ได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับตกตะลึง ในคฤหาสน์นี้ ยังมีระเบิดเวลาอีกเหรอ?!
“อย่าไปฟังเขาพูดเพ้อเจ้อ…ถ้าไม่เชื่อทุกท่านสามารถตรวจสอบได้เเลย!” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
เมื่อเห็นความไร้ยางอายเช่นนั้นของเยี่ยหวันหวั่น ซือป๋ออี้ก็ขมวดคิ้วแน่น เป็นไปได้ไหมว่า…ในคฤหาสน์ของเขาไม่ได้มีระเบิดเวลาอะไรทั้งนั้น…ก่อนนี้…หรือว่าเยี่ยหวันหวั่นจะจงใจหลอกให้เขากลัว…
เนื่องจากซือป๋ออี้กล่าวอย่างจริงจังมาก ตำรวจในที่นั้นจึงไม่ประมาท รีบเชิญทีมกู้ระเบิดมาตรวจสอบทันที
อย่างไรก็ตาม คฤหาสน์แห่งนี้ได้รับการตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่พบระเบิดเวลาตามที่ซือป๋ออี้กล่าวอ้างเลย
“เธอ…”
ซือป๋ออี้จ้องเยี่ยหวันหวั่นตาเขม็ง อยากฉีกร่างหญิงสาวให้เละเป็นชิ้นๆ จนถึงกระดูก…คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะถูกเยี่ยหวันหวั่นหลอกเข้าให้แล้ว!
คนหน้าไม่อายเช่นนี้ หรือว่านี่จะเป็นวิธีการเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในรัฐอิสระ?!
“ทำไมล่ะ? ฉันเป็นคนเคารพกฎหมายรักษาวินัยนะ พวกเรามันต่างกัน” เยี่ยหวันหวั่นตอบซือป๋ออี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เคารพกฎหมายรักษาวินัย…” ซือป๋ออี้กัดฟันกรอด เธอมันก็แค่คนต่ำช้าไร้ยางอาย เธอมันไม่คู่ควรที่จะเป็นคนรัฐอิสระ… นังหน้าด้าน…”
แม้ว่าซือป๋ออี้จะพ่ายแพ้ให้กับพันธมิตรอู๋เว่ย แม้ว่าต้องตายในสนามรบ แต่จะไม่ขอความช่วยเหลือจากตำรวจจีนแน่นอน นี่คือหลักการ!
ไม่ใช่แค่เขา แต่กองกำลังใดๆ ในรัฐอิสระ หากไปยังประเทศอื่น ก็คงไม่ทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน นี่ถ้าย้อนกลับไปที่รัฐอิสระ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!
วินาทีต่อมา ซือป๋ออี้ก็หันไปทางผู้อาวุโสสามและคนอื่นๆ
“มองฉันหาพระแสงอะไร…ไม่เกี่ยวกับฉันนะ ฉันไม่ได้เป็นคนแจ้งตำรวจสักหน่อย…แกอย่ามาพูดพล่อยๆ” ผู้อาวุโสสามเหลือบมองซือป๋ออี้ด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
ที่รัฐอิสระ แต่ไหนแต่ไรพวกเขาก็ไม่เคยมีความคิดที่จะแจ้งตำรวจเลย…
พออยู่ในประเทศจีน พวกเขาก็มองว่านี่เป็นเหมือนเด็กสองคนทะเลาะกัน พอสู้ไม่ได้ก็ร้องเรียกหาพ่อแม่…แท้จริงแล้วนั้น…
“นี่…นายครอบครองปืนโดยผิดกฎหมาย และนายก่ออาชญากรรมจริงๆ…เราไม่ได้ใช้ให้นายก่ออาชญากรรมสักหน่อย…ว่ากันไปตามเนื้อผ้าแล้ว…นี่มันไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว