บทที่ 25 สายเลือดมังกรสุริยะ
ได้ยินคำซูเฉิน กู่ชิงลั่วก็ส่งยิ้มบาง ก่อนจะวาดแขนออกไป ชุดคลุมสีขาวสะบัดพริ้วไปตามแรงลม เกิดเป็นกลิ่นอายสูงส่ง
เป็นตอนนั้นเองที่กองเรือทั้ง 4 เข้าประจำตำแหน่ง รวมพลกันหนาแน่นราวกับจะกักขังคลื่นอสูรทะเลไว้ภายใน
แต่ไม่ว่าจะหนาแน่นเพียงไหนก็ยากจะต้านทานขุนเขาหรือมหาสมุทรได้
ต้องเผชิญหน้ากับคลื่นอสูรทะเลขนาดใหญ่เช่นนี้ กองพลนี้ย่อมด้อยกว่าเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
กู่ชิงลั่วดีดร่างขึ้นฟ้า ส่งสายตามองคลื่นอสูรทะเล จากนั้นหัวเราะร่วนแล้วกางแขนทั้งสองออก เผยกลิ่นอายลึกล้ำโบราณกระจายไปในอากาศ
กลิ่นอายนี้มาพร้อมกับพลังสูงส่งและแรงกดดันมหาศาล
ราวกับว่ามีสัตว์อสูรโบราณได้ตื่นขึ้นและกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายของมันออกมาก็มิปาน
กระทั่งจงเจิ้นจวินยังร้องขึ้น “สายเลือดมังกรสุริยะ !”
กลิ่นอายจากร่างกู่ชิงลั่วเป็นของเทพอสูรบรรพกาลมังกรสุริยะอย่างไม่ต้องสงสัย
เหมือนกับที่โทเทมสำคัญกับเผ่าคนเถื่อน หรือขนปักษาเซียนสำคัญต่อเผ่าปักษา สายเลือดมังกรสุริยะก็เป็นหนึ่งในไพ่ตายที่สำคัญที่สุดของเผ่ามนุษย์เช่นกัน ทุกคนในตระกูลกู่ที่ปลุกสายเลือดตื่นขึ้นแล้วนับว่าเป็นอาวุธทรงพลัง เมื่อไหร่ที่ต้องทำศึกหนัก คนตระกูลกู่ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
พลังจากสายเลือดตระกูลกู่เหนือกว่าใครหน้าไหนมาก นับว่าเป็นมนุษย์ที่แกร่งที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ สามารถสังหารคนที่มีขั้นพลังสูงกว่าได้ไม่ยากเย็น
คนตระกูลกู่แค่คิดเพียงว่าจะต้องทะลวงพลังให้ถึงขั้นใดเท่านั้น
กระนั้นการใช้กู่ชิงลั่วเป็นไพ่ลับใบเดียวก็นับว่าน่าขันอยู่สักหน่อย
พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับคลื่นอสูรทะเลเชียวนะ !
แม้กู่ชิงลั่วจะแข็งแกร่งมาก ต่อกรกับด่านมหาราชันเองได้ แต่อย่างไรล่ะ ?
กำลังของนางก็ไม่ได้ต่างไปจากน้ำหยดหนึ่งหยดลงสู่มหาสมุทร
แต่เมื่อกลิ่นอายของนางแผ่กระจายไปทั่ว คนอื่น ๆ จึงรู้ว่าสายเลือดกู่ชิงลั่วนั้นเข้มข้นเป็นพิเศษ
และเมื่อกลิ่นอายยิ่งมีพลังรุดหน้าขึ้น ภาพมังกรสุริยะก็ปรากฏอยู่เบื้องหลังกู่ชิงลั่ว ภาพขนาดใหญ่สูงกว่าพันลี้ มหึมาราวกับเทือกเขา คนทั้งหลายมองแล้วก็ตกตะลึง
เจียงซีสุ่ยร้อง “ความบริสุทธิ์ของสายเลือดของนางพุ่งถึง 20 ส่วนแล้ว !”
