เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1239
เขาหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดีจริงๆ ฉันท่องอยู่ในประเทศอู่อานมาหลายปี ในที่สุดก็เจอคนที่เรียกได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ของฉันแล้ว ลู่ฝาน มีนายอยู่ฉันไม่เหงาแล้ว!”
ลู่ฝานอ้าปากค้าง ทำไมฟังคำพูดของเฟิงเสี่ยวชี่แล้วรู้สึกแปลกๆ
ลู่ฝานตอบกลับเสียงดังว่า “คนที่เรียกได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ของนายมีตั้งเยอะแยะ! นักบู๊แดนปราณฟ้าสักคนในเมืองหลวง นายก็ยังสู้ไม่ได้”
เฟิงเสี่ยวชี่พูดเสียงดังว่า “พวกนักบู๊ที่ต้องใช้เวลา 40-50 ปี จนเกือบร้อยปี ถึงจะฝึกถึงแดนปราณฟ้า มีคุณสมบัติอะไรมาเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน รอให้ฉันฝึกอีกสักหลายสิบปี ต้องเห็นพวกเขาเป็นแค่พวกกระจอก ฉันเป็นคนที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องกลายเป็นขุนพลังสุดเหนือฟ้า!”
เสียงเฟิงเสี่ยวชี่ดังสนั่น
ไอ้อ้วนตง ไอ้หลิวและคนอื่นหัวเราะเบาๆ
“มีความห้าวหาญ!”
“เป็นเด็กที่บ้าบู๊”
“ถ้าคนแบบนี้มีชีวิตอยู่ได้นานหน่อย มีโอกาสเป็นเซียนบู๊ได้อยู่นะ ส่วนขุนพลังสุดเหนือฟ้า เขายังจำเป็นต้องทำความเข้าใจ”
พวกไอ้หลิวหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น
ไอ้อ้วนตงส่ายหน้าพูดว่า “เข้าสู่เซียนบู๊ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ คนหัวดื้อจะเข้าสู่เซียนบู๊จำเป็นต้องทุ่มเทอย่างยิ่ง ตอนนั้นศิษย์น้องของฉันเกือบตายอยู่ที่ด่านนี้ ฉันว่าเขาก็ทุลักทุเลพอควร”
แม้ไอ้อ้วนตงพูดแบบนี้ ทว่าก็ยังเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างชัดเจน
ลู่ฝานยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ที่นายพูดก็มีเหตุผล!”
เฟิงเสี่ยวชี่ใช้กระบี่ชี้หน้าลู่ฝานแล้วพูดว่า “มีแค่นายที่อายุน้อยและพรสวรรค์น่าทึ่งเหมือนฉัน ลู่ฝาน ให้ฉันได้เห็นฝีมือที่แข็งแกร่งสุดของนายหน่อยสิ แต่ถ้านายเป็นได้แค่นี้ ยังไงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี!”
เฟิงเสี่ยวชี่เพิ่งพูดจบ ผู้ชมหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “คุยโวโอ้อวด!”
“โดนคนซัดจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว ยังบอกว่าคนอื่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีก”
“เป็นคนที่ถึงตายก็จะรักษาหน้าไว้!” ……
เฟิงเสี่ยวชี่ได้ยินเสียงพูดคุยของผู้ชม เขาส่งเสียงหึออกมาเบาๆ หลังจากนั้นเขาดึงเสื้อตัวเองออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งทั้งตัว รวมถึงหยกชิ้นหนึ่งตรงหน้าอกด้วย
ขาวแดงสลับกัน บนหยกมีตัวอักษรขนาดใหญ่คำว่าผนึก!
เฟิงเสี่ยวชี่ใช้มือบีบหยกชิ้นนี้ แล้วพูดว่า “นี่คือหยกผนึกชี่ ที่ฉันให้เซียนในเจดีย์ยาช่วยทำให้ หลังจากที่ฉันมาเมืองหลวง หยกชนิดนี้เหมือนกับหินผนึกกำลังที่มีชื่อเสียง ที่สามารถผนึกพละกำลังของนักบู๊ได้ หยกชิ้นนี้กลั่นมาจากแก่นแท้ของหินผนึกกำลัง มีประสิทธิภาพในการผนึกที่แข็งแกร่งกว่าหินผนึกกำลังทั่วไป ฉันพกมันมาหลายปีแล้ว ไม่มีโอกาสได้เอามันออกมาเลย วันนี้ในที่สุดก็ได้เอามันออกมาสักที!”
พูดพลาง เฟิงเสี่ยวชี่กระชากหยกแขวนตรงหน้าอก แล้วโยนไปด้านข้าง
ทันใดนั้น พลังปราณบนตัวเฟิงเสี่ยวชี่เริ่มพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
พลังฟ้าดินนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นรูปร่างจับต้องได้ เหมือนอุโมงค์ข้ามมิติไหลเข้าไปรวมตัวที่เฟิงเสี่ยวชี่
ไม่นาน พลังบนตัวเฟิงเสี่ยวชี่ทะลุระดับวิทยายุทธของนักบู๊แดนปราณดินทั่วไป!
เฟิงเสี่ยวชี่ลอยตัวขึ้นช้าๆ เท้าเหยียบอากาศ บนตัวเริ่มมีรอยห้าธาตุปรากฏขึ้นบางๆ
“แดนปราณฟ้า!”
นักบู๊ทุกคนรวมถึงเทียนชิงหยาง พากันลุกขึ้นยืนทันที
ผู้ชมทุกคนพูดเสียงหลง “ห้าธาตุติดตัว ลอยกลางอากาศ เฟิงเสี่ยวชี่เข้าสู่แดนปราณฟ้าแล้ว!”
เสียงอุทานอย่างตกใจดังเข้าหูไม่หยุด เสียงฟ้าร้องน่ากลัวดังขึ้นบนฟ้า กระบี่ยาวของเฟิงเสี่ยวชี่ชี้มายังลู่ฝานจากไกลๆ
ลู่ฝานหรี่ตาลงเบาๆ