ความบริสุทธิ์ของสายเลือดไม่เกี่ยวกับด่านพลัง มีด่านพลังสูงไม่ได้หมายความว่าความบริสุทธิ์ของสายเลือดจะสูงไปด้วย
บางคนอาจมีความสามารถในการบ่มเพาะพลังเพียงธรรมดา แต่ความบริสุทธิ์ของสายเลือดมีสูงมาก อาทิเช่นจีหานเยี่ยน ที่สามารถกวาดผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ เมื่อครั้งการสอบสถาบันมังกรซ่อนเร้น นั่นก็เพราะนางปลุกสายเลือดขั้นสองของนางขึ้นมาก่อนคนอื่น หรือก็คือนางมีสายเลือดบริสุทธิ์กว่าคนอื่นอยู่ 5 ส่วนนั่นเอง
ความบริสุทธิ์ของสายเลือดมีผลต่อพลังในการต่อสู้ หากเป็น 2 คนที่มีขั้นพลังเหมือนกัน และมีสายเลือดที่มีพลังในการต่อสู้เท่าเทียมกัน เช่นนั้นผู้ที่มีความบริสุทธิ์ของสายเลือดสูงกว่าก็จะสามารถใช้สายเลือดนั้นได้ดีมากกว่า ยามต่อสู้จริงจึงแกร่งกว่า แน่นอนว่าความบริสุทธิ์ของสายเลือดเองยังช่วยเรื่องการทะลวงพลังด้วย ดังนั้นวิชาขั้นสูงจึงมักพึ่งพาสายเลือด จนกระทั่งซูเฉินถือกำเนิด วิชาจึงไม่ต้องพึ่งพา สายเลือดอีกต่อไป
ปกติแล้วความบริสุทธิ์ของสายเลือดจะไม่สูงเกิน 50 ส่วน ไม่ใช่ว่าสูงเกินไม่ได้ แต่สายเลือดมนุษย์จะพ่ายให้กับสายเลือดสัตว์อสูร คนผู้นั้นก็จะกลายร่างเป็นสัตว์อสูรนั่นเอง
แต่ต่างสายเลือดย่อมมีขีดจำกัดที่ต่างกัน
ขีดจำกัดของสายเลือดเทพอสูรบรรพกาลไม่ใช่ 50 แต่เป็น 30 ส่วน
ใช่ ขีดจำกัดอยู่ที่ 30 ส่วน !
เทพอสูรบรรพกาลนั้นทรงพลังมากเกินไป มากเสียจนแค่เพิ่มความบริสุทธิ์ถึง 30 ส่วนก็สามารถเอาชนะสายเลือดมนุษย์ในร่างและเข้าคุมร่างกายได้แล้ว
แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ากู่ชิงลั่วจะกลายร่างเป็นมังกรสุริยะหรือไม่ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะกลายเป็นจักรพรรดิอสูรกายที่มีบางส่วนคล้ายกับมังกรสุริยะ นั่นก็อาจเป็นไปได้
เจียงซีสุ่ยรู้ซึ้งในเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะขีดจำกัดของเทพอสูรอยู่ที่ 40 ส่วน
แต่แค่ความบริสุทธิ์ที่ 30 ส่วน สายเลือดเทพอสูรบรรพกาลก็นับว่าทรงพลังมากเกินพอแล้ว
เมื่อความบริสุทธิ์ของสายเลือดสูงขึ้นเป็น 20 ส่วน ก็วางใจได้เลยว่าจะสามารถก้าวสู่ด่านมหาราชันได้แน่นอน สายเลือดเทพอสูรที่มีความบริสุทธิ์ 40 ส่วนก็เช่นกัน
ผู้ใดที่ถือครองสายเลือด 2 สายอันทรงพลังนี้ จำเป็นต้องคิดเพียงว่าจะปลุกสายเลือดให้มากขึ้นได้อย่างไรเท่านั้นก็พอ
ส่วนคนที่มีสายเลือดจักรพรรดิอสูรกาย กระทั่งมีความบริสุทธิ์อยู่ที่ 50 ส่วนก็ยังมีโอกาสสำเร็จในการทะลวงพลังเพียง 20 ส่วนเท่านั้น
ส่วนคนที่มีสายเลือดราชันอสูรกายอาจมีโอกาสแค่ 1 ส่วนเท่านั้น
สายเลือดเจ้าอสูรกายก็มีโอกาสราว 0.01 ส่วน
ส่วนอสูรกายขั้นสูงหรือต่ำกว่านั้นคือไร้โอกาส
เจียงซีสุ่ยไม่คิดเลยว่าความบริสุทธิ์ของสายเลือดของกู่ชิงลั่วจะอยู่ที่ 20 ส่วนแล้ว หรือก็คือนางสามารถทะลวงพลังไปสู่ด่านมหาราชันได้เลย ทำเพียงแค่ตั้งใจบ่มเพาะพลังสักหน่อยก็ได้แล้ว
แต่กู่ชิงลั่วเพิ่งจะปลุกสายเลือดตื่นขึ้นมาไม่ทันถึง 10 ปีด้วยซ้ำ นางจะมีความบริสุทธิ์ของสายเลือดมากถึง 20 ส่วนรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร ?
มันเป็นการปลุกสายเลือดถึง 3 ขั้นเชียวนะ !
เจียงซีสุ่ยหันไปมองซูเฉิน
แน่นอนว่าซูเฉินหัวเราะกล่าว “ข้าปรับปรุงสายเลือดเทพอสูรทั้ง 7 แล้ว ดังนั้นก็ถึงเวลาช่วยตระกูลกู่เช่นกัน”
ใช่แล้ว หากซูเฉินสามารถปรับปรุงสายเลือดเทพอสูรทั้ง 7 ได้ ย่อมหมายความว่าสามารถทำกับสายเลือดเทพอสูรบรรพกาลได้เช่นกัน ยิ่งไม่ต้องกล่าวว่ากู่ชิงลั่วเป็นภรรยาของซูเฉินด้วย
ดูจากการที่สองคนนี้รักกันมาก ใช้เวลาร่วมกันมากมายแล้ว ไม่แปลกที่นางจะเริ่มได้ประโยชน์จากเขา
แต่ซูเฉินไม่เคยพูด ทุกคนจึงไม่ได้เตรียมตัว
“เช่นนั้นแผนคุณชายซูคือการใช้เทพอสูรบรรพกาลขัดขวางการควบคุมของราชันจักรพรรดิอสูรหรือ ?” องค์หญิงเว่ยซีหมิ่นเพิ่งเข้าใจว่ากู่ชิงลั่วคิดจะทำอะไร
จะสู้กับคลื่นอสูรทะเล ?
กู่ชิงลั่วไม่มีความสามารถเช่นกัน
แต่กลิ่นอายของเทพอสูรบรรพกาลนั้นดุดันกว่าราชันจักรพรรดิอสูรหลายเท่า รูปลักษณ์ของมันย่อมสั่นคลอนคำสั่งที่ราชันจักรพรรดิอสูรมีต่อสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ
คลื่นอสูรทะเลนั้นน่ากลัว เป็นเพราะอสูรทะเลทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้คำสั่งของราชันจักรพรรดิอสูร แต่คำสั่งนั่นก็ถูกผู้มีพลังแกร่งกว่าขัดขวางได้เช่นกัน
จริง ๆ แล้วตั้งแต่ที่กู่ชิงลั่วปล่อยกลิ่นอายมังกรสุริยะออกมา คลื่นอสูรทะเลก็เริ่มปั่นป่วนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อสูรทะเลที่อ่อนแอกว่าถึงกับร้องออกมาด้วยความกลัวและลดความเร็วลง
อำนาจดุดันของมังกรสุริยะน่ากลัวเกินไปจริง ๆ
“ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีทำให้ความบริสุทธิ์สูงขึ้นถึง 20 ส่วนนับว่าน่าประทับใจมาก” ติ้งเฟิงที่ปกติไม่ค่อยพูดพลันเอ่ย “แต่อำนาจเท่านั้นอาจยังไม่พอ”
แม้กลิ่นอายจากเทพอสูรบรรพกาลจะแกร่งกว่าราชันจักรพรรดิอสูรมาก แต่สายเลือดเทพอสูรบรรพกาลต่างจากเทพอสูรบรรพกาลตัวเป็น ๆ
ยิ่งกู่ชิงลั่วยังอยู่แค่ด่านผลาญจิตวิญญาณ กระทั่งกู่ซินหรงที่เป็นด่านมหาราชัน ผู้ที่ยิ่งกว่าสามารถต่อกรกับราชันจักรพรรดิอสูรสักตัวได้ด้วยฝีมือนางคนเดียวแล้ว นางยังไม่สามารถรับมือกับการควบคุมอสูรทะเลจากราชันจักรพรรดิอสูรเลย
อย่างไรฝ่ายหนึ่งก็เป็นสัตว์อสูร อีกฝ่ายเป็นมนุษย์ อย่างได้ก็ต้องมีความแตกต่าง
แม้ว่ากลิ่นอายที่ออกจากร่างกู่ชิงลั่วจะเข้มข้นมาก แต่ก็ไม่สามารถกดดันคลื่นอสูรทะเลไว้ได้
ทัศนคติในแง่ร้ายของติ้งเฟิงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่ซูเฉินกลับยิ้ม “ข้าไม่เคยบอกว่าขีดจำกัดนางอยู่ที่ 20 ส่วน”
พริบตาต่อมา กลิ่นอายของกู่ชิงลั่วก็ยังหนาแน่นมากขึ้นไปอีก ภาพมังกรสุริยะยิ่งชัดขึ้นราวกับจะจับได้ ภาพของเดิมที่ดูมัวสลัว ๆ ตอนนี้กลับเห็นได้ชัดเจน รายละเอียดลงลึกมากขึ้น สายเลือดมังกรสุริยะเริ่มแผ่กลิ่นอายกดดันรุนแรงออกมา
คลื่นอสูรทะเลสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน พวกมันส่งเสียงร้องโหยหวนและเริ่มลดความเร็วลง
“30 ส่วน !” ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเข้าลึก
ความบริสุทธิ์ของสายเลือดกู่ชิงลั่วอยู่ที่ 30 ส่วนแล้ว
คนตระกูลกู่คนสุดท้ายที่มีความบริสุทธิ์ของสายเลือดสูงเท่านี้ก็เป็นเมื่อ 300 ปีก่อน เป็นด่านมหาราชันที่อายุน้อยและทรงพลังที่สุดในตระกูลกู่
กู่ชิงลั่วสามารถก้าวถึงระดับนี้ได้แล้วเช่นกัน
ทว่าเจียงซีสุ่ยกลับดูโกรธมากกว่าจะดีใจ เขาหันไปตะโกนใส่ซูเฉิน “ซูเฉิน เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ? เจ้าน่าจะรู้ว่าการเพิ่มความบริสุทธิ์ของสายเลือดมันเกิดขึ้นโดยบังเอิญ บางครั้งอาจสูงขึ้นโดยไม่ได้ต้องการก็ยังได้ แล้วตอนนี้เจ้าเพิ่มความบริสุทธิ์ของนางจนถึงขีดจำกัด หากว่าต่อไปนางเกิดปลุกสายเลือดให้ตื่นขึ้นมากกว่าเดิมได้เล่า ? เช่นนั้นก็จะเป็นการทำร้ายนางมากกว่ากระมัง ?”
คนส่วนมากจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงไม่เคยเพิ่มความบริสุทธิ์ของสายเลือดจนถึงขีดจำกัดมาก่อนด้วยเกรงว่าต่อไปอาจจะเผลอปลุกสายเลือดให้ตื่นมากขึ้นได้
ไม่คิดเลยว่าซูเฉินจะเพิ่มความบริสุทธิ์ของสายเลือดของนางมาจนถึงขีดจำกัดเร็วเช่นนี้ นางยังสาว หากโชคร้ายปลุกสายเลือดให้ตื่นขึ้นเพิ่มในอีกหลายปีให้หลังก็คงจะจบเห่
แต่ซูเฉินตอบกลับน้ำเสียงสงบ “แท้จริงแล้วขีดจำกัดของนางไม่ได้อยู่ที่ 30 ส่วนเช่นกัน”
อะไรนะ ?
ทุกคนตกตะลึง
กลิ่นอายกู่ชิงลั่วเริ่มพุ่งทะยานอีกครั้ง
เมื่อกลิ่นอายโบราณยิ่งเข้มข้นขึ้น แผ่กำจายไปทั่วทุกทิศ อสูรทะเลก็พากันร้องเสียงหวาดกลัว ราวกับได้พบเจอตัวตนน่าขวัญผวา กระทั่งราชันอสูรกายเองยังเริ่มแสดงสัญญาณไม่สงบ
“40 ส่วน ! เป็น 40 ส่วน !” เจียงซีสุ่ยกับจีหานเยี่ยนร้องบอก
แม้จะไม่เคยเห็นใครที่มีความบริสุทธิ์ของสายเลือดเทพอสูรบรรพกาลสูงส่งเช่นนี้มาก่อน แต่กลิ่นอายโบราณก็ได้ปลุกความกลัวเบื้องลึกจิตใจของพวกเขาขึ้นมา แม้ว่าเป้าหมายของมันจะเป็นอสูรทะเลก็ตามที อธิบายได้อย่างเดียวก็คือความบริสุทธิ์ของสายเลือดของนางนั้นแตะถึง 40 ส่วนแล้ว
ความบริสุทธิ์ที่ 20 ส่วนสามารถลดความเร็วของคลื่นสัตว์อสูรลงได้เล็กน้อย ที่ 30 ส่วนสามารถทำให้เกิดความระส่ำระส่ายเล็กน้อยขึ้นได้ และที่ 40 ส่วนนั้นมากเกินพอจะสามารชะลอการเคลื่อนที่ของคลื่นสัตว์อสูร และทำให้เกิดความไม่สงบระดับกลางขึ้น
ราวกับได้วางแผนไว้แล้วก็มิปาน คลื่นอสูรทะเลในตอนนี้อยู่ในวงล้อมของกองเรือทั้งหมด พอดีกับที่กู่ชิงลั่วเปิดใช้สายเลือดจนถึงขีดสุด
ตอนนี้อสูรทะเลทั้งหมดที่ด้อยกว่าระดับราชันอสูรกายนั้นล้วนอยู่ในอาการตกใจกลัว มีแต่พวกระดับราชันอสูรกายขึ้นไปเท่านั้นที่ยังพอมีสติอยู่บ้าง กระนั้นก็ดูกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด
และเนื่องจากผลของมันขยายตามระยะทาง พวกที่ยิ่งเข้าใกล้จึงได้รับผลแรงกว่าพวกที่ยังอยู่ไกล ๆ
อสูรทะเลตัวที่ใกล้ที่สุดชะลอการเคลื่อนไหวลงจนแทบหยุด ส่วนตัวที่อยู่ไกลที่สุดก็ยังพยายามเบียดเข้ามาจากด้านหลัง
สถานการณ์มาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ซูเฉินเอ่ย “พวกเราจะรออะไรกันอีกล่ะ ?”
เฟิงหัน จงเจิ้นจวิน เจียงซีสุ่ย และคนอื่น ๆ พลันหลุดจากอาการชะงักงัน เริ่มออกคำสั่งลูกน้องทันที
ตู้ม !
พลังต้นกำเนิดกระจายไปทั่วท้องฟ้า ทั้งพลังลม ไฟ สายฟ้า และธาตุอื่น ๆ ผสมควบรวมกับวิชาอาร์คาน่า พุ่งไปมาทั่วทุกสารทิศ สาดซัดเข้าใส่คลื่นอสูรทะเล
คลื่นอสูรทะเลในตอนนี้ตกอยู่ในความวุ่นวาย ไม่มีกำลังมากพอจะโต้กลับ
จีหานเยี่ยนกลับมองซูเฉินด้วยสายตาโกรธ “ซูเฉิน เจ้าเต็มใจแลกกู่ชิงลั่วกับชัยชนะงั้นหรือ ?”